สายรหัสรัก 1

1569 คำ
Code Line 1 มัดหมี่! มัดหมี่! มัดหมี่ขูดมะพร้าวทำกับข้าวอยู่ในครัว...  เสียงเพลงเสียงกลองดังลั่นลานกว้างๆหน้าคณะ เหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งต่างทั้งร้องและเต้นกันอย่างสนุกสนานหนึ่งในนั้นคือฉันที่กำลังร้องเล่นเต้นเพลงมัดหมี่ อยากจะถามคนคิดซะจริงว่าทำไมต้องมีหลายสเตปแค่สเตปแรกฉันก็หอบแฮกแล้ว นี่อะไรสเตปที่สี่ฉันแทบจะนอนเต้นอยู่กับพื้นถ้าไม่ติดว่าอยากได้ลายเซ็นรุ่นพี่เพื่อใช้ในการเข้าเชียร์นะจ้างให้ก็ไม่ทำหรอก อายค่ะบอกเลย  “พอๆ พี่พอใจละ” เสียงพี่คนหนึ่งในกลุ่มดังขึ้นฉันกับเพื่อนก็หยุดเต้นทันที  “แนะนำตัวให้ฟังหน่อยสิ มีเพื่อนพี่เพิ่งมาใหม่มันยังไม่ได้ฟัง” เหมือนพี่คนที่ถือสมุดเชียร์พวกเราอยู่เอ่ยบอกมาแบบนั้น มุมปากพี่เขาติดรอยยิ้มกรุ้มกริ่มยังไงชอบกล  “สวัสดีค่ะน้องชื่อ...” เพื่อนๆผู้ร่วมชะตากรรมเริ่มรายงานตัวทีละคนกระทั่งคนสุดท้าย  “เอ่อ น้องน่ะไม่ต้องรายงานตัวแล้ว พวกพี่มีเรียนอะนี่สมุด” ฉันที่กำลังจะอ้าปากรายงานตัวก็ต้องหุบฉับลงทันที อะไรของพี่เขากัน ฉันรับสมุดมาพร้อมกับไหว้อย่างงงๆ แต่ก็ดีไปเพราะเสียงฉันเริ่มหายแล้วล่ะแหกปากร้องเพลงนานเกินไป “ได้ครบไหมอะ พวกพี่เขามีเจ็ดคนแต่ทำไมเราได้หกลายเซ็นน่ะ”  “ฉันก็ได้หกแก” อ้าว แล้วฉันได้เท่าไหร่เนี่ย  “น้ำขิงได้กี่ลายเซ็น?” กะทิ เพื่อนในกลุ่มยื่นหน้าเข้ามาถาม “เจ็ด” “เฮ้ย ทำไมได้ครบอะ ต้องเป็นพี่ที่มาใหม่แน่ๆเลยแกอ่า” จู่ๆกะทิก็เอ่ยขึ้นงอนๆ แต่มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะเนี่ย “แกรู้ไหม พี่คนที่มาใหม่น่ะคือพี่วินเว้ย เดือนคณะพี่เขาอยู่ปีสี่แล้ว” “อ่า แล้ว?” ก็ฉันไม่รู้จักพี่เขานี่ ฉันควรจะตื่นเต้นหรือดีใจหรือยังไง “โอ๊ย คุยกับแกแล้วปวดหัวไป ไปหาข้าวกินจะได้ขึ้นเรียน” กะทิล็อคคอฉันแล้วพาเดินไปที่โรงอาหาร เราทั้งสองเรียนคณะบริหารถามว่าทำไมถึงเลือกคณะนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่พี่ชายอยากให้เรียนฉันเลยเรียน ฉันกับกะทิเราเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่มัธยมต้นแล้วพอเข้ามหาลัยก็ดันอยู่ที่เดียวกัน คณะเดียวกันอีกนอกจากนี้ยังมีลิลลี่ที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน เพื่อนใหม่ที่อยู่ในกลุ่มก็จะมีนพแล้วก็ใยบัว ตอนนี้เราเข้ามาเรียนและเริ่มทำกิจกรรมทั้งของคณะและมหาลัย จะว่าสนุกก็สนุกนะแต่บางทีมันก็เหนื่อยแต่จะให้ทำตัวแปลกแยกเพื่อนก็คงอยู่ลำบากเลยต้องทนทำไปก่อน กะทิบอกว่าเดี๋ยวช่วงนี้ก็ผ่านไป  “เย็นนี้ไม่ต้องเข้าเชียร์นะรู้ยัง” นพเงยหน้าจากโทรศัพท์เครื่องเล็ก  “ดีงาม” ลิลลี่เอ่ย ฉันไม่ออกความเห็นแต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวแทน “เออ เห็นเพจคิ้วบอยมหาลัยยังมีรูปพี่วินด้วยนะแก” ลิลลี่อีกเช่นเคยที่ชอบชวนคุยอะไรแบบนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะกลุ่มจะได้ไม่เงียบ ฉันฟังเพื่อนเมาส์กันอยู่นานกระทั่งมีเสียงกรี๊ดดังขึ้นรอบข้าง ไฟไหมเหรอทำไมทุกคนแตกตื่นกัน ฉันหันมองซ้ายขวาเผื่อไฟไหมมาถึงฉันจะได้วิ่งหนีทัน   “แก! พี่วินเว้ย พี่เขาก็มา”  “ฮื่อ หล่อมากแก” “แต่พี่วินดูนิ่งๆนะเหมือนจะหยิ่งแต่บอกเลยฉันยอม! หล่อมาก”  เสียงรอบข้างดังไม่หยุด ฉันหันไปมองตามสายตาเพื่อก็เจอกับกลุ่มรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในโรงอาหาร กลุ่มรุ่นพี่ส่องสายตาไปทั่วกระทั่งหยุดสายตาที่โต๊ะใหญ่ที่พวกฉันนั่งอยู่ เหมือนพวกเขาหันไปปรึกษากันทางสายตาพร้อมกังหัวเราะคิกคิกกัน   “พวกพี่ขอนั่งด้วยได้ไหมโต๊ะมันเต็มหมดเลย” รุ่นพี่คนหนึ่งที่เหมือนผู้หญิงแต่เสียงก็ไม่ใช่เท่าไหร่ เอ่อ นั่นแหละ พี่เขาถามมาแบบนั้นมีเหรอที่พวกฉันจะกล้าปฏิเสธ  “ได้ค่ะพี่ เชิญๆนั่งเลยค่ะ”  “ฮื่อ ลูกสาวแม่น่ารักอะไรขนาดนี้” เอาแล้ว ลิลลี่เจอญาณแม่แล้วทั้งสองนั่งคุยกันหัวเราะคิกๆ อย่างกับรู้จักกันมานาน กลุ่มรุ่นพี่ที่ไปซื้อข้าวก็กำลังทยอยกันมาที่โต๊ะ ฉันที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเลยขยับๆมาขอบด้านนอกเพราะกลัวรุ่นพี่จะนั่งเบียดกัน “แล้วแบบนี้พี่ต้องแนะนำตัวไหมเนี่ย” เสียงพี่ในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น  “เฮียกูไม่อยากรู้จักครับ” นพเอ่ยขึ้นแต่ฉันไม่ได้ฟังต่อว่าพวกเขาคุยอะไรกันเพราะโทรศัพท์ฉันมีสายเข้าจากพี่ชาย “ค่ะ” (เป็นไงบ้างไปเรียนวันแรก) พี่เนท พี่ชายคนเดียวของฉันเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น เราสองพี่น้องมีกันแค่สองคนจริงๆเพราะพ่อกับแม่เสียตั้งแต่เด็กๆเราอยู่กับย่าพอโตขึ้นหน่อยพี่เนทก็ไปเป็นนักร้องเกาหลีไปยังได้ยังไงไม่รู้เห้นบอกว่ามีคนแนะนำให้ไปสมัครหรืออะไรนี่แหละแล้วก็ได้เฉยเลย ไปตั้งแต่เด็กๆเลยแต่เราก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆกระทั่งเมื่อสองปีก่อนย่าเสียเราสองคนเลยไม่มีผู้ใหญ่ที่รู้จักเลยพี่เนทที่แม้จะอยู่ไกลแต่ก็ยังเป้นทั้งพ่อแม่พี่ชายแล้วก็ผู้ปกครองได้อย่างดี   “เหนื่อยดีค่ะ แต่สนุกมีเพื่อนเพิ่มตั้งสองคนแหนะ” ฉันที่ไม่กล้าเข้าสังคมพอมีเพื่อนเพิ่มตั้งสองคนก็รู้สึกดีใจจนปิดไม่มิด อยากอวดพี่ชายตัวเอง (อู้ว ตั้งสองคนแหนะดีใจด้วยนะ ตอนนี้พี่กำลังจะไปฮ่องกงล่ะรอขึ้นเครื่อง) “มาใกล้จัง อยากไปหาเลย” ฉันไม่ได้เจอพี่เกือบปีแล้วนะ (อืม งั้นถ้าพี่มีวันว่างหลังจากเสร็จงานพี่จะไปหานะอาจจะสักสองวัน)  “ไม่เป็นไรเดี๋ยวเหนื่อย เดี๋ยวสิ้นปีจะไปหาที่นู่นเลย” (ก็ได้ พี่ซื้อบ้านแล้วนะมาได้เลยมีห้องให้เราด้วย)  “น่ารัก ขอบคุณนะคะ อ้อ แค่นี้ก่อนนะคะ” (ครับ คิดถึงนะ)  ฉันยิ้มกว้างกับประโยคจากพี่เวท ที่แม้จะได้ยินบ่อยแต่ฉันก็อิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้ยินแต่พอหันกลับมามองผู้ร่วมโต๊ะก็เห็นว่าสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ฉันอย่างสนใน เอ่อ ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนถึงได้มองฉันแบบนั้นล่ะ  “คุยกับแฟนเหรอ?” พี่คนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักๆเอ่ยถามฉันอย่างตื่นเต้น  “เอ่อ ไม่ค่ะ พี่ชายคุยกับพี่ชายทำไมเหรอคะ?” ฉันถามกลับอย่างสงสัย แต่พี่ๆกลับยิ้มมุมปากกันทุกคน ยกเว้นใครคนหนึ่งที่มองหน้าฉันอย่างสงสัย “อ้อ ไม่มีอะไรแนะนำตัวกันหน่อยสิพี่อยากรู้จัก”   “สวัสดีค่ะ หนูกะทิค่ะ” “หนูลิลลี่ค่ะ” “หนูชื่อใยบัวค่ะ”  “ผม...”  “ข้ามๆ ไม่อยากรู้จักมึง” พี่คนหนึ่งเอ่ยขัดเมื่อนพกำลังจะแนะนำตัว  “โว้ย พวกพี่นี่” นพหัวเสียแต่พี่ๆกลับหัวเราะชอบใจ ท่าทีแบบนี้พวกเขารู้จักกันอยู่แล้วใช่ไหม   “หนูน้ำขิงค่ะ"  “น้องน้ำขิง...” พี่คนหนึ่งพูดชื่อฉันโดยเรียกชื่อยาวๆสายตาเจ้าเล่ห์จับจ้องไปที่พี่ที่นั่งเงียบๆอยู่มุมโต๊ะ  “พอๆ พี่ชื่อนนท์นะ เป็นพี่ชายของนพมัน ส่วนนี่ก็ ฟ้า เกรท ช่อฟ้า มะเฟือง  ดา ส่วนไอ้คนนั้นมันชื่อ วิน” พี่นนท์พี่ชายนพเอ่ยแนะนำเพื่อนของเขา “สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้พี่ๆทุกคน “รู้จักกันแบบนี้ เย็นนี้ไปหาอะไรทานด้วยกันหน่อยไหม หมูทะๆอะ” พี่เกรทเอ่ยชวน  “เอ่อ...” กลายเป็นกลุ่มพวกฉันที่เริ่มอึกอัก คือเอาจริงๆก็เพิง่รู้จักพี่ๆนะทำไมถึงได้ชวยไปกินหมูกระทะด้วยกันแล้วล่ะ ฉันมองเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ทีสลับไปมาอย่างสงสัย  “พี่เลี้ยงหน่อยสิ พวกผมจนมากเลย”  “ว่าไงมึง เลี้ยงไหม” พี่ฟ้าหันไปมองคนที่เงียบที่สุดอย่างพี่วิน รายงั้นเงยหน้าจากจานข้าวก็สบสายตาฉันเต็มๆเลยล่ะ เขาไม่มีวี่แววจะละสายตาไปกลายเป็นฉันเสียเองที่ต้องเลี่ยงมองอย่างอื่น  “อะไร” พี่วินถามกลับแต่ฉันไม่รู้ว่าเขาทำหน้ายังไงอยู่กันแน่เพราะฉันก้มหน้าเล่นโทรศัพท์แทนแล้วล่ะตอนนี้ เมื่อไหร่ใยบัวจะกินข้าวเสร็จฉันอยากกลับแล้ว ไม่สิฉันมีเรียนตอนบ่ายด้วยนี่า “ก็ชวนน้องไปกินหมูกระทะ เลี้ยงไหม?” พี่ฟ้าถามย้ำ “ก็ถ้าไปก็เลี้ยง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม