9
เมื่อมาถึงโรงแรม เจ้าชายก็พยุงฉันที่เริ่มเดินได้แล้วมาส่งถึงห้อง ฉันยื่นคีย์การ์ดให้เขาเพื่อเปิดประตู แต่ระหว่างที่กำลังส่งคีย์การ์ดให้นั้นฉันก็สังเกตเห็นแสงไฟบางอย่างลอดมาจากใต้ประตูห้อง
“มีอะไร” เจ้าชายถามเมื่อฉันถือคีย์การ์ดค้างไว้แต่ไม่ยอมส่งให้
“สะ...แสงไฟ ตอนฉันออกจากห้องไป ฉันปิดไฟในห้องหมดแล้วค่ะ” ฉันตอบอย่างกังวล เจ้าชายจึงรีบดึงคีย์การ์ดไปจากมือแล้วดันให้ฉันไปหลบอยู่ข้างหลัง
“จะให้วิ่งหนีไปก็คงไม่รอด งั้นหลบอยู่ข้างหลังฉันก็แล้วกัน”
ฉันพยักหน้ารับ มือทั้งสองข้างเกาะไหล่เจ้าชายไว้เพราะยังยืนได้ไม่มั่นคงนัก เขาจัดการเสียบคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูห้องเข้าไปทันที
เราสองคนค่อยๆ ย่องไปทีละก้าวๆ ที่ห้องรับแขกไม่มีใครอยู่สักคน ฉันจึงชี้ไปที่ห้องนอนซึ่งฉันใช้นอนกับสเตล่า เจ้าชายพยักหน้ารับแล้วเดินเลี้ยวไปทางห้องนอนอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงดัง และทันทีที่เจ้าชายผลักประตูห้องนอนเข้าไป ร่างของคนที่ฉันคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏขึ้น
“สเตล่า!” ฉันรีบกระโดดโหยงๆ เข้าไปหาสเตล่าที่นอนหมอบอยู่บนเตียง เนื้อตัวของสเตล่ามีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ใบหน้าฟกช้ำ และมีเลือดออกในบางที่
“เจ้าหญิง...”
“สเตล่า เกิดอะไรขึ้น ใครทำกับเจ้าแบบนี้” ฉันถามเสียงสั่น น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง
“เจ้าหญิง...หม่อมฉัน...ขอโทษนะเพคะ”
สิ้นคำสเตล่าก็เอาอะไรสักอย่างที่ลักษณะคล้ายเข็มจิ้มลงมาที่คอของฉัน หลังจากนั้น...ฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว...
สเตล่าจัดการใช้เข็มยาสลบจิ้มเข้าที่คอของมู่หลานแล้วจับให้เธอนอนบนเตียงอย่างดี ก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น บีวายมองการกระทำของเธอด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณทำอะไรมู่หลาน!” บีวายตวาดเสียงดังลั่น
“ฉันแค่อยากให้เจ้าหญิงได้พักผ่อน” สเตล่าตอบก่อนจะคลานไปกราบแทบเท้าของมู่หลาน แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มร่างเธอเอาไว้ เธอลุกขึ้นผายมือเชิญให้บีวายออกไปคุยกันที่ห้องรับแขก
“คุณเป็นใคร” เขาถามน้ำเสียงอ่อนลง หลังจากได้เห็นการกระทำที่สเตล่าทำต่อมู่หลานแล้ว เขาจึงมั่นใจว่าเธอไม่ใช่คนไม่ดีแน่นอน
“ฉันเป็นราชเลขาฯ ของเจ้าหญิงมู่หลาน”
“หา?” บีวายถามเสียงสูงอย่างงุนงง อันที่จริงเขาพอจะรู้อยู่แล้วว่ามู่หลานคือเจ้าหญิงที่หนีพิธีหมั้นมาอยู่ประเทศไทย แต่ไม่คิดว่าคนที่ติดตามมู่หลานมาจะบอกความจริงกับเขา
“ทำไมถึงบอกความจริงกับผม” เขาถามเสียงเครียด เริ่มมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องมีเรื่องยุ่งยากตามเขามาอีกเป็นกระบุงแน่นอน
“เพราะฉันจำเป็นต้องพึ่งคุณ”
“พึ่งผม?”
“ค่ะ ตอนนี้ที่ประเทศนอร์ก้ามีพวกต่อต้านเกิดขึ้น หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากบฏ พวกมันกำลังตามล่าเจ้าหญิง เพื่อจะเอาไปต่อรองกับองค์ราชินีและรัฐบาลของประเทศนอร์ก้า ลบล้างระบอบการปกครองโดยพระราชินี”
บีวายย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็นที่มีผู้ชายที่พูดจาด้วยภาษาแปลกๆ ไล่ตามมู่หลาน ก่อนจะเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์เองได้
“ณ ตอนนี้ พวกกบฏมันรู้แล้วว่าเจ้าหญิงซ่อนตัวอยู่ที่ไหน และกำลังตามล่าเจ้าหญิง เมื่อวานฉันได้เจอกับพวกมันเข้า พวกมันจับตัวฉันไปทำร้ายเพื่อจะบีบบังคับให้เจ้าหญิงยอมไปกับมันแต่โดยดี”
บีวายพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเสนอความคิดเห็น
“แล้วทำไมถึงไม่ติดต่อกับรัฐบาลเรื่องกบฏ และก็แจ้งเรื่องที่ตอนนี้มู่หลาน เอ่อ...เจ้าหญิงอยู่ที่นี่ กำลังตกอยู่ในอันตราย”
สเตล่าถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้า
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ สายในวังรายงานมาว่า หัวหน้าพวกก่อการกบฏครั้งนี้คือท่านนายกรัฐมนตรีค่ะ”
บีวายพยักหน้ารับอย่างเข้าใจทันที หากสเตล่าติดต่อกลับไปยังรัฐบาล นายกฯ ก็จะรับรู้เรื่องนี้ได้ก่อนใคร และชีวิตของมู่หลานก็จะตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม
“เข้าเรื่องเลยละกันนะคะ ฉันอยากให้คุณช่วยพาเจ้าหญิงไปหลบอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนฉันจะล่อพวกมันไปยังประเทศอื่น และจะคอยประสานงานติดต่อกับผู้บังคับบัญชากองทหารของประเทศนอร์ก้า เพื่อวางแผนเล่นงานพวกกบฏ”
“ทำไมผมต้องช่วย พวกคุณไม่ใช่คนไทยเสียหน่อย” บีวายตอบตามใจคิด ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปที่ประตูเพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องที่เกี่ยวพันกับประเทศชาติแบบนี้
“แต่มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะปกป้องเจ้าหญิงได้!”
“คุณรู้ได้ยังไง หรือแค่เห็นผมพาเธอมาส่งวันนี้ก็คิดว่าผมจะต้องดูแลเธอได้งั้นเหรอ” บีวายถามกลับน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันคอยเฝ้าดูเจ้าหญิงเวลาอยู่ที่โรงเรียนตลอด ทุกครั้งที่เจ้าหญิงโดนรังแก คุณและเพื่อนๆ อีกสี่คนของคุณจะเข้าไปช่วยเสมอ ฉันถึงวางใจได้ว่าเจ้าหญิงจะต้องปลอดภัยเมื่ออยู่กับพวกคุณ”
“นั่นมันก็แค่การช่วยเหลือเล็กๆ จากเด็กในโรงเรียน ไม่ใช่ต้องมาคอยดูแลให้ปลอดภัยจากพวกกบฏที่มีอาวุธครบมือแบบนั้น”
“แต่ฉันมั่นใจว่าพวกคุณต้องทำได้แน่ ขอร้องเถอะค่ะ อนาคตของประชาชนประเทศนอร์ก้าขึ้นอยู่กับคุณและเพื่อนๆ ของคุณ เพราะเจ้าหญิงคือองค์รัชทายาทอันดับหนึ่งที่จะต้องขึ้นเป็นราชินีปกครองประเทศต่อจากเสด็จแม่ของเธอ ถ้าเจ้าหญิงทรงเป็นอะไรไป...ประเทศนอร์ก้าต้องล่มสลายเพราะคนชั่วแน่ๆ!”
สเตล่าลงไปนั่งคุกเข่าและก้มหัวจรดพื้นเพื่อขอร้อง บีวายขยุ้มหัวตัวเองอย่างหัวเสีย ในที่สุดเขาก็ต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องบ้าๆ อีกจนได้
“นานเท่าไหร่?”
“คะ?”
“คุณจะเอาเจ้าหญิงของคุณมาทิ้งไว้ให้ผมดูแลนานเท่าไหร่”
“คงจะประมาณเดือนถึงสองเดือนค่ะ” สเตล่าตอบอย่างเกรงใจ
“นานไปหรือเปล่า!” บีวายตวาดลั่น เขาไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งดูแลใครนานขนาดนั้น
“งั้นเดือนเดียวก็ได้ค่ะ ฉันกับทางผู้บังคับบัญชาจะรีบเร่งจัดการพวกกบฏให้เร็วที่สุด ได้โปรดดูแลเจ้าหญิงมู่หลานให้ด้วยนะคะ”
“แล้วผมมีทางเลือกหรือไง” บีวายบ่นอุบก่อนจะมองไปที่ประตูห้องนอนซึ่งมีมู่หลานนอนหลับสนิทอยู่ ก่อนจะละสายตามาหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสายบีไอที่โทรเข้ามา
“...เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”
บีวายกดวางสายเมื่อคุยเสร็จ ก่อนจะมองไปยังสเตล่าที่เลิกคุกเข่าแล้ว
“พรุ่งนี้ผมจะรีบมารับมู่ เอ่อ...เจ้าหญิง”
“เรียกตามที่คุณถนัดเถอะค่ะ”
“โอเค พรุ่งนี้ผมจะรีบมารับมู่หลานแต่เช้า คุณก็จัดการอธิบายทุกอย่างด้วยละกัน ผมขอตัว”
สเตล่าพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวขอบคุณเขาอย่างซึ้งใจ บีวายรีบวิ่งออกจากห้องไปที่รถเพื่อขับไปหาบีเอ็มที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์โรงแรมถูกวางระเบิดเมื่อครู่ที่โรงพยาบาลทันที
รุ่งเช้า
ฉันกำลังช่วยสเตล่าจัดกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นทั้งหมด หลังจากที่พอตื่นขึ้นมาสเตล่าก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่สเตล่าบอกความจริงกับเจ้าชายไปแล้วว่าฉันเป็นใคร และต้องการให้ฉันไปอยู่กับเจ้าชายก่อนเพื่อความปลอดภัย
“สเตล่าจะไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอ” ฉันถามอีกครั้ง สเตล่าที่ยกกระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ตรงประตูหน้าห้องให้แล้วส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ได้จริงๆ เพคะ หม่อมฉันต้องล่อพวกมันไปที่อื่นเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหญิง”
“แล้วความปลอดภัยของเธอล่ะ!”
“ชีวิตของหม่อมฉันไม่ได้มีความสำคัญกับประเทศนอร์ก้า แต่ชีวิตของเจ้าหญิงมี...”
“ใครบอกกันว่าชีวิตของเธอไม่มีความสำคัญ ทุกคนที่เกิดบนแผ่นดินของนอร์ก้าถือว่ามีความสำคัญและมีค่าต่อประเทศนอร์ก้าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสด็จแม่ มิเทล เรา เจ้า หรือแม้แต่พวกกบฏ ขอเพียงเป็นคนนอร์ก้า ทุกคนสำคัญสำหรับเรา...”
“หม่อมฉันเข้าใจเพคะว่าเจ้าหญิงทรงรู้สึกยังไง หม่อมฉันสัญญาว่าจะรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นและจะกลับมาหาเจ้าหญิงให้เร็วที่สุดเพคะ”
“สัญญากับเราสเตล่า สัญญากับเราว่าเจ้าจะต้องปลอดภัย”
สเตล่ายิ้มกว้างอย่างใจดี ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงกราบที่เท้าของฉัน และยกมันขึ้นวางบนศีรษะของตัวเอง
“หม่อมฉันพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้าหญิงและประเทศนอร์ก้าของเราเพคะ”
ฉันพยักหน้ารับอย่างซาบซึ้งใจ ฉันและประเทศนอร์ก้าโชคดีจริงๆ ที่มีคนที่ซื่อสัตย์ขนาดนี้อยู่เคียงข้าง ขอให้เทพเจ้าที่ปกปักรักษาแผ่นดินนอร์ก้ามาตั้งแต่บรรพบุรุษช่วยดูแลและคุ้มครองสเตล่าด้วย อย่าให้เธอต้องมีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“สงสัยจะมาแล้วเพคะ” สเตล่ารีบวิ่งไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะ ฉันนั่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยู่ในห้องนอนอย่างตื่นเต้น จะทักทายเจ้าชายว่ายังไงดีล่ะ ปิดบังเรื่องที่เป็นเจ้าหญิงมาตั้งนานซะด้วย...
“แค่มารับเฉยๆ ไม่พอใจหรือไง ต้องให้แบกไปขึ้นรถด้วยเหรอ”
ฉันสะดุ้งอย่างตกใจเล็กน้อย เมื่อหันไปมองก็เห็นเจ้าชายยืนเท้าแขนกับขอบประตูห้องนอนพลางมองมาด้วยสีหน้าเอือมระอา นี่ฉันสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าชายอีกแล้วสินะ...
“ฉันจะขนของไปไว้ที่รถให้ ทะเบียนอะไรคะ” สเตล่าที่เดินตามหลังมาเอ่ยถามเจ้าชาย
“กค 4321”
สเตล่าพยักหน้ารับก่อนจะจัดการขนกระเป๋าทุกใบออกจากห้องไป
“ไงครับ เจ้าหญิงเมทาริเซีย ดาริบเฟียล ดารุชที่ 8”
ฉันหลุบตามองพื้นเพราะไม่กล้ามองหน้าเจ้าชาย ฉันทำให้เขาโกรธอีกแล้ว ชาตินี้ฉันจะทำให้เจ้าชายถูกใจหรือว่าพอใจได้บ้างมั้ยนะ
“เชิญเสด็จเพคะ” เจ้าชายพูดพลางผายมือไปที่ประตูหน้า แต่ฉันยังไม่ลุก และยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นขำ ผู้ชายที่ไหนพูดเพคะกันล่ะเนี่ย ฮิๆ
“เป็นอะไร”
“ปะ...เปล่า ฮิ... ค่ะ” ฉันบอกปัด ตั้งสติไว้มู่หลาน ขืนเจ้าชายรู้ว่าขำอะไรต้องโดนโกรธอีกแน่!
“บอกมานะว่าขำอะไร!” เจ้าชายถามเสียงดังขึ้น พร้อมกับเดินตรงมาทางฉันที่ยังนั่งแช่อยู่บนเตียง
“มะ...ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” โอ๊ย...กลั้นขำจนปวดท้อง TOT
“โกหก บอกฉันมานะยัยเจ้าหญิง!”
“รุ่นพี่ระวังค่ะ!” ฉันตะโกนบอกพร้อมกับชี้ไปที่พื้นซึ่งมีถุงพลาสติกวางอยู่ แต่ว่า...ไม่ทัน เจ้าชายเหยียบถุงพลาสติกนั่นเต็มๆ ก่อนจะลื่นล้มมาทางฉัน!
“โอ๊ะ!” ฉันร้องเสียงหลงอย่างตกใจ ร่างของเจ้าชายทาบทับลงมาบนร่างของฉัน เส้นผมของเขาปรกลงมาบนหน้าฉัน ขณะที่เจ้าชายเองก็เบิกตากว้างอย่างตกใจไม่แพ้กัน
“เอ่อ...” ฉันพยายามส่งเสียงเพื่อเรียกสติเจ้าชาย แต่เขากลับไม่ขยับไปไหนเลย ตัวหนักเหมือนกันนะเนี่ย จะแบนอยู่แล้ว T_T
“O///O” ฉันเบิกตากว้างกว่าเดิมเมื่อเจ้าชายเริ่มโน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนปลายจมูกของเราสองคนแตะกันเบาๆ ระ...หรือว่า...จู...
“หน้าเธอเล็กกว่ามือฉันอีกนะเนี่ย”
“เอ๋?” ฉันร้องเสียงหลงอย่างงุนงง เมื่อเจ้าชายกางมือซ้ายออกมาปิดลงบนหน้าของฉัน ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนตามปกติ
“ลุกสิ หรืออยากนอนให้ฉันทับต่อ =_=”
“คะ?”
“คราวนี้ทับแล้วทับเลย ลุกยากนะจะบอกให้”
จบคำนั้นฉันก็รีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงแด่ว เจ้าชายยืนอมยิ้มขำอยู่สามวินาทีก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป