Episode-๒๐ ตามใจเธอ

1894 คำ
เป็นชั่วโมงเรียนที่ชิวมากค่ะ เพราะอาจารย์ไม่สอนและอนุญาตให้เอางานอะไรขึ้นมาทำก็ได้ แน่นอนว่าฉันเสร็จหมดแล้วและกลายเป็นคนว่างนอนรอให้หมดชั่วโมงไป “เมื่อคืนไปไหนมาเหรอเห็นผ่านหลังบ้านไปตอนดึก” ฉันเอ่ยถามเก้าหลังจากเงียบอยู่นาน “หืม... เที่ยงคืนแล้วนะเธอยังไม่นอนอีกเหรอ” “ยัง!” เก้าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา “เพิ่งกลับจากทำงานน่ะ” งานที่เขาว่าคืออะไรฉันรู้ดี “วันหยุดนี้เขาไปออกทริปกันที่แพกาญจนบุรีเธอไปด้วยกันนะ” “ดูก่อนนะว่าแม่ให้ไปไหม” “อืม” ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งก่อนที่เก้าจะเป็นฝ่ายพูดต่อ “คืนนี้รับสายด้วยนะ” “อืม” ความจริงเก้าก็โทรมาทุกคืนแหละค่ะแต่ฉันหลับก่อนไง “อย่าดึกมากนะเผื่อเราหลับก่อน” “ครับ” “ห๊ะ? ครับ?” เอ็กซ์ที่นั่งฟังอยู่แต่แรกถึงกับต้องทวนคำพูดของเก้าอีกครั้ง “มึงพูดอีกทีซิไอ้เก้า” “เสือก” “กูว่ากูเจอละคนที่จะเปลี่ยนมึง ไม่ใช่สิ! คนที่ทำให้มึงยอมเปลี่ยนตัวเองต่างหาก” “...” มองหน้าสบตากันนิ่ง ๆ และวันนี้เองที่เพิ่งเห็นสายตาที่ต่างออกไป... “อย่ามาสบตาปิ๊ง ๆ กันตรงนี้ได้ไหมพวกกูเขินแทน” ... : ฮ่า ๆ เลิกเรียนฉันก็กลับบ้านตามปกติค่ะ แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่เก้ารอรับหน้าประตูเพราะปกติจะรอที่ป้ายรถเมล์หรือไม่ก็ตรงที่ที่คนไม่ค่อยเห็น “แน่ใจเหรอว่าจะรับตรงนี้?” “ไม่ค่อยแน่เหมือนกันแต่ก็ไม่อยากทำให้เธอคิดมากอีก” “หวังว่าคืนนี้เราจะได้คำตอบดี ๆ จากนายนะ” “...” เก้าไม่ตอบอะไรแค่เพียงระบายยิ้มออกมาบาง ๆ เท่านั้นเอง ส่งฉันเสร็จเขาก็กลับไปค่ะ แต่ไม่ได้กลับบ้านหรอกน่าจะมีอะไรสักอย่างเพราะตอนแรกเขาเข้ามานั่งเล่นในบ้านแล้วแต่พอมีสายเข้าก็รีบออกไปทันที เวลาล่วงเลยมาจนถึงสามทุ่มคนที่บอกจะโทรหาก็หายเงียบไปอีกแล้วค่ะจนฉันเกือบจะผล็อยหลับไปนั่นแหละมือถือถึงได้มีสายเรียกเข้า “อื้อ...” (เธอ... เสียงโคตรเซ็กซี่เลยเหอะ) “หึ! ถ้านายโทรช้ากว่านี้สักห้านาทีเราอาจจะหลับสนิทไปแล้วก็ได้” (เพิ่งถึงบ้านครับ) “รู้สึกไม่ชินหูเลยพูดเหมือนเดิมเถอะ” (เดี๋ยวก็ชิน เมื่อตอนกลางวันเห็นนะ) “เห็นอะไร?” (ไอ้นั่นน่ะ คุยอะไรกัน) “พี่พีทอะเหรอ เขาแค่ทักทายเฉย ๆ” พี่พีทก็คือคนที่เคยขอเบอร์แต่ฉันไม่ให้นั่นแหละ (...) ปลายสายเงียบไปเมื่อฉันตอบออกไปแบบนั้นซึ่งมันไม่มีอะไรเลยค่ะ พี่เขาแค่ถามเรื่องเรียนต่อแค่นั้นเอง “วันก่อนไปไหนมาเหรอที่เจอกันหน้าร้านสะดวกซื้ออะ” (ไปรับไอ้โอมรถมันยางรั่ว) “แต่เราเห็นนายไปกับแก้ว” (แก้วไปกับไอ้โอมเราไปกับไอ้กายรถมันยางรั่วก็เลยทิ้งไอ้กายไว้ตรงนั้นแล้วไปรับไอ้โอมไงเลยจำเป็นต้องให้แก้วมากับเรา หลังจากเธอกลับไปเราก็เอารถไปทำเสร็จแล้วก็เข้าบ้านไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย) เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เก้าอธิบายให้ฉันเข้าใจ ปกติเขาจะพูดน้อยหรือไม่ก็ปล่อยให้ฉันเข้าใจไปแบบนั้น (เรื่องนี้เองเหรอที่เธองอน) “เปล่าหรอกก็เห็นนายหายหน้าไปคิดว่าโกรธเรื่องที่เราปฏิเสธซะอีก” (ตื่นสายน่ะเลยขี้เกียจไป เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าเราจะรู้สึกไม่ดี เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือก มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ) “กะ ก็นายบอกเองว่าเราเป็นเพื่อน ทำไมอยู่ ๆ ถึง...” (เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง นอกจากจะไม่เหมือนใครแล้วยังมองมุมที่คนอื่นเขาไม่มองกันอีกด้วย คนอื่นมองเราแค่เด็กเกเรคนหนึ่งแต่เธอมองลึกไปกว่านั้น ทัศนคติ ความคิด และอีกหลายอย่างมันทำให้เรามองเธอไม่เหมือนเดิม ไม่ได้อยากครอบครองแต่ก็ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน ไม่รู้สิ... รู้แต่ว่าชอบ) “ขอโทษนะที่เราตอบไปแบบนั้น เราแค่...แค่...” (แค่ไม่รู้ใจตัวเองว่าความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้คือเพื่อนหรืออะไร) “...” (ตามใจเธอนะ ระหว่างที่ตามหาคำตอบขออย่างเดียวอย่าเพิ่งพาใครเข้ามาในชีวิตก็พอ) “นอกจากนายก็ไม่มีใครวุ่นวายกับเราแล้วล่ะ” (น่ะ! ต้องรู้สึกดีสินะ) “คิกคิก” ถ้าจะพูดกันตามความเป็นจริงฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนที่เก้าบอกจริง ๆ นั่นแหละค่ะ ความรู้สึกตอนนี้คืออะไร เพื่อน เพื่อนสนิท หรือว่าเพื่อนรักฉันแยกความหมายของความรู้สึกไม่ออกด้วยซ้ำ แต่ดีหน่อยที่เก้าไม่ได้รบเร้าหรือมีท่าทีแปลก ๆ ออกมาไม่อย่างนั้นฉันเองก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เช้าอีกวันก็มาเรียนตามปกติค่ะ แต่มันแปลก ๆ เวลาเจอหน้ากัน ตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาคิดเกินเพื่อนมันก็เฉย ๆ ไง แต่พอรู้หมดทุกอย่างแล้วมันเลยทำตัวไม่ค่อยถูก จะว่าเขินก็ได้แหละ “ในที่สุดกูก็ได้เห็นภาพนี้สักที” “เออ ถ้ามันยังไม่เปิดตัวกูกับมึงคงทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ กันอีกนาน” “มีวาสนาแค่แอบดูเขารักกันแท้ ๆ” แซ็กกับโบเอ่ยเมื่อเห็นฉันกับเก้ามาพร้อมกัน แสดงว่าที่ผ่านมาเราสองคนเป็นที่จับตามองอยู่ตลอดเลยสินะ “มึงสองคนแอบตามกู?” “เปล๊า! แค่บังเอิญเห็นบ่อย ๆ เท่านั้นเอง ใช่ไหมไอ้โบ” “เออใช่ ๆ ๆ” “กับไอ้แก้วล่ะ นายนี่ยังไง?” ปูนาที่นั่งเงียบอยู่ถามขึ้นมาบ้าง และฉันก็ดันอยากรู้คำตอบซะด้วยสิ “นั่นก็เพื่อน นี่ก็เพื่อนเหมือนกัน” “เพื่อนกัน ใครจะคิดยังไงไม่รู้แต่กูไม่คิด” “เหอะ! มั่นคงในความรู้สึกตัวเองให้ได้ตลอดก็แล้วกัน” “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” “...” สองคนนี้คงไม่มีวันญาติดีกันเลยมั้งคะ เจอหน้ากันทีไรต้องเหน็บแนมกันทุกทีเลย คนหนึ่งก็อคติส่วนอีกคนก็กวนประสาท “เรื่องที่ชวนไปเที่ยวแพตกลงว่าไง” เอ็กซ์เอ่ยเพื่อทำลายความเงียบ “กูไป” “กูด้วย” “กูด้วย” ทุกคนตอบตกลงกันหมดเหลือแต่ฉันกับปูนา “ที่รักมึงไปไหม?” ปูนาไม่มีคำตอบในทันทีก่อนจะหันมาถามฉัน “แกไปไหม?” “ไป” เก้าเป็นคนตอบค่ะ ฉันยังไม่ทันคิดเลยด้วยซ้ำ “เราบอกตอนไหน?” “ก็ไม่เห็นเธอปฏิเสธนี่” น้ำเสียงราบเรียบตอบพร้อมกับกดยิ้มที่มุมปาก จะว่าไปก็เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะคะ “สรุปไปทุกคนนะ” “เออ” เลิกเรียนเก้าพาฉันแวะเข้าไปที่บ้านหลังนั้นค่ะ ขอเรียกเขาว่าเฮียแล้วกันนะคะ “ไง...” “สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายและยกมือไหว้อย่างมีมารยาท แม้ว่าใบหน้าเรียบเฉยบวกกับรอยสักที่มีทุกอณูผิวของเขาจะดูน่ากลัวแต่ความจริงเขาไม่ได้น่ากลัวเลยแค่บุคลิกมันพาไปเท่านั้นเอง “ครับ มึงมาก็ดีเลยไปกับกูหน่อย” ประโยคหลังเขาพูดกับเก้าค่ะ “ตัวอยู่กับน้องก่อนนะเดี๋ยวเขามา” หันไปบอกแฟนเขาจากนั้นก็เดินนำไปที่รถทันที “เดี๋ยวเรามานะแป๊บเดียว” “แป๊บเดียวจริงนะ” “อื้ม” คล้อยหลังเก้าฉันก็ยังยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนใครอีกคนต้องเดินมาจูงมือพาเข้าบ้าน คือฉันทำตัวไม่ถูกค่ะ อีกอย่างที่นี่ฉันก็ไม่รู้จักใครเลยเพราะเก้าไม่เคยแนะนำ “พี่ชื่อเส้นด้ายนะ เราไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอกมีแต่คนกันเองทั้งนั้นแหละ อย่างมากไอ้พวกนั้นมันก็แค่กวนตีน” เป็นผู้หญิงที่เสียงเท่มากค่ะแถมยังดูเป็นคนลุย ๆ อีกด้วย “หนูทำตัวไม่ถูก” ฉันว่ายิ้ม ๆ แล้วกวาดสายตามองไปรอบบริเวณที่มีคนจำนวนหนึ่งดื่มกันอยู่ “ไม่ต้องกลัว ทุกคนที่นี่ก็ไม่ต่างจากไอ้เก้าหรอก รวมถึงพี่กับเฮียก็ด้วย” “ยังไงเหรอคะ?” “ความรู้สึกตอนไม่มีใครมันแย่นะ ในเมื่อมีครอบครัวที่ดีไม่ได้ก็ต้องสร้างสังคมพี่น้องต่างพ่อต่างแม่แบบนี้แหละ” “...” ไม่เข้าใจค่ะ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ ฉันจะไม่ตัดสินใครเพียงเพราะสิ่งที่เขาทำมันคือสิ่งไม่ดีหรอกนะ ทุกคนต่างมีเรื่องที่อยากรู้อยากลองไม่เว้นแม้กระทั่งตัวฉันเอง ระหว่างรอเก้าฉันไม่เหงาเลยค่ะเพราะพี่เส้นด้ายชวนคุยตลอด พอได้ทำความรู้จักใกล้ชิดกันจริง ๆ พวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวหรืออันตรายอย่างที่คิดเลย “เพียงจันทร์ แล้วไอ้เก้าล่ะ” บุคคลที่มาใหม่คือโอมกับแก้วค่ะและเป็นจังหวะเดียวกับที่เก้ามาพอดี “นั่นไง มาแล้ว” ฉันว่าพลางพยักเพยิดหน้าไปทางลานจอดรถ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเก้าที่ชโลมไปด้วยเลือด “เฮีย! เกิดอะไรขึ้น” พี่เส้นด้ายรีบเข้าไปประคองแทบจะทันที สภาพทั้งสองคนคือไม่ต่างกัน “มันบิด เดี๋ยวก่อนเถอะกูตามคิดบัญชีแน่” แทบไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาคุยกันเลยค่ะเพราะมัวแต่จดจ้องอยู่กับใครอีกคนมากกว่า “ได้แผลใหม่จนได้นะมึง” โอมพึมพำออกมาก่อนจะประคองเก้านั่งลงข้างฉัน “ไปหาหมอไหมแผลมึงแตกเยอะเลยเนี่ย” “ไม่ ๆ กูไหว” “ไม่ต้องพูดหรอกโอมต่อให้จะตายอยู่ตรงหน้าคนหัวรั้นมันก็ไม่ฟังหรอก” ไม่ได้ประชดนะคะตั้งใจกระแทกแดกดันเลยแหละ “ดุเก่งฉิบหายเลย” “...” ฉันเงียบและเอากล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่พี่เส้นด้ายหยิบมาให้ทำแผลให้คนตรงหน้า “ซี๊ด...เจ็บ!” “...” “เอาอีกแล้ว บรรยากาศตึงเครียดอีกแล้วไง” “ฮ่า ๆ กูกำลังจะพูดพอดีเลยไอ้โอม” “ไปหาหมอก็ได้ไม่เห็นต้องกดดันทางอ้อมแบบนี้เลย” เก้าพูดออกมาเบา ๆ เหมือนรู้ว่าที่ฉันเงียบใส่เพราะอะไร “ว่าไงนะ มึงพูดใหม่อีกทีซิ?” พี่เส้นด้ายทวนคำถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “มึงเนี่ยนะยอมไปหาหมอ” “ถ้าไม่ตามใจเขานอกจากจะไม่ได้ไปหาหมอแล้วคงได้ไปวัดแทนแหละพี่ กดจนเจ็บหมดแล้วเนี่ย” ประโยคหลังแอบมองบนใส่ฉันอีกด้วยนะคะ “สมน้ำหน้า!” “เธอครับ...” ... : ฮ่า ๆ บอกแล้วค่ะว่าคนอย่างเก้าต้องใช้ความเงียบเข้าใส่เท่านั้นเขาถึงจะยอมฟัง ส่วนที่มาที่ไปของบาดแผลค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม