Episode-๐๑ ทำความรู้จัก

1589 คำ
“หวัดดี เด็กใหม่ใช่ไหมอยู่ห้องไหนเหรอ?” ใครคนหนึ่งเอ่ยทักทายฉันขณะที่กำลังงุนงงอยู่เพราะไม่รู้ว่าตัวเองต้องไปเข้าแถวตรงไหน “สองทับสองน่ะ แต่เราไม่รู้ว่าต้องเข้าแถวไหน” “เราชื่อปูนานะ เรียกปูเฉย ๆ ก็ได้ตามเรามาเลยเราเป็นหัวหน้าห้องสองทับสองเองแหละ” คนตรงหน้าแนะนำตัวอย่างเป็นกันเองแถมยังฉีกยิ้มกว้างให้ฉันอีกด้วย “เราเพียงจันทร์นะ จะเรียกยังไงก็ได้แล้วแต่จะสะดวก” “ก็ต้องเรียกเพียงจันทร์นั่นแหละ อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยจันทร์เฉย ๆ มันดูเชยไปหน่อย” “ฮ่า ๆ นั่นสินะ” พูดคุยทำความรู้จักกันอยู่หลายนาทีก่อนจะพากันไปเข้าแถวค่ะ ปูนาเป็นคนยิ้มเก่งมากแถมยังชวนคุยอยู่ตลอดเหมือนรู้ว่าฉันยังประหม่าและไม่ชินเท่าไหร่ ที่ที่ฉันย้ายมาเป็นโรงเรียนขนาดเล็กในต่างจังหวัดค่ะ เพื่อนน้อยและเด็กนักเรียนก็น้อยด้วย ไม่เหมือนที่นี่เพื่อนในห้องตั้งห้าสิบคนแน่ะ ทั้งโรงเรียนเดินสวนกันวุ่นวายไปหมด กว่าจะปรับตัวได้คงใช้เวลาพอสมควร เลิกแถวก็แยกย้ายกันเข้าโฮมรูมแล้วฉันก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที... “ไม่ต้องตกใจ มันเป็นเรื่องปกติน่ะที่ไม่ปกติคือโรงเรียนนี้ไม่ค่อยรับใครเข้ากลางเทอมแต่ถ้าหัวกระทิก็จะเข้าได้โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ อย่างเช่นเธอ” ปูนาร่ายประโยคยาว ๆ ออกมาเมื่อเห็นฉันเอาแต่จ้องมองไปทั่วบริเวณ “แล้วอีกอย่างนะที่นี่ไม่ให้ไว้ผมยาวยกเว้นมอปลาย” “จริงเหรอ?” ฉันเอ่ยถามแทบจะทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นเพราะโรงเรียนเก่าไว้ผมยาวได้ค่ะ และแน่นอนว่าทั้งห้องฉันรวบผมอยู่คนเดียว “ใจเย็น ๆ เดี๋ยวเธอค่อยตัดก็ได้ เดี๋ยวอาจารย์ที่ปรึกษาคงบอกเอง” “ตอนเรามายื่นใบสมัครไม่เห็นเขาพูดอะไรเราเลยเข้าใจว่าไว้ผมยาวได้” “ไม่เป็นไร ไม่รู้ก็ไม่ผิดไม่ต้องคิดมาก” แค่เพียงไม่นานอาจารย์ที่ปรึกษาก็มาค่ะ ก็มีการแนะนำตัวกันไปหลังจากนั้นก็เข้าเรียนตามปกติ “เธอ ๆ เราชื่อโบนะ” “โบ?” ถึงกับต้องทวนชื่ออีกครั้ง ผู้ชายอะไรชื่อโบ “เทอร์โบน่ะ เรียกโบก็พอ” “อ่อ... คิดว่ามีแค่เราซะอีกที่ชื่อแปลก” “ไม่แปลกเลยแถมยังไม่ซ้ำกับใครด้วย” “งั้นเหรอ” “อื้ม! ทั้งโรงเรียนก็มีเพียงจันทร์คนเดียวนี่แหละไม่เชื่อลองไปค้นหาดู เราเอาหัวเป็นประกันว่าไม่มีใครชื่อซ้ำกับเธอแน่นอน” “...” “แต่ว่ามีเรื่องรบกวนหน่อยอะ” “อะไรเหรอ?” “ช่วยติวข้อสอบให้เราหน่อยนะ” “ไอ้โบ! เขามาเรียนวันแรกมึงก็ยัดเยียดตัวเองไปเป็นภาระเลยนะ” ปูนาเอ่ย “มึงคิดว่าใครก็ได้เหรอที่จะสอบเข้าโรงเรียนเรากลางเทอมได้น่ะ นี่เพชรเม็ดงามเลยนะเว้ยเอาไว้สู้กับห้องหนึ่งและห้องสี่” ... : ถูก!! “...” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันมีเพียงฉันที่ยังงงอยู่ “คืออย่างนี้นะเพียงจันทร์ อาจารย์คนอื่นเขาชอบพูดเปรียบเทียบห้องเรากับห้องอื่นน่ะ ห้องหนึ่งไม่เท่าไหร่หรอกเพราะพวกมันเด็กเรียนหัวกระทิกันอยู่แล้วแต่ไอ้ห้องสี่นี่สิ” “ทำไมเหรอ” “มันมีแต่คนเรียบร้อยไง ในเวลาเรียนมันก็แบบเงียบอะอาจารย์ไม่ต้องแหกปากตะโกนแข่งไม่วุ่นวายเหมือนห้องเรา นี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้เพราะเขาชอบพูดว่าทำไมไม่ตั้งใจฟังเหมือนห้องนั้น ทำไมเข้าใจยากไม่เหมือนห้องนี้” “แล้วเขาจะเปรียบเทียบให้ได้อะไร” “อยู่ไปเดี๋ยวเธอก็เข้าใจเองแหละเราไปเรียนกันดีกว่า” บรรยากาศในห้องเรียนก็ถือว่าดีค่ะ มีบ้างที่วุ่นวายเพราะคนมันเยอะไงซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพื่อนหลายคนก็พูดคุยกับฉันก็ถือว่าเป็นมิตรที่ดีค่ะ “พักเที่ยงแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า” “ไปดิ ว่าแต่ปูนาไม่มีเพื่อนบ้างเหรอ คือเราหมายถึงกลุ่มเพื่อนน่ะ” ฉันเอ่ยถามไปตามความคิดเพราะไม่เห็นคนตรงหน้ายุ่งกับใครเลยค่ะ “ก็ไอ้โบไงแล้วก็มีอีกสองคนไอ้เอ็กซ์กับไอ้แซ็กแต่วันนี้มันโดดอะ คงบ่ายแหละมั้งถึงโผล่หัวมาให้เห็น” “แล้ว...ไม่มีผู้หญิงเลยเหรอ” “เราจะบอกให้นะว่าไอ้พวกนั้นมันดูแลโคตรดี ไม่มานั่งจับกลุ่มนินทาเหมือนผู้หญิงด้วย เพื่อนคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้นะแต่ที่เราเคยเจอมันเป็นแบบนั้น แต่ต่อไปเราจะมีเพื่อนผู้หญิงแล้วแหละก็เพียงจันทร์ไง” “เรา?” ฉันว่าพลางเอามือชี้เข้าหาตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่อยากเป็นมิตรนะคะแต่แค่แปลกใจเท่านั้นเอง “ถูกชะตามั้ง ไม่เห็นต้องมีเหตุผลเลย” “ก็ได้ ต่อไปนี้เราจะเป็นเพื่อนสนิทให้ปูนาเอง” “ต้องงั้น” มันก็ถูกชะตาจริง ๆ นั่นแหละค่ะ รู้สึกว่าคุยกันแล้วเข้าใจและปูนาดูเป็นคนมีความรับผิดชอบมาก นั่นแหละเพื่อนในอุดมคติของฉัน “คนเยอะแฮะ” ฉันบ่นขึ้นมาทันทีเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในโรงอาหารแล้วเห็นผู้คนมากหน้าหลายตา “สาว ๆ ทางนี้” มองตามเสียงเรียกเป็นโบนั่นเอง “ทำไมเดินเร็วจัง” ชั่วโมงสุดท้ายก็ออกจากห้องพร้อมกันแต่ทำไมโบถึงมีความสามารถมาจองโต๊ะในโรงอาหารก่อนได้ “เขาเรียกว่าความสามารถพิเศษ” “ขี้โม้ฉิบหาย ไปซื้อน้ำมาเลยมึงอะ” ปูนาว่าพร้อมกับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ “จะกินไร” “เหมือนมึงอะ” “เออ” จบประโยคโบก็แยกไปอีกด้านหนึ่งค่ะ ฉันมองไปรอบบริเวณรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาอีกแล้วเลย “ปู เด็กใหม่ห้องมึงเหรอ” “ห้ามยุ่ง!” “ชื่ออะไร” “กูบอกว่าห้ามยุ่งไง” “ยังไม่มีใครยุ่งเลยกูแค่ถามว่าชื่ออะไร” “เพียงจันทร์” “ก็แค่เนียะ” หลังจากนั้นฉันก็ถูกปูนาลากออกมาเลยค่ะ “นั่นน่ะไอ้พวกห้องสี่ มันกวนประสาทเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก” “เราไม่ชอบสายตาที่คนอื่นมองเลยอะ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง” ฉันพูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง บางคนมองเฉย ๆ และบางคนก็มองเหมือนไม่ชอบหน้าเลยค่ะความรู้สึกมันบอกแบบนั้น “ปกตินะ เธออย่าไปสนใจเลยเราไม่เคยรู้จักกันและไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับใคร” “ไม่ใช่ว่าเขามองเพราะเราไว้ผมยาวหรอกเหรอ” “ก็มีส่วน แต่อย่าเพิ่งตัดนะพรุ่งนี้มีประชุมรวม แว่วมาว่าจะเปลี่ยนกฎระเบียบของโรงเรียนไม่แน่ว่าเขาอาจจะให้ไว้ผมยาวได้แต่ไม่รู้ว่ายาวได้แค่ไหน” “แน่ใจเหรอ เราไม่อยากแปลกอยู่คนเดียว” “แน่สิ! ข่าวนี้กรองมาแล้วเธออย่าลืมนะ อย่าเพิ่งตัดจนกว่าจะมีคำสั่งที่ชัดเจน” ปูนายังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่จะว่าไปอาจารย์ก็ไม่ได้แจ้งอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยค่ะ “ว่าแต่เธออยากกินอะไร” “เราอยากกินราดหน้า” เล็งไว้แล้วค่ะดูท่าทางน่าอร่อย “ไปต่อแถวนะ เราอยู่ร้านข้าง ๆ” “โอเค” มันมีสองแถวค่ะคนเยอะมากรอประมาณสิบห้านาทีก็ถึงคิวฉัน แต่ว่ามันดันมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น “เหลือจานเดียวเองลูก” “...” ทุกอย่างหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคุณป้าพูดแบบนั้น คือมันมีสองแถวแน่นอนว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งเสียสละค่ะ ส่วนคนที่ต่อคิวหลังฉันเขาก็ไปต่อคิวร้านอื่นแทน “เธอเอาไปเถอะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยพร้อมกับมองหน้าฉัน “ขอบใจนะ” “เด็กใหม่?” “อื้ม” “...” เขาไม่พูดอะไรออกมาอีกแล้วเดินออกไปจากตรงนี้แต่ฉันกลับรั้งเขาเอาไว้ซะก่อน “เดี๋ยวสิ นายชื่ออะไร” “อยากรู้ไปทำไม” “...” ถึงกับหน้าชาไปชั่วขณะเมื่อเขาตอบกลับมาแบบนั้น นอกจากจะไม่บอกชื่อแล้วยังเดินหนีไปอีกด้วย คนอะไรเย็นชาชะมัดเลย เลิกสนใจแล้วกลับมานั่งรอปูนาที่โต๊ะแทนแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเขาคนนั้นก็นั่งอยู่โต๊ะถัดไปเหมือนกัน “คุยอะไรกับมันอะ” โบเอ่ยเมื่อฉันมาถึงโต๊ะ “คุยกับใครเหรอ?” “เมื่อกี้ไง” “อ๋อ! เราแค่ขอบใจเขาน่ะ” “ขอบใจเรื่อง?” “ราดหน้ามันเหลือจานเดียวแล้วเขาเสียสละให้เราน่ะ” “ไอ้เก้าเนี่ยนะเสียสละ” “กูทำไม?” น้ำเสียงหาเรื่องเอ่ยก่อนจะเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเราสองคน “ไม่ทำไมหรอก กูก็แค่แปลกใจเท่านั้นเองปกติของมึงไม่เคยยุ่งกับใครนี่หว่า” “...” เขาไม่ตอบอะไรและเบี่ยงสายตามาทางฉันแทน “ชื่ออะไร?” ... : เชี่ย!! จากที่เป็นจุดสนใจอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ “ถามทำไมวะ” โบยังคงขั้นกลางให้อยู่ตลอด ไม่แน่ใจว่าเขาสนิทกันไหมหรือแค่รู้จักกันเฉย ๆ “จะได้จำไว้ไงว่าคนนี้คือคนที่กูเสียสละให้เป็นคนแรก” “...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม