วันเวลายังคงผ่านไปเรื่อย ๆ ความสัมพันธ์ของฉันกับเก้าก็เหมือนเดิมค่ะ แต่อยู่โรงเรียนเราจะทักกันบ่อยขึ้นเพราะเอ็กซ์กับโบจะไปนั่งรวมอยู่กลุ่มนั้นตอนพักกลางวัน และบางทีพวกนั้นก็มานั่งรวมกลุ่มกับห้องเราแทน ที่บอกว่าหมั่นไส้กันระหว่างห้องสองกับห้องสี่ฉันไม่เห็นมีอะไรเลยค่ะ ก็แค่บางคนที่อคติและคิดเปรียบเทียบไปเอง
“เรียนเป็นยังไงบ้าง”
“น่าเบื่อ” ตอบกลับแบบไม่คิดเลยด้วยซ้ำ หรือว่าความจริงฉันไม่ควรถามแต่แรกกันนะ “แล้วห้องเธอล่ะ”
“ก็เหมือนเดิมแต่งานเยอะไปหน่อย” ใกล้จบมอต้นแล้วค่ะ เรียนหนักขึ้นทั้งวิชาเพิ่มเติมไหนจะติวนอกเวลาอีกเยอะแยะไปหมด
“จบแล้วเรียนอะไรเหรอ”
“ต่อมอปลายที่นี่แหละ แล้วนายล่ะจะไม่เรียนจริง ๆ เหรอ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ฉันเอ่ยถามเขา
“ไม่รู้สิ ไม่เอาไหนอย่างเราจะมีอนาคตที่ดีไปเพื่ออะไร ไม่รู้จะเอาความสำเร็จไปอวดใครและไม่มีใครรออยู่ปลายทางเลยสักคน”
“ความสำเร็จเอาไว้อวดตัวเองไงส่วนปลายทางเราจะรอนายตรงนั้นเอง”
“...” เก้าเงียบไปเมื่อได้ยินฉันพูดแบบนั้น สายตาที่เขามองมามันให้ความรู้สึกหลากหลายจนฉันเดาไม่ถูกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ลองค้นหาดูสิว่าตัวเองชอบอะไร”
“ชอบเธอ”
“...” คราวนี้เป็นฉันเองที่เงียบไป เราสนิทกันมากก็จริงค่ะแต่ไอ้ความรู้สึกแบบนั้นบอกตามตรงว่าคืออะไรฉันยังไม่รู้เลย “ไม่หรอก บางทีเราอาจจะแค่แปลกใหม่สำหรับนายก็ได้ นายก็แค่เจอคนที่เข้าใจเท่านั้นเองไม่ได้ชอบ...”
“อย่ารู้ดีกว่าใจเราสิ” น้ำเสียงหนักแน่นยังคงตอบกลับด้วยความมั่นใจ พอได้ยินแบบนี้แล้วมันก็ทำให้ฉันอยากรู้อีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา
“แก้วคือใครเหรอ? เราได้ยินที่พี่คนนั้นพูดตอนจะไปน้ำตก” มันผ่านไปสักพักแล้วล่ะแต่ที่วนกลับมาถามเพราะมันอยากรู้คำตอบค่ะ
“เพื่อนในห้อง”
“ชอบนาย?”
“น่าจะ... แต่เราไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเพื่อนหรอก”
“แล้วถ้าโอมไม่ได้ชอบแก้วล่ะนายจะชอบเขาไหม?”
“ไม่”
“...”
“มีบ้างที่หยอกล้อกันตามประสาแต่ไม่มีความรู้สึกอื่นเกินเพื่อนเลย ไม่สิ! ไม่ได้รู้สึกพิเศษกับใครเลยต่างหากที่อยู่ในสายตาเรานอกจากคู่อริแล้วก็คงเป็นเธอนั่นแหละ”
“แน่ใจเหรอที่พูด?”
เก้าเงียบและมองหน้าฉันอีกครั้งก่อนจะพูดประโยคหนึ่งออกมา “โสดสำหรับเธอคืออะไรเหรอ?”
“ตัวคนเดียวไม่คบใครไง”
“แต่สำหรับเราโสดมันหมายความว่าล็อกเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว แค่รอเวลาและจังหวะดี ๆ เท่านั้นเอง”
“ต้องการจะสื่ออะไร?”
“คบกันไหม?”
“ขนาดเป็นแค่เพื่อนยังบอกใครไม่ได้เลยแล้วเป็นแฟนล่ะ ไม่ถูกปิดตายไปเลยเหรอ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางพัฒนามันไม่มีความสุขหรอกนะ เป็นแบบนี้ยังมีความสุขมากกว่าซะอีก”
“ปฏิเสธสินะ”
“...”
หลังจากนั้นเก้าก็กลับไปค่ะ ท่าทีของเขาไม่ได้แสดงความไม่พอใจหรืออะไรออกมาให้ฉันเห็น แต่ว่าความรู้สึกบางอย่างมันฟ้อง...
เช้าอีกวันฉันก็มาเรียนตามปกติ ที่ผิดปกติคือใครอีกคนไม่มาโรงเรียน แถมตอนเย็นก็ไม่ได้มารอรับฉันอย่างเช่นทุกวันอีกด้วย เขาคงจะไม่ได้โกรธเรื่องที่ฉันปฏิเสธหรอกนะ
“มีการบ้านไหม?” แม่เอ่ยถามเมื่อฉันกลับถึงบ้าน
“ไม่มี”
“ไปเอาผักให้แม่หน่อยสิ สวนเดิมนั่นแหละ”
“หนูขอเปลี่ยนชุดนักเรียนก่อนนะ”
“อืม”
ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกไปสวนตามคำสั่งของแม่ค่ะ แต่คราวนี้ผักไม่เยอะแล้วเพราะฉันปฏิเสธของแถมไปถ้าไม่อย่างนั้นก็เอากลับมาไม่หมดค่ะ
“หนูจะไปร้านสะดวกซื้อแม่เอาอะไรไหม”
“ไม่เอาหรอก จะค่ำแล้วขับรถดี ๆ นะ”
“จ้า”
ร้านสะดวกซื้ออยู่ข้างนอกค่ะ ต้องออกจากซอยไปถนนใหญ่เกือบถึงโรงเรียนนั่นแหละ ตั้งใจจะออกมาซื้อของใช้ส่วนตัวสักหน่อยแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนขับผ่านไปพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง
“...” ใครนะ? นี่คือคำถามที่อยู่ในหัวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องอยากรู้และรู้สึกหงุดหงิดด้วย
เลิกสนใจเก้าฉันก็เข้ามาในร้านสะดวกซื้อค่ะ ใช้เวลาเลือกอยู่หลายนาทีกว่าจะได้ของที่ต้องการครบ
“ไง!” เสียงทักทายดังขึ้นจากด้านหลัง เบือนหน้าไปมองก็เห็นกายยืนยิ้มอยู่ ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่พยักหน้ารับเท่านั้นเอง “มาซื้อของไกลนะเนี่ย”
“ถ้าแถวบ้านมีร้านสะดวกซื้อก็คงไม่โผล่มาถึงนี่หรอก”
“น้ำเสียงไม่ค่อยดีแฮะ หงุดหงิดอะไรมาเนี่ย” นั่นสิทำไมฉันต้องหงุดหงิดด้วย
“เปล่าสักหน่อยแค่ตอบไปตามความจริง แล้วนายล่ะมาซื้ออะไร”
“รถยางรั่วรอไอ้เก้าอยู่พอดีเห็นแวบ ๆ ว่าใช่เธอหรือเปล่าก็เลยลองเดินเข้ามาดู”
“อ่อ”
“เลี้ยงน้ำสักแก้วสิ”
“เอาสิ” ตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรก่อนจะเดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อคิดเงิน “นายเอาอะไรเดี๋ยวเราจ่ายให้”
“น้ำอัดลมแล้วกัน”
จ่ายเงินเสร็จออกมาด้านนอกก็เห็นเก้ารออยู่ก่อนแล้วค่ะ แต่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว
“หืม... เดี๋ยวนะกาย” ใครคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันกับกายออกมาจากร้านสะดวกซื้อด้วยกัน ถ้าจำไม่ผิดคนนี้แหละที่ชื่อแก้ว เขาเรียนอยู่ห้องสี่ค่ะ ห้องเดียวกับพวกนั้นแหละ
“หยุด! มึงหยุดความคิดเดี๋ยวนี้เลยแก้ว”
“อะไร ๆ ยังไม่ทันพูดเลย”
“กูรู้ว่ามึงจะพูดอะไรแต่โทษทีพอดีไม่ใช่แบบนั้นครับ”
ครืด... ครืด...
ละความสนใจจากพวกเขาแล้วกดรับสายแม่แทนค่ะ
(ญาติพ่อเอ็งเขาเข้าโรงพยาบาลเดี๋ยวแม่จะไปดูสักหน่อยอยู่บ้านคนเดียวล็อกประตูล็อกหน้าต่างให้ดีนะ)
“จะไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอ แล้วแม่จะไปกับใคร”
(พี่สาวเอ็งไง ไม่ไปก็ไม่ได้เดี๋ยวจะหาว่าไม่นับญาติอีก เงินวางอยู่ในห้องนะ)
“จ้า”
หลังจากวางสายฉันก็เตรียมตัวจะกลับบ้านค่ะแต่ก็ไม่วายถูกตั้งคำถามอีก
“เพียงจันทร์เพื่อนเรายังโสดนะถ้าสนใจบอกได้” แก้วว่ายิ้ม ๆ เพื่อนที่ว่าก็คือกายค่ะ
“ไว้จะเก็บไปพิจารณานะ”
“หืม... เธอจ๋าอย่าท้าทายอำนาจมืดสิ” กายตอบกลับแทบจะทันทีก่อนจะมองฉันกับเก้าสลับกัน
“อำนาจมืดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“ไม่เข้าใจกับแกล้งไม่เข้าใจมันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่นะ” โอมที่ฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้างขณะที่ใครอีกคนไม่พูดอะไรแถมยังมองฉันด้วยสายตาที่ว่างเปล่าอีก
นี่สินะที่เขาคอยห้ามกันว่าอย่าเอาเพื่อนมาเป็นแฟนเพราะมันทำตัวลำบาก กลับเป็นเพื่อนกันมันยากให้เป็นคนอื่นก็ยากไปอีกเพราะความผูกพันมันมีความคุ้นเคยมันยังอยู่แต่แค่สถานะและระยะห่างมันต่างกัน