สามวันผ่านไป
เป็นสามวันที่เก้าพักฟื้นอยู่ที่บ้านฉันโดยไม่ติดต่อกับใครเลยแม้กระทั่งมือถือของตัวเองก็ปิดเครื่องค่ะ แน่นอนว่าฉันเข้าใจในการกระทำของเขา
“เดี๋ยวเราจะกลับบ้านแล้วนะ”
“วันนี้เหรอ... กลับไปแล้วนายจะโดนอะไรอีกไหม” สำหรับฉันบาดแผลพวกนั้นถือว่าสาหัสมากนะ
“ไม่หรอก ก็โดนไปแล้วนี่”
“นายดูไม่ทุกข์ร้อนเลยเนอะ”
“มันเป็นกฎ เราทุกคนต้องยอมรับ”
“...”
“ให้หนึ่งคำถาม” เก้าเอ่ยเมื่อเห็นฉันเงียบและเอาแต่มองหน้า “เราจะตอบเท่าที่เราตอบได้นะ”
“อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นายเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับสิ่งพวกนั้นเหรอ”
“จุดเริ่มต้นเหรอ... คงเป็นตอนที่ไม่มีทางเลือกล่ะมั้ง” เก้าเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพูดต่อ “พ่อกับแม่เราแยกทางกันอะ บ้านที่เคยอบอุ่นมันก็เหลือแต่บ้าน ... พ่อไปทาง แม่ไปอีกทาง แต่ตอนนั้นเราไม่ได้เหลือตัวคนเดียวแบบนี้หรอก เรายังมียายคอยดูแลอยู่แต่แค่ไม่นานยายก็เสียเราเลยกลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการไปโดยสมบูรณ์”
“...” ฉันเข้าใจความรู้สึกนี้ดีค่ะ ตอนพ่อเสียฉันเองก็เสียหลักเหมือนกัน ถึงจะยังมีแม่อยู่แต่มันก็รู้สึกขาดไปอยู่ดี
“ตอนนั้นเราอยู่ป.6 มันเป็นช่วงที่ใกล้จะจบพอดีและเป็นช่วงที่ยายเสีย สำหรับเราทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด จะเรียนต่ออะไร เรียนจบแล้วยังไงไม่มีภาพที่วาดไว้ในหัวเลย แต่สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะแม่มารับไปอยู่ด้วย ตอนนั้นเขาแต่งงานมีครอบครัวใหม่ไปแล้วล่ะ เราดีใจนะที่ได้อยู่กับแม่ รู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้น แต่ก็นั่นแหละความสุขมันเกิดขึ้นได้ไม่นานหรอก” เก้าเงียบไปอีกครั้งก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเหมือนเป็นการคลายความรู้สึกในใจแล้วพูดต่อ “พอเขาท้องเขามีลูกใหม่เราก็กลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการอีกตามเคย ขยับตัวทำอะไรก็ผิด ถูกตีโดยไม่มีเหตุผลแม่ก็ไม่ช่วยอะไร จนวันหนึ่งเรื่องถึงหูพ่อ พ่อก็มารับเราไปอยู่ด้วย เหมือนจะดีใช่ไหมล่ะ หึ! มันก็ได้แค่เหมือนนั่นแหละ พ่อยังเที่ยวเล่น ยังไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลยสักอย่าง กลายเป็นเราต้องดูแลตัวเองจนรู้สึกว่าอยู่คนเดียวน่าจะดีที่สุด ไม่ต้องเห็นคนทะเลาะกัน ไม่ต้องได้ยินใครด่าทอกัน และไม่ต้องเป็นคนน่ารำคาญในสายตาใครด้วย”
“ก็เลยอยู่คนเดียวมาตลอดอย่างนั้นเหรอ?”
“อืม... บ้านหลังนั้นเดิมทีก็เป็นบ้านของยายนั่นแหละ นี่ก็สามปีแล้วที่เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่”
“...”
“เราเข้าใจมาตลอดว่าพ่อกับแม่แยกทางกันเราเลยกลายเป็นเด็กมีปัญหา แต่ความจริงไม่ใช่หรอก เขาสองคนไม่เคยอยากมีเราด้วยซ้ำ เราไม่ได้เกิดมาเพราะความรักแต่แรกไง”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”
“เราบอกว่าอยากกลับไปอยู่บ้าน เราไม่อยากอยู่กับพ่อใหม่หรือแม่ใหม่ สิ่งที่เราคาดหวังคือใครสักคนโอบกอดเราและเลือกที่จะอยู่กับเราหรือทำยังไงก็ได้ให้เรารู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยที่จะอยู่ร่วมกัน แต่สิ่งที่เขาสองคนทำคือปล่อยให้เราอยู่คนเดียวและให้เงินเลี้ยงดูเราแทน หึ... พ่อก็แย่ แม่ก็ไม่ได้เรื่อง”
“ทำไมฟังแล้วรู้สึกเจ็บแทนจัง”
“จากเด็กที่ไม่มีใครพอมาเจอเพื่อนฝูงมันก็หลงระเริงเป็นธรรมดา รู้นะว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ก็เลือกที่จะทำเพราะใจมันอยากรู้อยากลอง”
“ความรู้สึกมันเป็นยังไงเหรอ”
“...”
“เราหมายถึงไอ้ครั้งแรกของนายน่ะ”
“ก็ตื่นเต้นดี ได้เงินง่ายไม่ยากอย่างที่คิดแต่ต้องรอบคอบและบางครั้งก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปบ้างเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง”
”ทำมานานแค่ไหนแล้ว”
“ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ก็นานพอที่จะรู้...”
นานนับชั่วโมงที่เราสองคนคุยกัน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเข้าไปอยู่ในห้วงชีวิตของเขาเลยค่ะ มันรู้สึกเข้าใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ถามว่าจะสั่งห้ามหรือกล่าวตักเตือนไหมฉันคงไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น ชีวิตใครชีวิตมันลองผิดลองถูกกันเองค่ะ คนเรามีวิธีคิดและจัดการตัวเองแตกต่างกันไป
“ขอบใจนะสำหรับสามวันนี้”
“ไม่เป็นไร มีอะไรก็โทรมาแล้วกันแต่อย่าโทรมาให้เปิดประตูบ้านอีกก็พอ”
“รู้ทันว่ะ”
หลังจากเก้ากลับไปฉันก็เก็บที่นอนหมอนผ้าห่มที่เก้าใช้ไปซักค่ะ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อใต้หมอนมีเงินจำนวนหนึ่งวางไว้
ติ๊ง!
“เก็บไว้ใช้ไม่ต้องเอามาคืนนะ”
ไม่รู้หรอกว่าเงินนี้ได้มายังไงแต่ฉันคงจะไม่ใช้มันหรอกค่ะ
หลายวันผ่านไป
เก้าหายเงียบไปเลยค่ะแถมโทรไปก็ไม่ติดอีกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“ทำไมเก้าไม่มาเลย” เห็นไหมคะขนาดแม่ยังถามหา
“ไม่รู้สิแม่ หนูโทรไปก็ไม่ติดเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ถูกพ่อตีไปแล้วล่ะเรื่องที่ไม่กลับบ้าน”
“ไม่หรอก เดี๋ยวก็คงโผล่มาเอง”
จากหนึ่งสัปดาห์กลายเป็นสองสัปดาห์ค่ะที่เก้าหายหน้าไป ถ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลยฉันอาจจะไม่ห่วงเขาก็ได้ แต่มันรับรู้ไปแล้วไง
ครืด... ครืด...
“อื้อ...”
(หลับแล้วเหรอ)
“นาย!” ถึงกับเบิกตากว้างแล้วมองหน้าจอทันที เวลานี้ห้าทุ่มแล้วค่ะ “นายหายไปไหนมาทำไมเงียบไปเลย”
(ใจเย็น ๆ เปิดประตูบ้านให้หน่อย)
“อีกแล้วเหรอ?”
(ฮ่า ๆ)
ได้ยินแบบนั้นฉันจึงรีบออกไปเปิดประตูบ้านทันที ภาพที่เห็นไม่ใช่อย่างที่คิดค่ะแต่เป็นผักผลไม้ของฝากที่เขาหอบหิ้วมาต่างหาก
“อะไรเนี่ย”
“ไปต่างจังหวัดมาน่ะเลยซื้อของมาฝากแม่แล้วก็ขนมให้เธอด้วย”
“...”
“สายตาเธอแม่งน่ากลัวชะมัดเลย”
“ไม่อยากบอกก็จะไม่ถามหรอกนะ” ฉันเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะรับของในมือเขามา
“อืม เราไปแก้งานมา”
“...”
“เข้าบ้านไปได้แล้วน้ำค้างลงเดี๋ยวไม่สบาย”
“แล้วพรุ่งนี้นายจะมาไหม”
“คิดถึงเหรอ?”
“อือ อยากด่าจะแย่!”
“ใจร้ายฉิบหาย” เก้าว่ายิ้ม ๆ แล้วพูดต่อ “ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวโทรหานะ”
“อืม”
รอจนฉันล็อกประตูบ้านเสร็จเก้าถึงไปค่ะ แก้งานที่ว่าคืออะไรฉันก็ไม่ได้ถามซะด้วยสิ แต่ก็พอรู้ว่ามันคงจะไม่ได้ต่างจากที่คิดนักหรอก