บ้านเรือนไทย

2723 คำ
เช้านี้บ้านสวนวอแหวน สดชื่นยิ่งนัก วรางคณาตื่นเช้า ลืมตาได้ มือก็คว้าโทรศัพท์เป็นอันดับแรก ข้อความจากน้องชายเด้งมาทันที “พี่วอย ว่านมาทำงานแล้วนะครับ แม่รู้แล้วว่าพี่วอยออกจากโรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าหนีออกมา เก็บชุดโรงพยาบาลให้ดี ถ้าพี่วอยไหว โทรกลับไปเคลียร์ที่โรงพยาบาลด้วย เย็นนี้ว่านติดงาน ผลเป็นยังไง บอกว่านด้วยนะ” วรางคณา รีบอาบน้ำแต่งตัว รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมาก เดินได้คล่องขึ้นไม่มีอาการเจ็บร้าวแล้ว สงสัยเป็นเพราะได้กลับมานอนบ้าน บางทีการอยู่โรงพยาบาล ก็ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนป่วยอยู่ตลอดเวลา วรางคณาเก็บชุดโรงพยาบาลใส่ถุงพลาสติก คิดว่าบ่ายๆจะส่งกลับโรงพยาบาล เธอไม่อยากกลับไปอีกแล้ว โอนจ่ายเลยดีกว่า ในห้องพิเศษนั่น ไม่มีอะไรสำคัญ กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์เธอเก็บมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง วรางคณารีบติดต่อโรงพยาบาล โอนจ่ายเงินเรียบร้อย ขอที่อยู่ เพื่อจัดส่งชุดโรงพยาบาลคืน เสร็จธุระแล้ว รีบออกไปข้างนอก แม่ไม่อยู่แล้ว มีเพียง สำรับข้าว วางไว้บนโต๊ะที่ห้องอาหาร นางวีรวรรณลงสวนไปแล้ว วรางคณารีบกินข้าว เที่ยงแม่คงขึ้นจากสวนมากินข้าว กลางวัน เธอเรียกรถมารับพัสดุ ทุกอย่างเรียบร้อย “วอย เป็นยังไงบ้างลูก ออกจากโรงพยาบาลไม่เห็นบอกแม่เลย นี่ถ้าน้องไม่บอกแม่ก็ไม่รู้” “ขอโทษนะคะแม่ วอยแข็งแรงแล้ว วันมะรืนวอยว่าจะไปทำงานนะคะแม่ หยุดหลายวันแล้ว” “ไหวก็ไป ไม่ไหวก็ไม่ต้องไปนะลูก “ นางวีรวรรณ บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร นั่นทำให้วรางคณาน้ำตาซึม ไม่มีใครที่รักเราเท่ากับครอบครัว “ขอบคุณนะคะแม่ แม่ขา วอยมีเรื่องจะบอกแม่ค่ะ วอยจะทำงานถึงแค่สิ้นเดือนนี้นะคะ วอยยื่นใบลาออกแล้ว” “จริงเหรอลูก แม่ดีใจนะ ที่วอยตัดสินใจได้สักที รู้ไหมว่าแม่นี่ลุ้นมาก ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากใจ” “วอยขอโทษแม่นะคะ ที่อดทนไม่พอ แต่สังคมที่วอยอยู่ มันไม่เหมาะกับวอยเลยค่ะแม่ และวอยจะไม่ทน ขอมาช่วยแม่ปลูกผักได้ไหมคะ วอยว่าวอยทำได้ คิดว่าอยู่แบบนี้น่าจะมีความสุข ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร “ “แม่ไม่ว่าเลยลูก วอยอยากทำอะไรก็ทำ เอาที่เราสบายใจ และไม่ทุกข์นะลูก” “วอยคิดว่า จะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ หน้าบ้านเรา แม่ว่าดีไหมคะ หรือไม่ก็อาจจะเป็นร้านขายผักสด ที่ทันสมัยหน่อย แถวบ้านเรายังไม่มีแบบนี้ วอยอยากทำค่ะแม่ ปลูกเอง ขายเอง ไม่ผ่านคนกลาง” “ทำเลยลูก วอยอยากทำอะไรทำเลย แม่สนับสนุนเต็มที่ ไม่ต้องห่วง ที่ดินบ้านเรามีเยอะแยะ อยากปลูกอะไรก็ปลูก ทำของเราเองภูมิใจจะตาย สวนวอแหวน ของเรา จะมีผักตลอดกาลก็คราวนี้แหละ “ นางวีรวรรณ ดูมีความสุขมาก นั่นทำให้วรางคณา สบายใจที่สุด การที่เธอลาออกจากงานประจำ ไม่ได้ทำให้แม่เป็นทุกข์เลย อีกอย่างเธอก็ยังมีเงินเก็บ หนึ่งก้อน ถึงจะไม่มากนัก ก็ยังพออุ่นใจ ไว้ค่อยหาเอาใหม่ เธอจะไม่เป็นลูกจ้างใครอีกแล้ว จะเป็นนายของตัวเอง ที่ผ่านมา การทำงาน คือประสบการณ์ที่ดี แต่ถ้าคิดว่ามันไม่เหมาะกับเรา ก็ถอยดีกว่า แต่เธอก็ไม่แนะนำ ให้หลายคนทำแบบเธอ วรางคณาไม่ลืมที่จะไลน์บอกน้องชาย อยากให้เขาสบายใจ เธอแคร์ที่สุด ก็คนในครอบครัวนี่แหละ ส่วนคนนอกไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเธอเลย เธอไม่ได้โกรธโอภาษ และกัญญา เขารักกันเธอก็ยินดีด้วย แต่ที่โกรธก็คือ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ มาแอบคบกัน เหมือนหลอกลวงเธอ แค่นั้นแหละที่วรางคณาติดใจ พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้เธอสบายใจ บ่ายนี้วรางคณา ฝึกเดินรอบบ้าน ยังไม่ถนัดนัก คิดว่าวันที่ไปทำงานเธอจะใช้รถตัวเองขับไปเอง เธอมีรถยนต์คันเล็กๆ หนึ่งคัน สมัยทำงานใหม่ๆ อุตสาห์เก็บเงิน ทำงานผ่อนอยู่หลายปี รถเล็กๆ เหมาะกับถนนหนทางในกรุงเทพฯ เกียร์ออโต้ ขับง่าย ประหยัด อีกอย่าง เธอจะได้ไม่กลับมาปวดขาอีก วรางคณา ยังมีรายได้จากช่องยูทูป ในแต่ละเดือน พอได้ค่ากับข้าว ค่ารถ ส่วนมากจะเป็นแบบไม่เปิดเผย หน้าตา แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป เธอคิดว่า อยากจะเอาหน้าออกกล้องดูบ้าง คิดไว้ว่า เธอจะถ่ายวีดีโอ เรื่องราวการทำสวนของแม่ น่าจะดี ปกติก็มีคนติดตามช่องเธออยู่แล้ว ผู้ชมจะได้ยินแต่เสียง คราวนี้แหละ จะได้เห็นหน้าตาของเธอด้วย แค่คิดก็สนุกแล้ว ร้านกาแฟเล็กๆ เธอก็อยากทำ ถึงแม้ว่าจะเล็กๆน้อยๆ แต่เธอก็ภูมิใจ และถ้าเธอออกจากงานมาอยู่บ้าน เวลาว่างทั้งวัน สวนผักของแม่เยอะมาก แม่ยังทำไม่เต็มที่ หญิงสาวคิดไปคิดมา รู้สึกมีความสุขมาก นางวีรวรรณ ลงสวนไปอีกรอบ ปล่อยให้วรางคณา ฝึกเดินไปมา จากประตูหน้าบ้าน ไปจนถึงประตูรั้วไม้ไผ่ เข้าสวน เดินกลับไปกลับมา เธอไม่อยากเป็นภาระของแม่กับน้อง อยากให้ตัวเองแข็งแรงเร็วๆ หลายวันแล้ว ที่แม่เธอไม่ได้เก็บผัก ร้านค้าในตลาดสดโทรมาทวง โรงแรม ก็โทรถาม สวนของเธอขาดส่งผักสดหลายวัน ให้ช่วยนำผักไปส่งให้หน่อย วรางคณาดีใจ ที่ผักของแม่ เป็นที่ต้องการของตลาด หญิงสาวสังเกตว่า ข้างบ้านของเธอเมื่อก่อน ที่เคยมีกำแพงปูน เมื่อหลายวันก่อน แต่วันนี้ เวลานี้ ทำไมกลายเป็นรั้วต้นไม้ไปได้ เขาใช้เวลาทำทั้งหมด ช่วงที่เธอไปนอนโรงพยาบาล แสดงว่ามีคนมาอยู่แล้ว สังเกตุเห็น มีประตูไม้เล็กๆ สูงแค่เอว เขาทำไว้ทำไม เพื่อที่จะข้ามมาที่บ้านเธอเหรอ แม่เธอต้องรู้ เพราะถ้าแม่ไม่รู้ บ้านตึกนั่นคงไม่กล้าทำประตู แม่คงคัดกรองแล้วล่ะ ถึงยอมให้เขาทำประตูเปิดมาหา “เป็นยังไงบ้าง ยังมีอาการเจ็บปวดอยู่ไหมลูก “นางวีรวรรณ ขึ้นจากสวนผัก เจอลูกสาวนั่งอยู่ที่หน้าบ้าน “ดีขึ้นมากเลยค่ะแม่ ยังมีขัดๆอยู่บ้าง ทีแรกว่าพรุ่งนี้จะไปทำงาน น่าจะยังไม่ไหวค่ะ หัวหน้าบอกว่า ให้หยุดต่อได้ วอยเลยขอลาต่ออีกสองวัน ไม่มีปัญหาหรอกค่ะแม่ น้องใหม่ทำงานแทนวอยได้หมดเลย วอยแค่อยู่ให้ครบสิ้นเดือนนี้ค่ะ” “ดีแล้วลูก รักษาตัวเราให้หายดีก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน เดี๋ยวแม่ไปอาบน้ำก่อนนะ ค่อยคุยกัน” "ค่ะแม่ เดี๋ยววอยจะไปอาบน้ำเหมือนกันค่ะ เดินหลายรอบ เหงื่อออกเยอะมาก" หลังจากที่ต่างคนต่างอาบน้ำเสร็จแล้ว สองแม่ลูกมานั่งคุยกันต่อที่หน้าบ้าน บ้านของวรางคณา ต้นไม้เยอะ คอยระวังแค่เรื่องยุงกับแมลง เท่านั้น แค่เปิดพัดลม ก็เย็น หรือถ้าร้อนมากๆ ก็เปิดแอร์ ส่วนมากนางวีรวรรณ จะนอนตอนบ่ายๆ ประมาณสี่โมงเย็น ก็ลงสวนอีกครั้ง เป็นแบบนี้ทุกวัน นอกจากวันไหนที่คุณย่าข้างบ้านแวะมาคุยด้วย ก็จะอยู่บนบ้านพูดคุยกัน วรางคณานุ่งผ้าถุงยาวกรอมเท้า ไม่ใช่ผ้าถุงตัดสำเร็จ เป็นผ้าถุงที่ใส่แบบเหน็บ ใส่เสื้อผ้าลูกไม้แขนในตัว สีเขียวสด “แม่คะ ตึกข้างบ้านเรามีคนมาอยู่เหรอคะ วอยเพิ่งสังเกตเห็นว่า มีรั้วต้นไม้แทนรั้วกำแพงปูน แถมมีประตูน้อยๆ น่ารักๆอีก” “ใช่ลูก บ้านตึกมีคนมาซื้อแล้ว มีคุณย่าอายุมากแล้ว มาอยู่ ยังแข็งแรงมาก มาพูดคุยกับแม่หลายหนแล้ว ป้าเขาชอบสวนผักของเรา เลยให้ช่างมาทุบกำแพงปูนออก แล้วทำเป็นรั้วต้นไม้แบบที่เห็น เห็นว่าอนาคตเขาจะทุบตึกแล้วปลูกผัก สร้างบ้านในสวนเหมือนเรา” “โห...เหรอคะแม่ ดีจังเลย วอยยังเคยคิดเลยนะคะแม่ ว่าถ้าวอยมีเงิน วอยอยากได้ที่ดินผืนนั้น แต่เมื่อเจ้าของเขาอยากทุบแล้วทำเป็นสวน ก็ไม่อยากได้แล้วค่ะ แสดงว่าเขาชอบเหมือนเรา มีเพื่อนบ้านแบบนี้ก็ดีนะคะแม่ “ “ปกติคุณย่าเขาจะเดินมาหาแม่บ่อยๆ วันนี้ยังไม่เห็นมาเลย สงสัยคงพักผ่อน หรือเห็นว่าวอยอยู่บ้าน คงเกรงใจ” “ดีจังเลยค่ะ แม่มีเพื่อน คุณย่าเขาคงเหงานะคะ วอยคิดว่า คงเป็นคนรวยที่ขี้เหงาแน่ๆเลย” “ทำนองนั้นแหละลูก เดี๋ยวแม่จะเอนหลังสักหน่อยนะ วอยจะทำอะไรก็ทำนะลูก” “ได้เลยค่ะ แม่ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยววอยนั่งอีกสักหน่อยก็จะพักเหมือนกันค่ะ ” ไมหรอก วรางคณาไม่ได้กลับเข้าไปนอนพักในห้อง เธอล้มตัวลงนอนที่ระเบียงบ้านนั่นเอง ตรงนี้ลมเย็นเธอชอบ สมัยเป็นเด็กชอบแอบพ่อ กับแม่ มานอนตรงนี้เประจำ ลมเย็นๆ เสียงนกร้อง หญิงสาวนอนมองนกที่เกาะอยู่บนยอดต้นจำปี บางทีมันก็ทะเลาะกัน ส่งเสียงร้องดัง แต่เธอไม่เคยรำคาญเลย กลับชอบเสียอีก ส่วนตัวเธอคิดว่ามันเพราะดี วรางคณานอนเล่นเพลินๆ ไม่นานก็หลับไป บ้านเรือนไทยที่นิยมปลูกแถวภาคกลาง ตั้งอยู่ภายในรั้ว ที่แน่นหนา ปรากฏอยู่ตรงหน้าของวรางคณา รูปแบบเรือนฝาปะกนคือเรือนที่ฝาทำจากไม้สัก เป็นเรือนไทยที่เก่า แต่ยังดูแข็งแรง และยังคงสวยมาก เป็นไม้เกือบทั้งหมด ลักษณะเป็นเรือนยกพื้น ใต้ถุนสูงจากพื้นดิน เสมอศีรษะคนยืน ชายคายื่นยาว เอาไว้ป้องกันฝนสาด แดดส่อง เป็นบ้านในฝันของวรางคณา เธอชอบของเก่า ของโบราณ บ้านของใครกัน ดูเหมือนว่า ด้านในของเรือนไทย จะมีแสงสว่าง ที่ไม่ใช่แสงจากไฟฟ้า ดูเหมือนว่า เป็นแสงจากคบใต้ หรือแสงเทียน มีเสียงดนตรีไทยด้วย ลอยมาเบาๆ หอมกลิ่นดอกจำปี สลับกับดอกจำปา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปบนบ้านเรือนไทยหลังนั้น เมื่อรู้สึกว่ากำลังมีใครบางคน ยืนมองมาที่เธอ หญิงสาวพยายามเพ่งสายตา บรรยากาศเริ่มขมุกขมัว และแสงของเทียนภายในบ้านเรือนไทยนั่น ไม่สว่างเอาเสียเลย แต่พอมองออกว่าเป็นผู้ชาย รู้ว่าผู้ชายคนนั้น ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว เขายืนชิดขอบหน้าต่าง ทำให้รู้ว่าเขาสูงมาก ศีรษะเขา เกือบถึงขอบหน้าต่างด้านบน อยากเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง แปลกทำไม บริเวณนี้ ไม่มีแสงจากไฟฟ้าเลย ถนนเป็นดินลูกรังสีแดง บรรยากาศคล้ายบ้านในชนบทสมัยก่่อน ไม่มีเสาไฟฟ้า หรือที่นี่ไม่ใช้ไฟฟ้า นี่เธออยู่ที่ไหนกันแน่นะ วรางคณาเริ่มหันมองรอบตัวเอง รอบๆตัวเธอ เริ่มมืด หญิงสาวหันหลับกลับ ทางที่เธอคงจะเดินมา คล้ายแสงสว่างจากหลอนนีออน ไกลลิบออกไป วรางคณาหันกลับไปมองเรือนไทยหลังนั้น อีกครั้ง รอบรั้วบ้านมีแสงสว่าง ไม่แน่ใจว่าสว่างจากอะไร เทียนก็ไม่ใช่ แสงนวลเหลือเกิน ที่หน้าต่างบานนั้น ปิดแล้ว ดูเหมือนว่าเริ่มที่จะมีคนเดินไปมา เหมือนเฝ้าเวรยาม “พี่วอย พี่วอย ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ แล้วนอนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย นี่จะหกโมงแล้วนะ “ “ว่านเองเหรอ ตายล่ะ นี่พี่นอนนานขนาดนี้เลยเหรอ “วรางคณาลืมตา แต่ยังไม่ยอมลุก นี่เธอฝันเหรอ ทำไมบรรยากาศเหมือนจริงมาก “เดี๋ยวคืนนี้ก็นอนไม่หลับหรอกพี่วอย ลุกเถอะครับ แล้วนี่แม่ไปไหนครับ ปล่อยให้พี่วอยมานอนอยู่นี่” “มาแล้วเหรอว่าน อย่าบ่นพี่เขาเลย คงจะง่วงสะสม อยู่โรงพยาบาล นอนไม่ค่อยหลับ แม่เห็นว่ากำลังหลับสบาย แม่เลยไม่ปลุก” “ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะแม่ ยังไงวอยก็หลับ นี่ยังคิดว่ายังนอนต่อได้อีกนะเนี้ย “วรางคณาค่อยๆลุกขึ้นนั่ง รู้สึกดี และหิวมาก “แม่ขา ทำกับข้าวอะไรเหรอคะ หอมมากเลย หิวมากด้วย “ “มาพี่วอย ลุกเถอะ ไปล้างหน้าล้างตา แล้วไปกินข้าวกัน ว่านก็หิวพอดีเลย” “มาลูก วันนี้มีแกงจืดตำลึงหมูสับ น้ำพริกกะปิ ชะอมไข่ทอด ผักต้ม แกงเลียง ปลาแดดเดียวทอด ผักจากสวนเราทั้งนั้นเลย” นางวีรวรรณ ตักข้าวให้ลูกสาวลูกชาย หน้าตาอิ่มเอิบ มีความสุข “แม่ทำกับข้าวหลายอย่างจังเลย แบบนี้ถ้าวอยออกจากงานมาอยู่บ้าน สงสัยวอยอ้วนแน่ๆเลยค่ะ อาหารถูกปากทุกอย่าง” “ผมก็เหมือนกันครับ ทุกวันนี้ไม่กินกับข้าวที่ไหนเลย นอกจากที่แม่ทำ อร่อยทุกอย่าง” “แม่คะ พรุ่งนี้วอยไปส่งผักให้ได้นะคะ วอยจะเอารถกะป้อออก จะได้ไม่ต้องเดินเยอะ ใส่ผักได้เยอะด้วย “ “แน่ใจนะลูก ว่าไม่เจ็บแล้ว นี่แม่รออยู่นะ ลูกค้าโทรจังเลย เกรงใจเขาด้วย ไม่ได้ส่งหลายวัน” “ได้เลยค่ะแม่ พรุ่งนี้วอยจะตื่นแต่เช้า ช่วยแม่เก็บผัก แม่จะได้ไม่เหนื่อยมาก” “แม่จะให้ว่านไถที่ปลูกผักใหม่ เมื่อไหร่ดีครับ ว่านว่าช่วงนี้ฝนยังลงไม่เยอะ น่าจะไถได้ เดี๋ยวถ้าฝนตกบ่อยๆ จะมีปัญหา” “วันหยุดนี้ก็ได้ลูก แม่อยากปลูกผักบุ้งแก้ว เพิ่มสักหน่อย จะขยายกล้วยน้ำว้าด้วย” “ได้เลยครับแม่ เสาร์อาทิตย์นี้ ว่านจัดให้เต็มที่เลย“ “พรุ่งนี้ว่านออกไปพร้อมพี่เลยก็ได้ ส่งว่านเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งผักต่อ” สามคนแม่ลูก นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข พูดคุยกันไป เรื่องโน้นเรื่องนี้ ถึงจะขาดพ่อ แต่ก็เป็นครอบครับที่อบอุ่นมาก ธันวานั่งมองบ้านตรงข้าม เขาอยู่ที่ชั้นสองภายในห้องทำงานของ ทำให้มองเห็นว่าบ้านตรงข้ามทำอะไรบ้าง เขานั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เด็กวอย หัดเดิน กระทั่งสามแม่ลูกนั่งกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้า เขานั่งมองบรรยากาศของบ้านตรงข้าม เริ่มที่จะรู้สึกชอบต้นจามจุรี บ้านนั้นปลูกไว้สองต้น ใหญ่โต แผ่กิ่งก้านสาขา ดูใหญ่และแข็งแรงมาก เด็กนั้นมองมาที่รั้วบ้านเขา ที่ช่างทำเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ดูทำหน้าสงสัย ธันวาเผลอยิ้ม เขาลดกล้องส่องทางไกลลง คนฝั่งโน้น คงไม่คิดว่า มีคนแอบมอง คงคิดว่าเป็นแค่ตึกร้างธรรมดา สงสัยว่าคนเป็นแม่ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง ว่ามีคนมาอยู่แล้ว ไม่นานเขาก็เห็นเด็กวอยนั่นเดินเข้าบ้าน แต่ก็ไม่วายหันมามอง รั้วต้นไม้ที่กั้นระหว่างตึกเขา กับบ้านของตัวเอง ธันวานั่งอยู่ตรงนั้น ลุกไปเข้าห้องน้ำ แค่ตอนที่เด็กวอยนั่นนอนหลับ ที่ระเบียง กระทั่งบัดนี้ คนที่บ้านสวนนั่น นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข ดูเรียบง่าย ธันวาลืมคิดไปเลยว่า วันนี้ทั้งวัน เขานั่งมองความเคลื่อนไหว ของบ้านสวนตรงข้าม เกือบทั้งวันเหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม