เพื่อนสนิท

3045 คำ
วรางคณา นอนที่โรงพยาบาลเป็นวันที่ 3 แล้ว อาการดีขึ้นมาก พยาบาลแจ้งว่า พรุ่งนี้อาจได้กลับบ้าน กลางวันเธออยู่คนเดียว พอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว วรวิทย์ต้องไปทำงาน เลิกงาน เขาก็กลับมานอนเฝ้าพี่สาว “ว่าน คืนนี้ไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนพี่แล้วนะ พี่เดินได้แล้ว ว่านกลับไปนอนเป็นเพื่อนแม่เถอะ” “ครับพี่วอย งั้นเย็นนี้เลิกงานแล้วว่านแวะมาดูพี่วอย แล้วว่านกลับไปนอนเป็นเพื่อนแม่นะครับ “ “พี่คิดว่า วันศุกร์น่าจะได้กลับบ้าน “ ตั้งแต่วรางคณามานอนโรงพยาบาล ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์จากโอภาษ และกัญญา เธอเจ็บจี้ดในใจ แต่แค่แป๊ปเดียวเท่านั้น มีเพียงหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานเท่านั้นที่โทรถามข่าวคราวอาการป่วยของเธอ วรวิทย์ไปทำงานแล้ว วันนี้วรางคณา จะลองหัดเดินออกไปนอกห้อง ตามที่พยาบาลบอก ปลายเตียงมีไม้เท้าอยู่สองอัน หลังจากที่กินข้าวของโรงพยาบาลอิ่มแล้ว ความที่อยากกลับบ้าน อยากเดินได้คล่อง เร็วเท่าความคิด เธอค่อยๆลุก หยิบไม้เท้า แล้วค่อยๆเดินออกไปข้างนอกห้อง เธอพักที่ชั้น 5 หญิงสาวลงลิฟต์ลงไปที่ชั้นสอง ตรงไปที่ระเบียงที่มีความยาวพอที่จะหัดเดินได้ แถวนั้นมีต้นไม้เยอะ เธอคิดถึงบ้าน คิดถึงห้องนอน ที่พอเปิดหน้าต่างออกมาก็เจอสวนผัก คิดถึงสวนผักหลังบ้าน วรางคณาค่อยๆเดิน แอบไปตามระเบียง เผื่อว่าเธอเสียหลัก ยังสามารถที่จะใช้มือเกาะ ราวกั้นได้ ทางที่เธอหัดเดินไป ไม่ค่อยมีคนป่วย หรือญาติคนป่วย ไม่เหมือนอีกฝั่งของโรงพยาบาล ใจก็อยากกินกาแฟ มีร้านกาแฟสดอยู่ข้างหน้า เธอค่อยๆ เดินไปที่ร้านกาแฟ ถึงไม่ถึงไม่เป็นไร เหนื่อยก็นั่งพัก ระหว่างทางเดิน มีเก้าอี้สำหรับนั่งพัก หญิงสาวเดินคล่องขึ้นมาก ไม่ปวดเอว และขาแล้ว ยังไม่ทันที่จะถึงร้านกาแฟ ก็มีสายเข้ามา “ว่าไงโอม มีอะไรหรือเปล่า นึกยังไงโทรหาวอย ฝนตกใหญ่แน่ๆ เลย” “โอมจะโทรมาถามข่าว วอยเป็นยังไงบ้าง โอมไม่ได้ไปเยี่ยมเลย ช่วงนี้งานเยอะมาก” “ไม่เป็นไรหรอก อีกสองสามวันก็ไปทำงานได้แล้ว ไม่ต้องห่วง กัญญาเป็นยังไงบ้าง” ฝ่ายนั้นเงียบไป ไม่ตอบคำถามของวรางคณา เขามีพิรุธ วรางคณาอยากรู้ว่าเขาจะตอบคำถามของเธอว่ายังไง “กัญญาก็สบายดี วอยจะกลับมาทำงานเมื่อไหร่” “ก็นั่นแหละ สองถึงสามวัน มีอะไรอีกไหมโอม ขอบใจนะที่อุตสาห์เสียสละเวลาโทรหา แค่นี้นะ วอยจะนอนพัก” วรางคณานั่งนิ่งอยู่ที่เก้าอี้สำหรับนั่งพัก ผู้ชาย มันจะมีสักกี่คน ที่รักเดียวใจเดียว ชาตินี้ถ้าไม่เจอคนดี เธอก็ไม่ขอมีใคร อยู่กับน้องอยู่กับแม่ ทำมาหากินของเธอไป ว่างๆก็ไปท่องเที่ยว ปั่นจักรยานบ้าง ดีจะตาย ไม่ตายหรอก แค่ผู้ชายไม่รัก เห็นทีว่าวันนี้จะไม่ได้กินกาแฟแล้ว หมดอารมณ์ กลับห้องดีกว่า วรางคณาค่อยๆลุกขึ้น พยายามเดินกลับไปที่ห้องอย่างช้าๆ ท่าทางทุลักทุเลพอสมควร ลืมไปว่าตัวเองวางโทรศัพท์ไว้ที่เก้าอี้ ธันวานั่งอยู่ในร้านกาแฟ เขาลุ้นว่าเด็กนั่นจะเดินมาถึงร้านกาแฟไหม วันนี้เขามาโรงพยาบาลแต่เช้า เพื่อให้หมอดูหลังเท้าให้ สรุปว่าเป็นหนอง ทำให้หหลังเท้าบวมและปวดมาก เขาทนไม่ไหว จนต้องมาโรงพยาบาล ถูกคุณหมอดุ ว่าปล่อยไว้ทำไมตั้งหลายวัน สรุปว่าเขาถูกคว้านเนื้อเสียออก เจ็บมาก เจ็บที่สุด หลังจากที่ทำแผลเสร็จ เขาแวะซื้อกาแฟดื่ม ภาพตรงหน้าเขาคือ ผู้หญิงร่างสูง ผมยาวดำสนิท ใส่ชุดของโรงพยาบาลทั้งชุดสีชมพู มีโลโก้ของโรงพยาบาล เห็นว่าพยายามหัดเดินด้วยไม้เท้า สะดุดตาเขามาก เขาจ้องมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความสนใจ แปลกที่มาหัดเดิน ทำไมไม่มีคนมาคอยดูแล เขารอว่าเมื่อไหร่เด็กนั้น จะเดินมาถึงร้านกาฟสักที อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าเห็นเขา จะทำหน้ายังไง ดูจากสภาพแล้ว น่าจะเจ็บมากเหมือนกัน ดูท่าทางที่เดินก็รู้ แล้วนี่ไม่ต้องไปทำงานทำการเลยรึไง เกือบสัปดาห์แล้วที่ทั้งเขา และเด็กนั่นเจ็บตัว พอเห็นแล้วก็ยังโมโหไม่หาย ซุ่มซ่ามไม่พอ ยังก้าวร้าวอีก ย่าเขาบอกว่า แม่เป็นครู ทำไมไม่สั่งสอนลูกสาวบ้างนะ แสดงกิริยาก้าวร้าวกับคนแปลกหน้า ไม่งามเลย เขารีบลุก และเดินตามเด็กวอยนั่นไปห่างๆ คิดว่าตัวเองแข็งแรงรึไงนะ เที่ยวเดินไปทั่วโรงพยาบาล แล้วนี้น้องชายหายไปไหน ทำไมไม่มาคอยดูแลกัน คงจะรีบมาก จนลืมโทรศัพท์ ถ้าเขาไม่เก็บไว้ คนอื่นก็ต้องเก็บ ธันวา เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสะพายของเขา และรีบเดินตาม ไปจนวรางคณาเข้าลิฟท์ เดาว่าน่าจะอยู่ชั้นห้า จริงอย่างที่เขาคิด เด็กนั่นอยู่ชั้นห้าจริงๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมเขาต้องไปถามรายละเอียดเกี่ยวกับเด็กคนนี้ประชาสัมพันธ์ด้วย เด็กคนนั้นเจ็บ ส่วนหนึ่งก็มาจากเขา ถ้าเขาไม่ผลักเด็กนั่นก็ไม่ล้มกระแทก แต่เพราะความเจ็บและโมโห หลังจากที่เขาสอบถามอาการของวรางคณาจากพยาบาลแล้ว ก็น่าเห็นใจเหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นเจ็บกว่าเขามาก แถมยังต้องมาหยุดงานอีก “วอยเป็นยังไงบ้าง โอม”ประโยคแรกที่กัญญาถามโอภาษ เมื่อชายหนุ่มรับสายเธอ “เห็นว่าอีกสามสี่วันก็จะมาทำงานแล้ว “ “ทำไมกัญญา ไม่โทรหาวอยบ้าง แบบนี้วอยยิ่งสงสัย โอมว่ากัญญาโทรหาวอยบ้างนะ” “โอม เราจะปิดเรื่องนี้ไว้ได้นานไหม กัญญาไม่สบายใจเลย “ “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า รู้ก็รู้ ไม่เห็นเป็นไรเลย ดีเราจะได้ไม่ต้องปกปิด โอมก็เบื่อที่จะต้องคอยหลบคอยซ่อน” “ญาว่าเราบอกวอยเลยดีไหม ญาอึดอัด สายตาของคนในออฟฟิศ เวลาที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน” “เดี๋ยววอยเขาก็ลาออกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า “ รีบออกมานะ โอมรออยู่หน้าบริษัทฯแล้ว ” ได้เวลาเลิกงานพอดี กัญญารีบเก็บของที่โต๊ะ ออกไปหาโอภาษ ที่จอดรถรออยู่หน้าบริษัทฯ เหตุการณ์นั้นไม่รอดพ้นสายตาของเพื่อนพนักงานไปได้ ทุกคนอยากบอกวรางคณาเหลือเกิน แต่หัวหน้าห้ามเอาไว้ กำชับทุกคนว่าอย่าพูด บอกเพียงแต่ว่า วรางคณารู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว ไว้ให้เขาคุยกันเอง อีกไม่นานนี้ “ไม่น่าเชื่อนะคะพี่ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับคนใกล้ตัว วอยเอ้ย น่าสงสารจริงๆเลย ตัวเองมัวแต่ทำงาน มัวแต่ป่วย ทางนี้ เพื่อนสนิทกับแฟน เขาไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้” เพื่อนๆในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแผนกเดียวกัน หรือแผนกอื่น ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก เป็นเรื่องธรรมดา ของเรื่องแบบนี้ ยิ่งปิด คนยิ่งรู้ วิจารณ์กันสนุกสนานไปเลย กัญญารีบสแกนนิ้ว มองซ้ายมองขวา ปลอดภัยจากสายตาคนแล้ว รีบจ้ำอ้าวไปที่รถของโอภาษ กัญญาขึ้นรถได้ โอภาษเร่งเครื่อง่รถ ออกไปจากที่ตรงนั้นอ่ย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของเหล่าพนักงานไปได้ เรื่องนี้ต้องขยาย คนลักกินขโมยกิน ไม่ควรสนับสนุน และไม่ควรมีความสุข “โอม วันนี้กัญญาว่าจะไปเยี่ยมวอย “ ในที่สุดกัญญาก็พูดออกมา หลังจากที่นั่งนิ่งในรถมานาน “ได้ ไปเลยล่ะกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มีอะไรก็พูดก็บอกไปเถอะ โอมก็อึดอัด” “ญาเบื่อสายตาพวกในออฟฟิศ ทำยังกับเราไปฆ่าใครมา นี่ถ้าไม่ติดว่ายังหางานใหม่ไม่ได้ ญาไม่อยู่หรอก” “ใจเย็นๆ น่า เดี๋ยววอยลาออกแล้ว ก็ไม่น่ามีปัญหาหรอก” “ แล้วจะทำหน้ายังไง ญารู้สึกประหม่า วอยจะเกลียดญามากไหม” “วอยเป็นคนมีเหตุผล อีกอย่าง โอมกับวอยก็ไม่เคยคุยถึงเรื่องอนาคต วอยคิดถึงแต่ที่บ้าน ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโอมเลย ขนาดไปกินข้าว ยังต้องมีญาไปด้วยตลอด ไม่เคยเปิดโอกาสให้โอม จับมือยังไม่เคยได้จับเลย” “ยังไง นี่เพราะวอยไม่ให้โอกาสโอมเหรอ โอมถึงหันมาสนใจญา แสดงว่าญาใจง่ายเหรอโอม” “อย่าเข้าใจผิด ที่โอมพูด เพราะว่า วอยอาจไม่ได้คิดอะไรกับโอมก็ได้ ญาก็เห็น วอยไม่เคยแสดงว่าโอมเป็นแฟนเลย มีแต่โอมที่เข้าหาวอย ทุกครั้ง ทำให้โอมมาคิดว่า วอยอาจไม่ได้ชอบโอม อย่างที่โอมเข้าใจ และวอยก็น่าจะรู้ว่าโอมกับญา มีใจให้กัน” “ถ้าวอยเข้าใจ ก็ดีซิ จะได้ไม่ต้องอธิบายมาก สบายใจด้วยกันทั้งสามคน” ต่างคนต่างถอนหายใจ เมื่อต้องไปเผชิญหน้ากับวรางคณา ต่างคนต่างคิดว่าจะทำหน้ายังไง กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น “เดี๋ยวโอม จอดรถข้างหน้าให้ญาหน่อยนะ ญาจะลงไปซื้อของเยี่ยม“ กัญญาลงจากรถไปแล้ว โอภาษนั่งรถบนรถ เขาตัดสินใจโทรหา วรางคณา ก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยม “ฮัลโหล....วอยเหรอ โอมเองนะ วอย....โอมมีเรื่องจะสารภาพ ก่อนโอมขอโทษ เรื่องนี้เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว โอมหวังว่าวอยจะเข้าใจ โอมกับกัญญา เราสองคนคบกัน หวังว่าวอยจะยกโทษให้เราทั้งคู่ โอมขอร้องวอย อย่าต่อว่ากัญญาเลย โอมกับกัญญารักกัน เดี๋ยวโอมกับกัญญาแวะไปเยี่ยมนะ โอมเชื่อว่าวอยเป็นคนมีเหตุผล เพราะยังไงกัญญาก็เป็นเพื่อนสนิทวอย แค่นี้นะ ไว้ค่อยคุย” ปลายสายวางไปแล้ว เลือดเย็นจริงๆ นี่นายโอมนั่นคงคิดว่า เด็กวอย รับสาย ถึงได้พูดไม่หยุด โทรศัพท์เด็กนั่นยังอยู่กับเขา ธันวาลังเลว่าจะเอาโทรศัพท์ไปคืนเด็กนั่นดีไหม เขายืนอยู่หน้าห้องของวรางคณา เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ถ้าเขาเดาไม่ผิด นายโอมนี่คงเป็นแฟนของเด็กวอย แล้วโอมแอบคบกับกัญญาที่เป็นเพื่อนสนิทของเด็กวอย มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ความรักของหนุ่มสาว เรื่องเด็กๆ ไร้สาระ แล้วเขาก็มือไวซะด้วย รีบกดรับสาย ใจเขาอยากจะบอกว่าเจ้าของโทรศัพท์ ไว้ที่เก้าอี้นั่งพัก แต่ก็ไม่ทันแล้ว คนปลายสายรีบพูดๆๆๆ ไม่ให้เเขาได้มีโอกาสพูดเลย ทำยังไงดีธันวา เขาเดินวนอยู่หน้าห้องวรางคณาเกือบสิบนาทีได้ เป็นไงก็เป็นกัน เข้าไปเลยล่ะกัน ไปบอกให้เด็กนั่นรู้ตัว จะได้ทำใจ ก่อนที่แฟนจะพาแฟนที่เป็นเพื่อนสนิทมาสารภาพ ว่าเขาคบกัน “เชิญค่ะ ว่านเหรอ ทำไมมาเร็วจัง วันนี้พี่หัดเดินได้ไกลมาก หวังว่าพรุ่งนี้หมอคงให้กลับบ้านได้” ภาพผู้หญิงผมยาว นอนอยู่บนเตียง ใส่ชุดโรงพยาบาลสีชมพูด หน้าสวยธรรมชาตินั่น เงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งผลักประตูห้องเข้ามา วรางคณาตกใจอย่างเห็นได้ชัด หน้าตา ท่าทางเอาเรื่อง ถ้าไม่เห็นธันวาชูโทรศัพท์ให้ดู หญิงสาวนั่งกระพริบตาถี่ ทำหน้างง “อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น ผมมาดี คุณลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่เก้าอี้ทางหัดเดิน ที่ชั้น “ ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก คนที่ผลักประตูเข้ามาคือ โอภาษ และกัญญา กัญญาหิ้วตะกร้าเยี่ยมไข้ ตามหลังโอภาษเข้ามา ท่าท่างกล้าๆ กลัว ๆ ทั้งสองคนไม่ได้สนใจผู้ชายร่างใหญ่ มีหนวด เครา หน้าโหด ที่ยืนอยู่ภายในห้องนั้น วรางคณาที่กำลังจะเฉ่ง ตาหนวดที่เข้ามาในห้องของเธอ สิ่งที่อยากพูด กลับจุกอยู่ในอก เมื่อเห็นโอมกับกัญญา ก้าวเข้ามาในห้อง วรางคณา ลุกขึ้นนั่งบนเตียง หน้านิ่ง ทำไมเป็นผู้หญิงที่คิ้วเข้มมาก ตาโตสวย จมูกโด่ง หน้าสวย ไม่น่าเชื่อว่าจะนิสัยไม่ดี คงเป็นแบบนี้นี่เอง แฟนถึงได้ไปมีคนใหม่ แต่ก็น่าเจ็บใจ ที่แฟนคบกับเพื่อนสนิท น่าเห็นใจ ยังเด็กอยู่เลย อกหักซะแล้ว ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะไม่มีใครสนใจเขาเลย ไม่สนก็ไม่สน เขาแค่จะเอาโทรศัพท์มาคืน รอหน่อยก็ไม่เป็นไร เขาไม่อยากเสียมารยาท คนกำลังจะคุยกัน “เป็นยังไงบ้างวอย หน้าตาสดชื่น ดีขึ้นแล้วใช่ไหม โอมขอโทษนะ ที่มาเยี่ยมช้า งานยุ่งมากเลย” “วอย นี่ผลไม้ ญาตั้งใจซื้อมาเยี่ยม วันไหนวอยไปทำงาน ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม” กัญญายกตะกร้าผลไม้เยี่ยม ไปวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง แล้วถอยมายืนเกือบจะอยู่ข้างหลังโอภาษ “ขอบใจมากนะ ทั้งสองคน ไม่น่าลำบากมาเยี่ยม วอยจะกลับบ้านแล้ว อีกสักสองวันน่าจะกลับไปทำงานได้” วรางคณา มองทั้งสองคนนิ่งๆ รอว่าทั้งสองจะพูดอะไรต่อ ทั้งคู่ยังยืนเงียบ ไม่นั่งซะด้วย “โอม กัญญา มีอะไรจะบอกวอยไหม พูดมาเถอะ วอยรอฟังอยู่ ไม่ต้องเกรงใจ วอยรับได้ จะได้สบายใจกัน” “วอย กัญญาขอโทษนะ คือว่า....กัญญากับโอม เราคบกันมาสักพักแล้ว “กัญญาพูดเสียงเบา แต่เบายังไงก็ได้ยิน เพราะในห้องเงียบมาก เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง “ใช่วอย โอมกับกัญญา เราคบกันมาสักพักแล้ว “ “นานหรือยัง “วรางคณาถามเสียงนิ่ง หน้าก็นิ่ง เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไร แต่ใครจะรู้ว่าข้างในใจคิดอะไรอยู่ “เกือบปีแล้ว “กัญญาเป็นฝ่ายตอบ วรางคณาก้มหน้า แต่สายตาก็ยังเหลือบไปเห็นโอภาษจับมือกัญญา เพื่อให้กำลังใจกัน เขารักกันขนาดนี้แล้ววอยเอ้ย “ทำไมไม่เห็นบอกวอยเลย เราก็ไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ โอมใจร้ายนะ ปล่อยให้กัญญาเข้าใจผิดเราสองคนมาตั้งนาน สำหรับวอย ไม่มีปัญหาหรอก ดีใจที่เพื่อนสนิทอย่างกัญญา มีคนรักจริงๆสักที สำหรับโอม วอยขอนะ อย่าไปทำให้ใครเข้าใจผิดอีก รักเขาก็บอกเขาตรงๆ วอยไม่เป็นอะไร ดีใจกับเพื่อนทั้งสองด้วย ไม่ต้องรู้สึกผิดนะ วอยรู้มาตั้งนานแล้ว แต่ก็รอว่าเมื่อไหร่ ทั้งโอมกับกัญญา จะบอกวอย อย่าลืมไปบอกคนที่ออฟฟิศด้วยนะ ว่าคบกับตั้งแต่เมื่อไหร่ เผื่อเขาสงสัยกัน ดีแล้วที่โอมกับกัญญามาบอกวอยตรง ๆ ไม่ต้องเกรงใจวอยนะ เพือนมีความสุข วอยก็ยินดี และไม่ต้องห่วงว่าวอยจะพูดให้ร้าย ใคร เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ขอให้ทั้งคู่โชคดี แต่งเมื่อไหร่ก็ส่งข่าวด้วยนะ อ้อ กัญญาบอกโอมแล้วใช่ไหม วอยลาออกแล้ว ทำงานแค่เดือนนี้ วอยดีใจนะที่โอมกับกัญญาบอกเรื่องนี้กับวอยด้วยตัวเอง “ “พี่วอย มีอะไรกันเหรอครับ ว่านขอโทษนะครับที่มาช้า หาที่จอดรถยากมากเลย” วรวิทย์ผลักประตูเข้า เขาพูดได้แค่นั้น ก็ต้องยืนนิ่ง ขวามือของเขา ผู้ชายร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม หนวดเครายาว ผมยาว ดูรุงรังไปหมด ที่ปลายเตียง โอภาษ กับ กัญญา พี่สาวเขานั่งนิ่งอยู่บนเตียง สัญชาตญาณของเขา รู้ว่าต้องมีเรื่องไม่ค่อยดีแน่ๆ “พี่โอม พี่กัญญา มาเยี่ยมพี่วอยเหรอครับ ขอบคุณนะครับ นี่ใกล้ได้เวลากินข้าวแล้ว พี่วอยต้องกินยา และพักผ่อนนะพี่อย่าลืม “ “งั้นโอมกับกัญญา ขอตัวกลับก่อนล่ะกันนะ ไปก่อนนะวอย หายเร็วๆนะ แล้วเจอกันที่ทำงาน” สองคนนั่นออกไปแล้ว ไม่แม้แต่จะหันมามอง ผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ในห้องนั้น ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ธันวายืนกอดอก มองคนบนเตียง ที่นั่งนิ่ง กระพริบตาถี่ๆ กัดริมฝีปากตัวเองจนเป็นเส้นตรง “พี่วอย ไหวไหมเนี้ย อย่างที่เคยคุยกันใช่ไหม ดีแล้วพี่วอย ผู้ชายพันธุ์นั้น ออกไปจากชีวิตเราก็ดีแล้ว ไม่ต้องไปสนใจ” “พี่ไม่ได้เสียใจ แต่พี่เจ็บใจ ที่เขาคบกัน โดยที่พวกเขาไม่คิดเลย ว่าพี่ก็รู้ แถมยังมาแสดงว่ารักพี่เอง ” “โธ่ พี่วอย เรื่องแบบนี้ใครเขาจะมาบอก พี่โอมเขาแสดงตัวว่าเป็นแฟนพี่วอย อยู่ๆดันชอบเพื่อนสนิทพี่วอยซะนี่ ใครเขาจะกล้าบอกล่ะ เป็นว่านๆก็ต้องทำใจสักระยะ” “พี่วอยก็ไม่ได้ชอบเขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะไปเจ็บใจทำไม ดีแล้วที่เกิดเรื่องแบบนี้ แสดงว่าพี่โอมเขารักพี่กัญญามาก ไม่งั้นเขาไม่กล้าพากันมาสารภาพบาปกับพี่วอยหรอก ปล่อยเขาไปเถอะพี่ เดี๋ยวหายดีแล้ว ว่านเลี้ยงเบียร์ เราจะฉลองกัน” วรวิทย์เข้าไปกอดปลอบพี่สาว ที่นั่งอยู่บนเตียง “แล้วนี่คืนนี้จะอยู่นเดียวได้ไหมเนี้ย ว่านต้องกลับไปนอนกับแม่แล้วนะ” “ได้ซิ สบายมาก ขอบใจมากว่าน พี่ไม่เป็นไร หัวใจของพี่เข้มแข็งมานานแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม