หญิงสาวเดินสำรวจห้องทำงานไม่นาน จารวีก็เปิดประตูเข้ามาหยุดหน้าโต๊ะทำงานปรมะ เขาเงยหน้ามองเลขาเล็กน้อยไม่ได้เอ่ยตำหนิหรือกล่าวสิ่งใด
ใบหน้าปรมะมีเพียงสองอย่างเท่านั้นคือนิ่งสงบกับสีหน้าอบอุ่นเหมือนเทพบุตร แต่โมนารู้ดีว่าข้างในเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ปรมะทั้งกวนประสาท หื่น โหดร้ายและอำมหิตไม่มีใครมาเปรียบ
เพราะเธอจำสีหน้าตอนเขาตามล่าตัวเธอกลับบ้านได้ ปรมะน่ากลัวอย่างกับปีศาจ พอได้ตัวเธอกลับก็กักขังเธอไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปไหน
“ท่านประธานคะ ประชุมจะเริ่มอีกห้านาทีค่ะ”
หญิงสาวกล่าวย้ำเตือนตามหน้าที่เลขาของตน
จารวีมองผ่านโมนาอย่างไม่สนใจ ภรรยาท่านประธานคนนี้ดีแต่ทำตัวเลิศหรู แต่ไม่มีความสามารถอะไรเลย หน้าที่การงานก็ไม่มี โชคดีแค่เกิดมาร่ำรวย
“ฉันขอคุยกับคุณหยางก่อนนะคะ ไม่เกินห้านาที เธอช่วยออกไปสักครู่” หญิงสาวแจ้งให้อีกฝ่ายทราบ เธอไม่ได้อยากมากวนเวลาทำงาน ที่มาก็เพราะมีเรื่องต้องคุยก็เท่านั้น
แต่ดูเหมือนเลขาคนสนิทไม่เข้าใจ จารวีมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยัน
“เวลางานคุณควรแยกแยะนะคะ ท่านประธานต้องรีบเข้าประชุม ดิฉันเป็นเลขาคนสนิทคงต้องขออภัยที่ต้องขัดเวลาคุณโมนา ท่านประธานตรงเวลามากไม่ชอบการเข้าประชุมสาย”
เลขาสาวกล่าว ใบหน้าสวยนั้นยกยิ้มเล็กน้อย
“คนสนิทถึงขั้นไหนคะถึงไม่ฟังแม้คำสั่งเมียเจ้าของบริษัท เธอเป็นแค่เลขาจารวี ไอ้ท่านประธานที่เธอพูดถึงนักหนาเนี่ย ผัวฉัน” โมนาใช้สะโพกพิงโต๊ะทำงานของสามีที่ตอนนี้กำลังนั่งเงียบเหมือนหุ่นยนต์
“เราแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวตลอดค่ะ ที่ทำงานไม่พูดเรื่องส่วนตัวดีกว่านะคะ” จารวีหน้าเสียแต่ยังคงดึงเรื่องงานเข้ามาอ้าง
ปรมะเห็นภรรยากำสายกระเป๋าสะพายแน่นก็พอเดาอารมณ์ได้ เขาใช้สายตาเรียกธันวาให้เข้ามาค่อยอยู่ใกล้ ๆ จากนั้นจ้องจารวีให้หุบปาก
“เลื่อนประชุม” เสียงเรียบติดจะดุสั่งเพื่อตัดรำคาญ
“ท่านประธานคะทำแบบนี้..” จารวีอยากแย้ง
“ฉันหรือเธอคือเจ้านาย” เจ้าของบริษัทถามเพียงเท่านั้น จารวีก็จำต้องยอมเงียบลงด้วยรู้ว่าเจ้านายเวลาโกรธน่ากลัว
ปรมะจ้องหน้าอีกรอบเป็นการเตือน
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าแต่แวบหนึ่งโมนาเห็นความโกรธ จารวีคิดทันทีว่าหากมีโอกาส เธอจะทำให้ท่านประธานทิ้งผู้หญิงไม่เอาไหนคนนี้
เลขาสาวออกจากห้องได้ โมนาได้แต่แอบว่า
“เลขาคนสนิท น่าหมั่นไส้” เสียงหวานสัพยอกสามีที่นั่งเฉยไม่ทำอะไร
“บ่นเป็นยายแก่” เธอดูไม่ออกว่าพึงพอใจหรือโกรธกันแน่ เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ก็ไม่ยายแก่อย่างฉันหรือไงที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำตอนป่วย พอจะตายไม่เห็นมีใครมาเหลียวแล หึย! คิดแล้วแค้นใจ คนป่วยกระเสาะกระแสะอย่างตาเฒ่าทำไมไม่ตายก่อนฉัน ใช้เงินซื้อเด็กสาวหลังจากฉันตายสบายเลยสิท่า!”
โมนายืนเท้าเอวบ่นพึมพำ
ปรมะนั่งฟังไม่เถียงอะไรให้มากความ ก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อเพื่อรอให้โมนาระบายอารมณ์ให้เสร็จ