อัลลิยาเดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อคืนมันยังตราตรึงอยู่ในจิตใจ สลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดพ้น ตรงกันข้ามดูเหมือนมันจะฝังแน่นทั้งคำพูดและการกระทำของกล้าตะวันก็ว่าได้ สงผลให้เธอนอนไม่หลับแถมยังคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เธอเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร พอก้าวเข้าไปในห้องดังกล่าวก็พบว่า กำธรกับนารถวลัยนั่งรออยู่ก่อนหน้า แล้วรู้สึกโล่งใจที่ไม่เห็นร่างของกล้าตะวัน ทว่าความรู้สึกดังกล่าวอยู่กับเธอไม่ถึงนาที ร่างของคนที่ไม่อยากเจอก็เดินเข้ามาในห้อง ดวงตาของกล้าตะวันตวัดมองนารถวลัยเพียงนิด เบนสายตามองอัลลิยาแวบเดียว ก่อนจะเดินไปทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างร่างน้องเลี้ยงที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หลุบสายตาต่ำ ไม่กล้าขยับสายตาไปไหนนอกจากชามข้ามต้ม เมื่อมากันครบทุกองค์ประชุม การรับประทานอาหารเช้าจึงเริ่มขึ้น
“กล้า พ่อกับแม่วลัยจะไปเที่ยวเมืองนอกสักระยะนะลูก” กำธรเอ่ยบอกลูกชาย
“เคล้ง!”
ช้อนที่อยู่ในมือของกล้าตะวันกระแทกลงบนที่ลองชามข้าวต้มอย่างแรงจนเกิดเสียง ดวงตาที่เคยสงบนิ่ง เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีของเปลวไฟดูร้อนแรง จนคนที่มองมารู้สึกถึงความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่ว แล้วความร้อนนั้นกำลังแผดเผาทุกสิ่ง
“ผมไม่มีแม่ชื่อนี้ แล้วจะไม่มีวันมีด้วย ที่ให้อยู่ร่วมบ้านด้วยก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว อย่าเผยอมาเป็นแม่ผมเด็ดขาด ส่วนคุณพ่อจะพาผู้หญิงคนนี้ไปเที่ยวที่ไหนตามสบาย ไปตายได้ยิ่งดี”
พูดจบ ชามข้าวต้มของกล้าตะวันก็ถูกปัดลงไปหล่นอยู่บนพื้นด้วยฝีมือของผู้พูด มันแตกกระจายตามแรงอารมณ์ของผู้กระทำ สามชีวิตที่นั่งร่วมโต๊ะมีแต่ความเงียบไม่มีใครพูดวาจาใดออกมา ส่วนสาวใช้อีกสองคนก็เงียบงันและตกใจกับการกระทำของเจ้านายหนุ่ม
“อย่ามาทำตัวแบบนี้นะกล้า โตเป็นผู้ใหญ่แล้วหัดมีความคิดบ้างสิ แล้วก็ให้เกรียติพ่อด้วย พ่อนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ”
กำธรขึ้นเสียงใส่ลูกชายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เขารู้ดีว่ากล้าตะวันไม่พอใจที่ตนมีภรรยา แถมยังจงเกลียดจงชังนารถวลัย แต่เขาคิดว่าการกระทำของลูกชายครั้งนี้ไม่เหมาะสมและไม่สมควรจึงกล่าวตักเตือน
“ทำไมผมจะทำไม่ได้ ในเมื่อผมเกลียดเมียใหม่ของคุณพ่อเข้าไส้ ที่ให้อยู่ร่วมบ้านด้วยก็แทบจะกลั้นใจตายอยู่แล้ว คุณพ่อบอกว่าผมโตแล้วและสมควรมีความคิด ผมก็อยากจะย้อนถามคุณพ่อว่า คุณพ่อมีความคิดหรือเปล่าที่มีเมียน้อยตอนที่แม่ผมป่วย ไม่เคยใส่ใจดูแลแม่ของผมเหมือนกับที่ควรจะเป็น ไม่เลย คุณพ่อไม่เคยทำหน้าที่สามีที่ดี กลับพาเมียน้อยไปเที่ยว ไปหาความสุขโดยที่ไม่คำนึงถึงแม่ของผม ถ้าผมไม่มีความคิดก็คงไม่แปลก เพราะผมมีเชื้อคุณพ่ออยู่ในตัว ความคิดของผมเลยไม่มี”
กล้าตะวันโต้กลับผู้เป็นพ่ออย่างไม่ยอมแพ้ ตวัดสายตามองนารถวลัยเขม็ง สายตามีแต่ความรังเกียจและเคียดแค้น
“อย่ามาก้าวร้าวพ่อนะกล้า กล้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูด” กำธรโมโหจัด กำมือแน่นพยายามระงับเพลิงโทสะของตัวเองเต็มที่
“ผมไม่ได้ก้าวร้าว ผมพูดความจริง คุณพ่อหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้น ไม่สนใจแม่ของผม ทำร้ายจิตใจคุณแม่ยังไม่พอ ยังทำร้ายจิตใจผมอีก คุณพ่อเห็นแก่ตัว รักมันหลงมันจนลืมลูกของตัวเอง”
ด้วยความโกรธและน้อยใจ ส่งผลให้กล้าตะวันเอ่ยวาจาแข็งกร้าวออกไป คำพูดของลูกชายทำให้กำธรฟิวส์ขาด ลุกขึ้นยืนใช้ฝ่ามือฟาดลงบนแก้มของลูกชายเต็มแรง ท่ามกลางความตกใจของสองแม่ลูกและคนรับใช้
“เผียะ!” คนถูกตบหน้าชาดิก หันมามองบิดาด้วยสายตาตัดพ้อ วินาทีที่กำธรเห็นสายตาของกล้าตะวัน ความรู้สึกผิดก็อัดแน่นในจิตใจของเขา “กล้า พ่อ...พ่อ”
“ถ้าคุณพ่อรักมันมากกว่าผม อยากอยู่กับมันนักล่ะก็ เชิญเลย เชิญคุณพ่ออยู่กับมันให้สบายใจและมีความสุข เพราะผมจะออกไปจากชีวิตของคุณพ่อเอง”
ตั้งแต่เกิดมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กำธรตบตีลูกชาย ทำให้กล้าตะวันที่มีความเสียใจและน้อยใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งทวีความรู้สึกนั้นมากขึ้น เช่นเดียวกันกับความแค้นและความเกลียดชังที่มีต่อสองแม่ลูกก็เพิ่มตาม จบคำพูดของกล้าตะวัน ผู้พูดก็เดินออกไปจากห้องทานอาหารทันที ทิ้งความรู้สึกหนักอึ้งไว้ในจิตใจของกำธร เขาได้แต่มองตามลูกชายไปโดยไม่ได้ก้าวตามเนื่องจากขาทั้งสองข้างมันแข็งและหนัก ก้าวเดินไม่ได้สักก้าวเดียว
“คุณค่ะ วลัยขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจอย่างนี้ ให้วลัยกับยากลับไปอยู่บ้านเดิมก็ได้นะคะ คุณกับคุณกล้าจะได้ไม่ผิดใจกันไปมากกว่านี้”
นารถวลัยลุกขึ้นมาจับท่อนแขนของสามี บอกความตั้งใจของตนเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด นางไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกย่ำแย่ไปกว่านี้
“คุณไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอก รอให้กล้าใจเย็นกว่านี้อีกสักหน่อยแล้วผมจะพูดกับกล้าเอง” กำธรพูดอย่างรู้นิสัยลูกชาย “ผมขอโทษนะวลัยที่กล้าพูดอย่างนั้น เรียกคุณอย่างไม่ให้เกียรติคุณ ผมหวังว่าคุณคงจะเข้าใจลูกของผม”
กำธรพูดกับภรรยาเสียงเหนื่อยใจ น้ำเสียงอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิด เสียใจ เขาหนักใจเป็นอย่างยิ่งกับอารมณ์และความคิดของลูกชาย มารตรีผู้เป็นป้าเป่าหูกล้าตะวันมาตลอดหลายปี ปลูกฝังให้ลูกชายของตนคิดว่าอาการป่วยของมารดาเป็นเพราะเขาและนารถวลัย ทั้งๆ ที่มันไม่เป็นความจริงเลยสักนิดเดียว หากแต่เขาเองไม่สามารถบอกความจริงกับกล้าตะวันได้ เพราะกลัวว่าภาพที่สวยงามของมารศรีในสายตาของกล้าตะวันจะเหือดหายไป เขาจึงเก็บงำความลับนี้ให้ตายไปพร้อมกับเขา และแบกรับความอึดอัดทั้งหมดไว้คนเดียว