แพศยา ที่ 3
ตรอกที่ 15 ถนนเหมยฮวา
สถานที่อันตราย
ทันทีที่หวางเซียวเหยาเยื้องย่างปลายเท้าออกมาจากเรือนนอน เหล่าทหารเวรยาว สาวใช้ บ่าวชาย ต่างก็พากันตกตะลึงพรึงเพริด บางคนถึงกับอุทานออกมาว่า
‘นั่นมนุษย์แน่หรือ ข้านึกว่าเทพธิดาจากสรวงสวรรค์เสียอีก’
‘งามหาหญิงใดเปรียบ’
‘ชั่วชีวิตได้พานพบหญิงงามนับเป็นวาสนา’
เมื่อเผลอพูดออกมาแล้วก็พากันก้มหน้าหงุด คิดว่าคงถูกคุณหนูใหญ่ผู้ขี้หงุดหงิดเต็มไปด้วยโทสะตลอดเวลาก่นด่าที่บังอาจเอ่ยชมความงามโดยไม่เจียมกะลาหัว ว่าพวกตนเป็นแค่ขี้ข้ารองมือรองเท้าเท่านั้น
“ขอบใจนะ”
น้ำเสียงแผ่วเบาหวานไปถึงขั้วหัวใจของคนฟัง ทำให้เหล่าบริวารถึงกับนิ่งอึ้งตกตะลึงไปตามๆ กันด้วยไม่มีใครคาดคิด แม้คุณหนูใหญ่เดินไปไกลแล้ว แต่พวกเขาเหล่านี้ยังคงยืนนิ่งราวกับถูกสาปให้แข็งเป็นหินไปเสียแล้ว
“เสียงของคุณหนูใหญ่ไพเพราะถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ปกติพวกเขาได้ยินแต่เสียงตะคอกดัง ตวาดแรงๆ จนไม่เคยได้ยินน้ำเสียงเย็นที่แสนนุ่มนิ่มราวกับน้ำทิพย์ชโลมรดลงบนหัวใจเช่นนี้
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูใหญ่กันนะ เหตุใดวันนี้คุณหนูจึงดูสุขุมงดงามราวกับดวงดาวสว่างสดใสเช่นนี้”
“นั่นสินะ เมื่อครู่ข้าแทบหยุดหายใจ”
“ตอนที่คุณหนูใหญ่ยกยิ้มน้อยๆ หัวใจของข้าเต้นแรงมาก มากเสียจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา”
เหล่าสาวใช้จับกลุ่มพูดคุย ไม่ง่ายหรอกที่ข้ารับใช้จะได้รับคำ ‘ขอบคุณ’ จากเจ้านาย ยิ่งเจ้านายที่ปกติกดขี่ข่มเหงราวกับไม่เห็นข้ารับใช้เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ยิ่งยากเสียจนไม่อยากจะเชื่อ
“จะไปที่ใดหรือขอรับคุณหนูใหญ่”
“ตรอกที่สิบห้าบนถนนเหมยฮวา”
หัวหน้าคนหามเกี้ยวประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าคุณหนูหวางเซียวเหยาจะไปยังตรอกสิบห้า สถานที่แห่งนั้นค่อนข้างแออัด เป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่รวบรวมเหล่าอาชญกรแทบทุกประเภท แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป รีบโค้งกายรับคำสั่งแล้วหันไปกำชับคนลากเกี้ยวที่เหลือให้หามเกี้ยวด้วยความระมัดระวังอย่างให้คุณหนูใหญ่รู้สึกไม่สบายตัวแม้แต่น้อย
“ถึงแล้วขอรับคุณหนูใหญ่”
เซียวเหยาก้าวลงจากเกี้ยวอย่างช้าๆ วางปลายเท้าลงบนพื้นถนนเหมยฮวา ก่อนจะพุ่งสายตาไปยังตรอกสิบห้าที่แสนอึมครึม
“คะ...คุณหนูจะเข้าไปในตรอกนั้นจริงๆ หรือเจ้าคะ”
ถิงถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบายใจนัก แม้วันนี้จะพาคนคุ้มกันมาด้วยสองคน แต่ทว่าในตรอกนั่นดูอันตรายราวกับรังโจร หากพวกมันบุกเข้ามาทีละหลายคน คนคุ้มกันมากฝีมือที่จ้างมาจากสำนักคุ้มภัยเมฆาก็คงยากที่จะประมือ
“ไม่เข้าไปไม่ได้ มันสำคัญกับชีวิตของข้ามาก”
หวางเซียวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาที่เอื้อนเอ่ยเต็มไปด้วยพลัง ทำให้สาวใช้ทั้งสองรู้สึกว่าบางเสี้ยวขณะคุณหนูเหมือนนายท่านเหยามากทีเดียว
“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูโปรดระวังตัวด้วย”
สาวใช้และคนคุ้มกันเดินตามคุณหนูเข้าไปในตรอกชื้นแฉะ ปล่อยให้คนแบกเกี้ยวยืนรออยู่หน้าตรอกทางเข้า ผู้คนหลากหลายปะปนกัน บางคนกำลังง่วนอยู่กับการหุงหาอาหารอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ บางคนก็นั่งเคาะกะลาขอทานด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ บ้างก็นั่งลับมีดอย่างช้าๆ
ทว่าทุกคนล้วนมองมายังหญิงสูงศักดิ์ที่ก้าวเข้ามาในตรอกสิบห้าแห่งนี้อย่างไม่เป็นมิตร เพราะคนเหล่านี้อคติต่อคนรวยและเหล่าชนชั้นขุนนางเป็นทุนเดิม
เมื่อเดินลึกเข้าไปก็พบกับเหล่าบุรุษที่จับกลุ่มดื่มสุราทางฝั่งซ้ายมือพาเป่าปากเมื่อได้เห็นหญิงงาม ทำท่าทางเจ้าชู้เล่นหูเล่นตา คุณหนูหวางไม่แม้แต่จะชายตามองเพราะจุดหมายของนางหาใช่พวกกเฬวรากเหล่านี้
“ขอถามได้หรือไม่ สำนักยาของผู้เฒ่าเหย่วอยู่ที่ใด”
นางตัดสินใจถามหญิงชราที่กำลังนั่งปั้นแป้งขนมสำหรับทำขาย ไม่ได้ถามเปล่าแต่ยื่นพวงอีแปะให้หลายพวงเป็นสินน้ำใจ
“เดินลึกเข้าไปจนถึงแยกที่สี่สิบสอง ด้านหน้ามีซ่องเล็กๆ ตั้งอยู่ ให้เดินเลียบข้างซ่องเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสำนักยา”
ตอบห้วนก่อนจะคว้าอีแปะหลายพวงมากุมไว้ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจริบคืน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านผู้เฒ่า”
เซียวเหยายิ้มแย้ม ไม่ได้มีท่าทางหงุดหงิดต่อสายตาของหญิงชราและเหล่าสตรีบริเวณนั้น ด้วยเข้าใจว่าความลำบากยากแค้นทำให้แม้แต่จะฝืนยิ้มยังลำบากยากเย็น แล้วจู่ๆ มีหญิงสาวบุตรขุนนางเดินเข้ามาในตรอกคงทำให้คนเหล่านี้รู้สึกหวาดระแวง
“ว้าย!”
หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกชายรูปร่างปราดเปรียววิ่งชนเต็มแรง ก่อนจะโดนกระชากถุงเงินในมือไปอย่างรวดเร็ว
“ขโมย!”
คนคุ้มภัยคนหนึ่งวิ่งตามโจรไป ส่วนอีกคนหันกลับมามองคุณหนูใหญ่ที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่ง
เซียวเหยาหัวใจเต้นแรงราวกับจะกระโจนออกมานอกอก จังหวะที่นางหมุนคว้างกำลังจะล้มลง จู่ๆ ก็มีมือหนาใหญ่เอื้อมมาคว้าร่างนางเอาไว้ได้ทัน แต่นั่นทำให้นางตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ตึก! ตึก! ตึก!
แล้วเหตุใดนางถึงต้องหัวใจเต้นแรงด้วย ไม่หรอกนางไม่ได้ใจเต้นแรงเพราะถูกเขากอด แต่อาจจะใจเต้นแรงเพราะถูกโจรวิ่งราวถุงเงินไปก็เป็นได้
“แม่นางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
ชายผู้นั้นค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกอย่างสุภาพ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างประคองที่ไหล่นางให้หยัดยืนอย่างมั่นคง
“มะ...ไม่เป็นไร ขอบคุณมากนะเจ้าคะท่านจอมยุทธ์”
นางเอ่ยเรียกเขาเช่นนั้น เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ ด้วยเสื้อผ้ารัดกุมที่สวมใส่ไร้ความหรูหราเฉกเช่นคุณชายมีสกุลแต่เน้นใช้งานจริงทนทานมีส่วนประกอบที่ทำจากหนังสัตว์ที่เก่าคร่ำคร่า อีกทั้งยังใส่หมวกปีกกว้างและมีผ้าสีดำผืนบางปิดบังใบหน้าเอาไว้กว่าครึ่ง
“ด้วยความยินดีขอรับ เมื่อแม่นางทำธุระเสร็จแล้วขอจงรีบออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับสาวงามอย่างแม่นาง”
คำว่า ‘สาวงาม’ ที่ออกจากปากของชายแปลกหน้า แต่กลับทำให้หัวใจขอบคนตัวเล็กกว่ากระตุกจนเต้นผิดจังหวะได้อย่างน่าประหลาด
แปลกทั้งที่นางเคยชินกับคำชมจนเชยชา แต่กลับหวั่นไหวไปกับคำชมของชายผู้นี้
“เข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามที่ท่านจอมยุทธ์บอก”
เซียวเหยาปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะค้อมกายเล็กน้อยราวกับขอบคุณเขาอีกครั้ง จากนั้นสาวใช้ทั้งสองจึงรีบประคองนางเดินจากไป
“ได้เงินคืนกลับมาแล้วขอบรับ อ้าว! แล้วคุณหนูหวางเซียวเหยาไปไหนเสียแล้วเล่า”
คนคุ้มกันที่วิ่งตามโจรไปเมื่อสักครู่ รีบวิ่งกระหืดกระหอบกลับมายังจุดเกิดเหตุ ก่อนจะพึมพำเมื่อไม่พบนานจ้าง แล้วเร่งรีบฝีเท้าออกเดินหานายจ้างทันที และนั่นทำให้ชายที่ปิดบังใบหน้าไว้กว่าครึ่งได้ยินชื่อของคุณหนูผู้งดงามนั้นอย่างชัดเจน
“ท่านเจ้าเมืองขอรับ นั่นคุณหนูใหญ่คู่หมั้นของท่านนี่ขอรับ”
ลูกน้องคนสนิทกระซิบแผ่วเบา เขาไม่เคยพบพานคู่หมั้นของเจ้านายมาก่อน แต่เมื่อได้พบก็ถึงกับตกตะลึงในความงามจนแทบจะลืมหายใจ ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่มีข่าวลือว่าเป็นหญิงใจร้าย ปากร้าย ชอบทำร้ายร่างกายผู้อื่น จะเป็นสตรีที่งดงาม อีกทั้งท่าทางที่ปฏิบัติต่อสาวใช้ก็ดูอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเมตตาปรานี
นางไม่มีท่าทีถือตัวเมื่อต้องพูดคุยกับชายแปลกหน้าที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังโค้งกายขอบคุณอย่างอ่อนน้อม ไม่มีความเย่อหยิ่งจองหองอยู่ในการกระทำเหล่านั้นแม้แต่น้อย
หรือว่าข่าวลือพวกนั้นจะเกิดจากผู้ไม่หวังดี...
‘กี่ปีแล้วนะ...ที่ข้าไม่ได้พบเจ้าแม่เด็กดื้อตัวน้อย เผลอไม่เท่าไหร่เจ้าโตเป็นสาวถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูเหมือนว่าข้าต้องนับถอยหลังเฝ้ารอเจ้ามาเคียงคู่ในวันวิวาห์เสียแล้ว’
เจ้าเมืองหนุ่ม ‘เฉินซือหยาง’ หยักยิ้มที่มุมปาก แรกทีเดียวเขาช่วยเหลือสตรีนางนั้นไว้เพราะยืนอยู่ใกล้ๆ และได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงไม่อาจเมินเฉย
แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านางเต็มสองตา หัวใจของเขากลับกระตุกแรงราวกับตกหลุมรัก แม้จะพานพบสาวงามมากหน้า ทว่าหญิงงามผู้นี้กลับทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวจนเผลอกอดกระชับนางในอ้อมกอดเอาไว้แนบแน่น
จังหวะที่ต้องสลัดความรู้สึกทิ้งไปเพราะรู้ตัวดีว่าตนมีคู่หมั้นคู่หมายที่ผู้ใหญ่จัดแจงให้ อีกทั้งกำหนดแต่งงานก็ใกล้เข้ามาภายในสามเดือนที่จะถึง เขาจึงไม่ควรเอาใจไปผูกกับสตรีอื่นเพราะนั่นคือการไม่ให้เกียรติคู่หมั้นคู่หมาย
แต่แล้วภายในเสี้ยวอึดใจเขากลับได้รู้ว่าหญิงที่พึงใจผู้นั้นก็คือ ‘หวางเซียวเหยา’ คู่หมั้นของเขานั่นเอง
“สั่งคนให้คอยติดตามดูแลความปลอดภัยของคุณหนูหวางอย่างลับๆ จนกว่านางจะกลับถึงจวน”
“ขอรับท่านเจ้าเมือง”
ซือหยางหยักยิ้มไม่คิดเลยว่าการปลอมตัวเข้ามาตรวจตราอาชญากรรมในตรอกสิบห้าจะทำให้ได้พบกับคู่หมั้นสาว ว่าแต่... นางมาทำอะไรที่นี่เล่า!