“เจ๊โมเป็นอะไร” กอหญ้าเอ่ยถามนะโมหลังจากที่ทั้งคู่ถึงสตูดิโอถ่ายงานของวันนี้ สีหน้าไม่สู้ดีของนะโมทำให้กอหญ้าเป็นห่วงไม่น้อย
“แม่เจ๊ไม่สบาย” ความรู้สึกที่อัดอั้นของนะโมที่กักเก็บเอาไว้ถูกระบายออกมาให้กอหญ้าได้รับฟัง เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นปานขาดใจของนะโมยิ่งทำให้กอหญ้าสงสารและเห็นใจ
“อ้าว แล้วทำไมเจ๊ไม่บอกหญ้า ทำไมไม่รีบกลับไปหาแม่”
“ก็หญ้ามีถ่ายงาน อีกอย่างขาหญ้าก็เจ็บ” นะโมพูดความจริงออกไป เธอเป็นห่วงกอหญ้าไม่น้อยแต่อีกใจเธอก็เป็นห่วงแม่มากเช่นกัน
“กลับไปหาแม่นะเจ๊โม ถือว่าลาไปก็ได้ หญ้าดูแลตัวเองได้ เจ๊ไม่ต้องเป็นห่วง” ดวงตาแดงก่ำเงยหน้าขึ้นมาสบตากับใบหน้าสวยของกอหญ้าด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะหญ้า” นะโมโผล่กอดกอหญ้าแน่นโดยมีมือบางของกอหญ้าลูบหลังเพื่อปลอบประโลม ยิ่งกอหญ้าให้นะโมกลับไปหาแม่และอ้อมกอดที่อบอุ่น ยิ่งทำให้นะโมร้องไหนหนักมากกว่าเดิม
“เงินไม่พอรักษาแม่ โทรหาหญ้านะเจ๊โม อย่าเก็บไว้คนเดียวอย่าลืมว่าหญ้าคือน้องสาวของเจ๊” ก่อนที่นะโมจะหันหลังเดินขึ้นรถ กอหญ้าตะโกนตามหลังผู้จัดการส่วนตัว
คำพูดของกอหญ้าที่พูดออกไปเธอแค่ไม่อยากให้นะโมคิดว่าตัวเองตัวคนเดียว เพราะยังไงนะโมก็ยังมีเธออยู่ข้าง ๆ เสมอ
“ขอบคุณนะหญ้า ขอบคุณจริง ๆ” นะโมขับรถออกจากสตูดิโอไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์แล่นออกไปจนลับสายตา ทำให้กอหญ้าเดินกลับเข้าไปในสตูดิโอเพื่อแต่งหน้าแต่งตัวเตรียมถ่ายงาน
(ผิวสวยมากกอหญ้า) ช่างแต่งหน้าสาวสองเอ่ยชมผิวและใบหน้าของกอหญ้าไม่ขาดปาก เพราะวันนี้รู้สึกว่าตัวเองเจองานยากเข้าให้ แต่งหน้าคนสวยไม่ยากแต่ยากตรงที่แต่งยังไงให้สวยกว่าเดิมนั้นคือเรื่องยากที่สุด สำหรับสายช่างหน้าแบบพวกเธอ
“เจ๊ก็ชมเกินไป”
“เจ๊พูดจริงนะ แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ”
“ค่ะ แม่เจ๊โมไม่สบาย เจ๊โมต้องกลับบ้านดูแลที่บ้านต่างจังหวัดโน่น” เมื่อไม่เห็นผู้จัดการคนสนิททำให้ช่างแต่งหน้าถึงกับเอ่ยปากถาม เพราะปกตินะโมจะไม่ให้กอหญ้ามาทำงานคนเดียวอย่างเช่นวันนี้
“อ๋อ แบบนี้นี่เองแล้วแบบนี้จะกลับยังไง ขาก็เจ็บด้วย”
“เดี๋ยวหญ้าโทรให้เพื่อนมารับก็ได้ ไม่มีปัญหาค่ะ” งานวันนี้ดีหน่อย เพราะนั่งถ่ายแบบคู่กับตัวสินค้าซึ่งไม่ต้องยืนหรือเดินให้มากความ หลังจากแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยกอหญ้าเดินไปสแตนบายข้างฉากพร้อมกับไม้ค้ำยัน
@ คณะวิศวกรรมศาสตร์
“วันนี้ไปเตะบอลกันไหมวะ?” กวินที่เอ่ยถามเข้มและขุนหลังจากที่เรียนเสร็จ เพราะช่วงนี้กิจกรรมรับน้องพวกเขาไม่ต้องเข้าไปยุ่งมากเท่าไหร่ จะมีก็แต่เตรียมงานกีฬาสีคณะที่มีแข่งขันฟุตบอลกับมหาลัยอื่นเพียงเท่านั้น
“กูว่าง เห็นว่าปีนี้มหาลัยฝั่งโน่นฟิตซ้อมอย่างหนักเลยนะเว้ย”
“จริงเหรอวะ? แล้วมึงอะไอ้ขุนวันนี้ว่างไหม”
“อืม”
ครืด ครืด ครืด สายเรียกเข้ามือถือเครื่องหรูของขุนเขา ทำให้กวินและเข้มหันหน้ามามองเป็นตาเดียว ก่อนจะปะทะเข้ากับสายตาคมของขุนเขา ทำให้พวกเขาทั้งสองรีบเบนสายตาไปมองทางอื่น
“ครับ”
“ขุนเขา ช่วงนี้พี่รบกวนดูแลกอหญ้าแทนพี่หน่อย พี่ต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไม่รู้ว่าจะได้กลับมาวันไหน ได้ไหม”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ส่งตารางงานของกอหญ้าให้กับขุนเขานะ ขอบคุณมาก” หลังจากที่พูดจบขุนเขาเปิดดูข้อความที่นะโมส่งตารางงานของกอหญ้ามาให้ทันที
“ไอ้ขุน มึงพูดคำว่าครับเป็นด้วยเหรอวะ” กวินทำหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินเพื่อนรักอย่างขุนเขาพูดคำว่าครับถึงสองครั้ง เพราะคนที่ขุนจะใช้น้ำเสียงและคำสุภาพส่วนมากจะเป็นคนในครอบครัวหรือไม่ก็คนที่นับถือจริง ๆ
เพราะปกติขุนเขาเป็นคนไม่พูดแต่ถ้าพูดก็ได้แต่พูดห้วนไม่มีหางเสียง แต่มาครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้กับกวินไม่น้อย
“เสือก”
“อ้าว!!ไอ้นี่ แล้วนั้นมึงจะไปไหนไอ้ขุน”
“กูมีธุระ” ขุนเขาเดินออกจากตึกคณะไปยังลานจอดรถด้วยความเร่งรีบ เพราะดูจากตารางงานของกอหญ้าที่นะโมส่งมาให้ ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาเสร็จงานแล้ว
“เสร็จแล้ว ขอบคุณมากนะน้องกอหญ้า”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ มีอะไรเรียกใช้หนูได้” กอหญ้าเดินเข้ามาสวัสดีพี่เจ้าของแบรนด์ ก่อนที่เธอจะปลีกตัวออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่เป็นอันต้องชะงัก
เมื่อร่างบางเห็นขุนเขายืนอยู่ในสตูดิโอและกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ ร่างสูงของขุนเขาปรากฏตัวขึ้นเรียกเสียงซุบซิบจากทีมงานได้ไม่น้อย เพราะหนุ่มหล่อที่มาเฝ้ากอหญ้ายังเรียนสังเกตได้จากช็อปแดงเลือดหมูที่เขาสวมใส่อยู่
“นายมาได้ไง”
“มารับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวโทรให้เพื่อนมารับก็ได้”
“ดื้อ” มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงยีนด้วยใบหน้านิ่ง
“ฉันพี่นายนะ พูดอะไรให้เกียรติกันหน่อย” ใบหน้าสวยส่งสายตาดุไปให้กับขุนเขาที่ยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ตรงหน้า
“รีบเดินหรือจะให้อุ้ม”
“ไม่ต้องย่ะ” กอหญ้าเดินกะเผลกพร้อมกับไม้ค้ำยันเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยมีขุนเขาเดินตามหลังไม่ห่าง เพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะสะดุดล้ม
“ว๊าว!!น้องกอหญ้ากินเด็กเหรอคะเนี้ย” พี่ช่างแต่งหน้าเมื่อเห็นขุนเขาเดินตามกอหญ้าเข้ามาภายในห้องแต่งตัวถึงกับเอ่ยแซวไม่หยุด
“ไม่ใช่แฟนค่ะ”
“จริงรึเปล่า หล่อขนาดนี้ อดใจไหวเหรอน้องกอหญ้า”
“ไหวค่ะ หญ้าไม่ชอบเด็กค่ะ ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” กอหญ้าเดินคว้าชุดไปรเวทของตัวเองพร้อมกับเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที โดยมีขุนเขามองตาจนแผ่นหลังบางลับสายตา
หลังจากที่กอหญ้าเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าช่างแต่งหน้าที่เอ่ยแซวเมื่อสักครู่ถึงกับเงียบลงทันที เพราะเห็นสายตาดุของขุนเขา
“กลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” กอหญ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอเดินมาเอ่ยลาพี่ช่างแต่งหน้าและรีบเดินออกจากสตูดิโอด้วยใบหน้าบึ้งตึงเมื่อเดินพ้นจากผู้คน
“อ๊ะ” มือหนาของขุนเขาดึงกระเป๋าของกอหญ้ามาถือเอาไว้เอง โดยที่เขานั้นไม่ได้พูดอะไรแค่ผายมือให้กอหญ้าเดินต่อส่วนตัวเขานั้นเดินตามหลังกอหญ้าไม่ห่าง
“นายจะมาตามฉันทำไม ไม่ต้องถือสาเจ๊โมหรอก” ไม่มีเสียงตอบรับจากขุนเขา เขาดันตัวกอหญ้าให้เดินไปที่รถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ พร้อมกับเปิดประตูรถให้กอหญ้านั่งและไม่มีทางเลือกที่กอหญ้าจะปฏิเสธ
เธอยัดตัวเข้าไปภายในรถของขุนเขาปล่อยให้ขุนเขาเก็บไม้ค้ำยันของเธอตามสบาย เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยที่จะต่อว่าขุนเขาที่ไม่แม้แต่จะเถียงด้วยคำพูดแต่เขาตอบกลับด้วยการกระทำที่นิ่งจนกอหญ้าเธอรู้สึกโมโห
“นายจะพาฉันไปไหน ฉันอยากกลับคอนโดแล้ว”
“กินข้าวแล้วค่อยกลับ” คงเป็นประโยคที่ยาวสำหรับขุนเขาที่หันหน้ามาพูดกับกอหญ้า
“เฮ้อ!!”