๑ ปีผ่านไป...
ร่างเพรียวระหงส์สาวเท้าลงจากชั้นบนหลังจากอ่านหนังสือให้เจ้าสัวฟังก่อนเข้านอน ปีสุดท้ายแห่งการศึกษาทำให้แก้วกัลยาต้องทำวิทยานิพนธ์ พ่วงด้วยการฝึกงานตบท้าย เธอก้าวเข้าห้องจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัย เก้าโมงเช้ารถเมล์จอดหน้ารั้ว นักศึกษาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันเวลานัดหมายกับเพื่อน
แก้วกัลยาถึงซุ้มคณะเธอรีบวางหนังสือ แล้วนั่งลงตรงข้ามกับเพื่อนในกลุ่ม วันนี้นัดกันมาเพื่อทำวิทยานิพนธ์และแลกเปลี่ยนความคิด
“แก้ววิทยานิพนธ์ใกล้เสร็จยัง อาจารย์ให้ส่งเดือนหน้านี่”นัฐนรินเพื่อนสาวเอ่ยถาม
คนถูกถามช้อนตามอง เพื่อนเธอเป็นสาวหมวย รูปร่างดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ส่วนสูงราวร้อยห้าสิบเจ็ด มีเชื้อสายจีน ผิวขาวดวงตาเรียวเล็ก ใบหน้ากลม ผมยาวตรง แก้มยุ่ยดูแล้วน่ารักไม่หยอก นักศึกษาหนุ่มหลายคนพากันแจกขนมจีบและดูเหมือนว่าเพื่อนเธอจะเล่นด้วยเสียทุกคน บ้างครั้งแก้วกัลยาเลยนึกห่วงเห็นข่าวตามทีวีออกเกี่ยวกับการทำร้ายเพราะอกหัก กลัวเพื่อนจะโดนเช่นนั้นบ้าง
“ใกล้เสร็จแล้วล่ะ เหลืออีกนิดหน่อย”แก้วกัลยาตอบคำถาม
“เราเหลืออีกตั้งเยอะเลย”
“ถ้าหยุดเที่ยวมันก็เหลือน้อยเองแหละริน”เสียงสินภพประชด
สินภพเป็นเพื่อนชายในกลุ่ม หนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีน้ำผึ้งเพราะเป็นคนใต้ ดวงตาคมกริบ คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน หน้าออกไปทางแขก สาวๆ มักมองว่าเขาหล่อคมคาย แต่ฝีปากอาจหาใครเทียบไม่ได้เลย ยิ่งมาประจันหน้ากับนัฐนรินเข้าแล้วล่ะก็เป็นต้องทะเลาะกันเสียทุกที
“อย่ามาเสือกได้ไหมไอ้สิน!”นัฐนรินปรายตามองแล้วเบ้ปาก
“ไม่ได้เสือกแค่อยากเตือน ทุกวันนี้เธอก็เกาะแก้วเพื่อจะเรียนจบไม่ใช่เหรอ ใครก็ดูออก”สินภพไม่วายแขวะ
“ปากหมาเกินไปแล้วนะไอ้สินภพ ฉันไปเกาะแก้วตอนไหน พูดให้มันดีๆ!”
“ก็ตอนนี้ไง พูดเรื่องวิทยานิพนธ์จะให้แก้วทำให้อีกล่ะสิท่า”
“แล้วฉันบอกเหรอว่าให้แก้วทำ แค่ถามเท่านั้นเองทำไมแกต้องมาใส่ร้ายไอ้สินภพ ไอ้ปากสกปรก!”นัฐนรินยังไม่ยอมลดละ
แก้วกัลยารีบยกมือห้ามทับเมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักลุกลามใหญ่โต เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทสองคนต้องมาทะเลาะกันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย
“พอแล้ว จะทะเลาะกันทำไม!”
“ปากฉันคงไม่สกปรกเท่าเธอหรอกริน เพราะปากเธอมันเอาไปดูดกับผู้ชายมาเท่าไหร่แล้ว”
“กรี๊ด!” มือหยิบข้าวของบนโต๊ะขวางใส่คนปากเสีย สินภพรีบหลบเป็นพัลวัน “แกตายซะเถอะ!”
“พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่หยุดแก้วจะไม่ช่วยติวให้อีกแล้ว!”แก้วกัลยาตะโกนลั่น สงครามย่อมๆ จึงหยุดลง นัฐนรินสะบัดใบหน้าหนีเพื่อนชายนิสัยเสียด้วยความเดือดดาล
แก้วกัลยาหันมาเปิดหนังสือเพื่ออ่าน ทั้งใกล้สอบแล้วยังพ่วงด้วยการทำวิทยานิพนธ์ รวมทั้งหาสถานที่ฝึกงานอีก คงทำให้นักศึกษาใกล้จบวุ่นวายกันน่าดู
“แก้วเราขอโทษนะ”สินภพบอก ขณะมองเพื่อนสาวแววตาเว้าวอน
คนฟังถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วหยิบปากกาขึ้นมา
“ติวกันเถอะ”สามคนเลยเปิดหนังสือ โดยให้ว่าที่นักศึกษาจบใหม่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเป็นคนติวให้
จบคาบช่วงเย็นแก้วกัลยายกนาฬิกาข้อมือดูเวลา เกือบห้าโมงเย็นแล้วต้องกลับไปอ่านหนังสือให้เจ้าสัวฟัง แล้วรายงานเรื่องการเรียนอีก เธอรวบหนังสือแล้วสะพายกระเป๋าก้าวออกมาจากห้องพร้อมเพื่อนสองคน นักศึกษาชายต่างคณะหน้าตาหล่อคมก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า
สามคนชะงักเท้า แก้วกัลยาขมวดคิ้วมองสีหน้าแปลกใจ หรือชายคนนี้จะมาจีบเพื่อนเธออีกแล้ว จูงมือสินภพเพื่อออกจากห้องแต่นักศึกษาคนดังกล่าวกลับมาดักหน้าเธอไว้
“ขอโทษนะครับ พอดีผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“คุยกับฉันเหรอคะ”แก้วกัลยาถามไม่แน่ใจเท่าใดนัก
“ใช่ครับ”
คนถูกชวนยิ้มแห้งๆ แล้วมองเพื่อน เธอไม่อยากยุ่งวุ่นวายในเวลานี้เลย ที่บ้านยังมีงานให้ทำอีกมากเสียด้วย
“เอ่อ ขอโทษนะคะแต่ว่าเย็นนี้ฉันไม่ว่าง ขอตัวก่อนค่ะ”แก้วกัลยาบอกปัดแล้วเดินเลี่ยงออกมา
“เดี๋ยวก่อนครับ”
นักศึกษาคนเดิมมาดักหน้าเอาไว้อีกครั้ง สินภพและนัฐนรินจ้องมองสีหน้าไม่สู้ดีกลัวจะมีเรื่องมีราว
“คุยกับผมครู่เดียว”
แก้วกัลยาถอนใจ หากเธอไม่ยินยอมเขาคงไม่รามือ
“ก็ได้ค่ะ”
สองคนเดินเลี่ยงออกมายืนด้านนอกช่วงซอกตึก แก้วกัลยาเม้มริมฝีปาก ไม่ค่อยอยากออกมาแบบนี้สักเท่าไหร่ กลัวคำพูดจากปากนักศึกษาชายเหล่านี้ เพราะรู้ว่ามันคืออะไร ก่อนหน้าก็เคยเป็นแบบนี้มาตลอด ซึ่งเธอปฏิเสธหมดจนได้ฉายาว่าเจ้าหญิงน้ำแข็ง หากคนรู้ฐานะทางสังคมแท้จริงคงไม่เรียกเธอว่าเจ้าหญิงหรอก
“มีอะไรก็ว่ามาค่ะ”
“เราชอบเธอน่ะ”
คนฟังชะงัก คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แล้วก็จริงดั่งคาด
“ขอโทษนะ เราไม่คิดจะคบใคร”แก้วกัลยาตัดบททันที
“ไม่ลองพิจารณาหน่อยเหรอ”
“ไม่ล่ะค่ะ”
“เราเป็นเดือนคณะเลยนะ หน้าตาไม่ได้ขี้เหร่ ทำไมเธอถึงไม่ชอบเลยล่ะแก้ว!”
“ตอนนี้ไม่อยากคบใครน่ะ เรายังไม่คิดเรื่องพวกนี้เลย”เธอพยายามอธิบาย ในหัวตอนนี้อยากเรียนให้ดีที่สุดให้สมกับที่เจ้าสัวส่งเสีย
“เธอไม่คิดจะคบใครเลยเหรอแก้ว”
“ใช่ เราไม่คิดจะคบใครทั้งนั้นล่ะ”
“ตกลงเราเข้าใจ ยังไงก็ลองพิจารณาสักหน่อยก็แล้วกัน วันนี้ขอบคุณที่รับฟัง”หนุ่มนักศึกษายอมถอยในที่สุด