นาเดียนั่งอ่านเอกสารสำคัญที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดด้วยความตั้งใจ เธอไม่ได้แค่มาพิสูจน์รักแท้แต่ว่าต้องมาช่วยงานของเขาด้วยและต้องทำให้เต็มที่ด้วย
“ไม่มีใครสอนงานเลยบริษัทอะไรเนี่ย เฮ้อ!”
นาเดียเกาหัวอย่างงุนงง เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นถึงอยู่ได้ไม่นาน มาวันแรกก็ไม่มาสอนงานให้ทำอะไรก็ไม่บอกแล้วจะหวังให้ทำดั่งใจคงยาก
“สวัสดีครับคุณนาเดีย ผมบอสเป็นผู้ช่วยของท่านประธานยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ผู้ช่วยของมินเดินเข้ามาหาเธอก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มกว้าง เธอเงยหน้ามองเขาก่อนจะยกมือไหว้ทักทายอย่างมีมารยาท เขาดูเป็นมิตรกว่าเจ้านายเยอะมาก
“สวัสดีค่ะ นาเดียค่ะยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
“มีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามผมได้นะครับ”
“ช่วยสอนงานหน่อยค่ะ ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง”
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้จากนั้นก็ช่วยแนะนำงานเลขาของท่านประธาน ทุกสามเวลาเช้ากลางวันเย็นเธอจะต้องเปิดเมลของบริษัทดูว่ามีใครส่งอะไรมาบ้างแล้วปริ้นออกมาไปเสนอให้ท่านประธานเซ็น จากนั้นก็ต้องดูตารางล่วงหน้าหนึ่งวันทุกเช้าว่าท่านประธานมีนัดที่ไหนบ้างหรือว่ามีใครจะมาหาต้องเตรียมของว่างไว้ด้วย โดยแจ้งไปทางห้องอาหารให้จัดเตรียมไว้ จากนั้นก็นั่งพิมพ์สรุปการประชุมไม่ว่าจะประชุมใหญ่หรือประชุมย่อยเธอจะต้องเป็นคนทำ
“งานเยอะมากเงินเดือนเท่าไหร่คะเนี่ย”
นาเดียบ่นออกมาอย่างไม่แคร์ใคร จ้างห้าหมื่นเธอยังคิดแล้วคิดอีก เธอเรียนบริหารธุรกิจและแฟชั่นดีไซเนอร์มาตอนที่อยู่ต่างประเทศก็ได้ทำงานฟรีแลนด์ให้กับแบรนด์ชื่อดังของฝรั่งเศส งานชิ้นหนึ่งของเธอแค่ค่าจ่ายล่วงหน้าก็ได้มามากกว่าเงินเดือนเลขารวมกันทั้งปีแล้ว ที่เธอยอมมาทำที่นี่เพราะพี่มินหรอกนะไม่งั้นไม่เอาตัวเองมาลำบากหรอก
“เงินเริ่มต้นของเลขานุการอยู่ที่สองหมื่นห้าพันบาทครับ ฝ่ายบุคคลไม่ได้ให้ข้อมูลมาเหรอครับ”
“ไม่ค่ะมาส่งที่นี่แล้วก็ไปเลย แต่ว่าให้กระดาษอะไรมาสักอย่างแต่ว่ายังไม่ได้อ่านค่ะ”
“น่าจะเป็นรายละเอียดงานแล้วก็ค่าจ้างนะครับ ว่างก็ลองอ่านดูผมจะชี้แจงแค่ในส่วนงานเท่านั้น ส่วนพวกสวัสดิการยังไงต้องถามทางฝ่ายบุคคล”
เขายิ้มออกมาก่อนจะหันไปสอนงานอย่างอื่นต่อ มินที่อยู่ในห้องทำงานเห็นเลขาหายไปเกือบสองชั่วโมงก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่มาขอให้เขาสอนงานให้เลย เลขาคนอื่นยังกระตือรือร้นขอให้เขาสอนงานให้ตั้งแต่มาถึงแล้ว
“หายไปไหน”
เขาลุกขึ้นแอบไปเปิดประตูดูหญิงสาว ใบหน้าเธอเหมือนคนที่เขารู้จักมากแต่นิสัยและความดื้อรั้นเธอมีมากกว่าอีกคนเยอะเลย ดูยังไงก็คงไม่ใช่เขาแง้มประตูออกก่อนจะทำหน้าหมั่นไส้เมื่อผู้ช่วยของเขาและเลขากำลังนั่งสอนงานกันอยู่ตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว
“อันนี้ก็ต้องทำนะทุกวันเลย”
“งานที่นี่เยอะดีนะคะ สองหมื่นห้านาเดียว่าน้อยไปค่ะถ้าคุณบอสจะหาเลขาคนใหม่ต้องแจ้งท่านประธานพิจารณาเงินเดือนให้สมกับงานที่สั่งให้ทำด้วย”
หญิงสาวเอ่ยแนะนำผู้ช่วยของท่านประธาน ให้เงินน้อยแบบนี้เลขาที่ไหนจะอดทน ใช้งานอย่างกับทาส
“คุณนาเดียลองเสนอท่านประธานสิครับ ขอขึ้นเงินเดือนดูอาจจะยอมก็ได้”
บอสยิ้มออกมาขำๆดูก็รู้ว่าคนนี้เด็กเส้นของจริง ท่าทางไม่กลัวใครแม้แต่ท่านประธานก็น่าจะไม่เกรงกลัวด้วย แต่ว่าหลังจากที่คุยกันมาเกือบสองชั่วโมงเขาว่าเธอมีความรู้มากกว่าเลขาทั่วไป ภาษาอังกฤษเก่งมากแถมยังความรู้รอบตัวสูงท่าทางไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิด
“ไม่ค่ะนาเดียไม่ได้ซีเรียสแต่หมายถึงว่าถ้าเป็นคนอื่นแค่คิดว่ามันน้อยไปค่ะ”
“ถ้าน้อยก็ลาออกไปสิ ไม่เห็นจะแคร์เลย”
มินเปิดประตูออกมาก่อนจะเอ่ยแขวะหญิงสาวทันที น่าหมั่นไส้เขาพอใจจะให้เท่าไหร่เขาก็ให้ ไม่พอใจจะทำแล้วมาสมัครทำไมหาคนอื่นก็ได้ไม่เห็นจะแคร์เลย
“ถ้านาเดียลาออกท่านประธานก็จะต้องเปลี่ยนเลขาไปเรื่อยๆค่ะ ไม่มีใครอดทนเท่านาเดียแล้วรู้ไว้ด้วย”
หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนจะหันไปยื่นเอกสารให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“ท่านประธานลองอ่านดูได้นะคะว่านาเดียเรียบเรียงคำพูดดีแล้วหรือยัง พี่บอสเค้าสอนให้ตอบเมลลูกค้าค่ะ”
“พี่บอสเหรอ… สนิทกันขนาดนั้นแล้วเหรอ”
เขาเบะปากใส่หญิงสาวก่อนจะรับกระดาษมาลองอ่านดู ภาษาอังกฤษดีกว่าที่คิดหรือว่าเพราะมีผู้ช่วยของเขาอยู่เธอจึงทำได้
“เธอเอางานไปพิมพ์ให้หน่อยสิในห้องอ่ะ อีกยี่สิบนาทีฉันจะใช้”
เขาเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานหยิบกระดาษที่เขาร่างไว้ส่งไปให้เธอห้าใบ เธอมองอย่างทึ่งจะใช้ในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้าแต่ให้พิมพ์งานห้าใบเขาคิดอะไรอยู่
“ห้าใบแล้วเป็นภาษาอังกฤษด้วย จะใช้ในอีกยี่สิบนาทีใครจะทำทันคะ”
“เป็นเลขาของฉันต้องทำให้ทัน ถ้ายืนพูดอยู่ตรงนี้เวลาก็จะถอยไปเรื่อยๆ”
นาเดียถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปเร่งพิมพ์งานให้เขาทันที บอสมองหญิงสาวที่เปิดโปรแกรมแล้วรีบทำงานตามที่เจ้านายสั่ง ปกติห้าใบท่านประธานจะให้เวลาเลขาหนึ่งชั่วโมง นี่มันแกล้งกันชัดๆเลยนี่
“ทำทันมั้ยครับให้ช่วยมั้ย”
“ไม่เป็นอะไรค่ะเดี๋ยวนาเดียจัดการเอง ขอบคุณคุณบอสมากนะคะที่มาช่วยสอนงานวันนี้”
“ยินดีครับงั้นผมไปหาท่านประธานก่อนนะครับ”
นาเดียพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะก้มหน้ามองจอต่อ สบายมากยี่สิบนาทีเธอทำทันอยู่แล้ว เห็นแบบนี้เธอใช้แป้นพิมพ์เร็วเป็นที่หนึ่งของคลาสเรียน รู้แหละว่าเขาแกล้งแต่ว่าเธอก็ยอมให้ทำและก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะสรรหาอะไรมารังแกเธออีก มาดูกันว่าใครจะยอมแพ้ก่อนกัน
สิบห้านาทีผ่านไปเธอทำงานเสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว ห้าหน้าไม่ได้เยอะเท่าไหร่เพราะเขาเขียนด้วยลายมือเวลาพิมพ์ออกมาได้ประมาณสองหน้ากว่าๆ เธอหยิบโทรศัพท์มากดดูข้อความเป็นแชทจากเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศส่งอะไรบางอย่างมาให้
“อะไรอ่ะ”
‘บริษัทจะให้ยูติดต่อกลับไปหาหน่อย อยากจะให้ออกแบบชุดไปร่วมแสดงแฟชั่นโชว์ในอีกสองเดือนข้างหน้า รายละเอียดลองอ่านดู’
‘ขอผ่านช่วงนี้ไม่อยากรับงานอ่ะ’
นาเดียไม่สนใจที่จะทำงานช่วงนี้ เธอกำลังพิสูจน์ความรักของพี่มินอยู่เพราะฉะนั้นถ้ารับงานช่วงนี้เธอจะเหนื่อยมากเกินไป
‘แต่ค่าจ้างสูงมากเลยนะ แถมได้ค่ากำไรจากยอดขายอีกห้าเปอร์เซนต์ หลักๆสิบล้านเลยนะ’
นาเดียร้องว้าวออกมาก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้เสียดังมากเกินไป มินที่เดินออกมาจากห้องของตัวเองตะโกนเรียกเธอให้เอางานที่สั่งมาส่ง จะแกล้งแบบนี้ไปเรื่อยๆทนไม่ไหวก็ลาออกไปเลย อวดเก่งดีนักต้องเจอแบบนี้แหละ
“เสร็จยังครบยี่สิบนาทีแล้ว”
“เสร็จแล้วค่ะส่งเมลไปให้แล้วไม่มีแจ้งเตือนเหรอคะ..”
นาเดียยิ้มออกมาอย่างกวนๆ เขาหยิบโทรศัพท์มากดดูก่อนจะลองอ่านดู ทำได้ยังไงลายมืออ่านยากขนาดนี้ มันต้องมีนั่งคิดบ้างแหละว่าคำนี้คืออะไร อย่างน้อยต้องเสียเวลากับคำศัพท์บางคำบ้างแหละ
“เธอเขียนมั่วป่ะเนี่ยยัยเฉิ่ม”
“ไม่มั่วแน่นอนค่ะเพราะนาเดียอ่านทวนรอบหนึ่งก่อนจะพิมพ์เอกสารจึงพอรู้ว่าท่านประธานจะเขียนออกมาแบบไหน แต่ว่ามีบางคำที่นาเดียแอบเปลี่ยนให้ท่านประธานด้วย เรียบเรียงให้ถูกหลักไวยกรณ์ปรับเปลี่ยนคำศัพท์ให้เหมาะสมรับรองว่าภาษาสวยงามใครได้อ่านก็ต้องชม”
เธอยิ้มออกมามองหน้าท่านประธานตาใสแป๋ว เขาเก็บโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานด้วยอารมณ์บูดบึ้งปิดประตูใส่หญิงสาวเสียงดังลั่นห้อง พูดเหมือนที่เขาเขียนมันยังไม่ถูกต้องอย่างงั้นแหละ ก็เขาไม่ได้เก่งภาษาเขียนมากขนาดนั้นเพียงแต่พูดคล่องแคล่ว ไม่งั้นจะจ้างเลขาไปทำไมล่ะ
‘มันจะเก่งเกินไปแล้ว เดี๋ยวรู้กันยัยเลขาจอมเฉิ่ม!’