ความกล้าหาญชาญชัยในการมองของเธอทำให้เขาค่อย ๆ สอดแก่นกายเข้าไปในร่องเสียวให้เธอเห็นเต็ม ๆ ตา ร่างกายของเธอแยกแย้มตอบรับ ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงครางประท้วง
“อื้อ... เจ็บจัง”
เขาโผเข้ากอดรัดจุมพิตริมฝีปากเต็มอิ่มของเธอเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ สอดแทรกเรือนกายเข้าหาอย่างล้ำลึก มันเข้าไปได้เกินกว่าครึ่งเท่านั้น แต่ทุกอย่างก็คับติ้วแน่นถนัด จนเขาไม่สามารถขยับกายเข้าออกได้ จึงต้องแช่กายนิ่งเอาไว้
สัมผัสวาบหวามเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาเล้าโลมเธอด้วยมือและปาก จูบซับริมฝีปากอ่อนหวาน นวดเฟ้นเต้านมอวบอิ่มและจับป้อนเข้าปาก ซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น เมื่อเธอปรับตัวได้แล้ว แถมยังปลดปล่อยน้ำทิพย์หอมหวานออกมาต้อนรับการรุกราน เขาก็เริ่มขยับเป็นจังหวะจะโคน จนได้ยินเสียงครวญครางของเธอที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
ปากน้อยของเธอถูกบดจูบอย่างดูดดื่มเพราะเธอเผยอยั่วเย้าเขาเสียเหลือเกิน
สะโพกสอบขยับสาวเข้าสาวออก เธอนิ่วหน้าอย่างเสียวซ่านระคนเจ็บแปลบเพราะแรงเสียดสี กล้ามเนื้ออ่อนนุ่มภายในบีบรัดเธอแนบแน่นทุกทิศทาง ทำให้เขาแทบแตกพร่าทุกครั้งที่เสียบกายเข้าหาเธอ
ร่างกายของเธอทำให้เขาแทบหักในเพราะแรงตอดรัดที่ทำเอาเขารู้สึกเจ็บเป็นบางครั้งเวลาขยับ
“แน่นชะมัด” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่ายามที่ขยับขับเคลื่อนในเรือนกายสาว
มือหนาจัดการปลดพันธนาการที่ข้อมือของเธอ ก่อนที่จะดึงเสื้อของเธอออกไปจากตัว เขาคิดว่าเธอดิ้นหนีไม่ได้แล้วเพราะเขาสอดเสียบเข้าหาเธอกักร่างน้อยเอาไว้ใต้ร่างหนาหนักแข็งแรง จึงยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ
มณีเมขลาจิกมือไปกับที่นอนกว้างเมื่อถูกปล่อยเป็นอิสระ เธอถูกจับแยกขาให้กว้างอีกนิดแล้วถูกกระแทกเข้าออกเป็นจังหวะเร้าอารมณ์
ร่างกายของเธอโยกคลอนไปตามแรงรักของเขา มือน้อยจิกไปกับที่นอนกว้างหนานุ่ม ยินยอมให้เขาเข้ามาสอดเสียบในร่องเสียวครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะถึงดิ้นไปก็คงจะไม่รอดจากเงื้อมือของเขา แถมยังเจ็บตัวเปล่า ๆ
สะโพกสอบทำงานอย่างต่อเนื่องนานหลายนาทีก่อนที่จะกระชากให้เธอไปถึงสวรรค์ พร้อม ๆ กันกับเขาที่ร้องครางออกมาเสียงหลงเมื่อแตกพร่าในร่องสวาทอย่างรุนแรง ปลดปล่อยน้ำรักเต็มเครื่องป้องกัน แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความร้อนเร่าที่ฉีดพล่าเข้ามาเต็มเหนี่ยว
เธอหอบหายใจจนสะท้าน ให้เขาโอบกอดเอาไว้แนบอก
มณีเมขลานอนนิ่งไม่ไหวติง ถามว่าเสียใจไหมก็ต้องบอกว่ามันต้องมีอยู่แล้ว แต่คิดอยู่แล้วว่าไม่รอดมือเขาไปได้ นอกเสียจากว่าเธอจะหนีไปจากที่นี่ได้ก่อนหน้านี้
เวคินตะแคงหน้ามามองคนที่นอนหงายและนอนนิ่งไม่ไหวติง ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“คิดอะไรอยู่” เขาคิดไปว่าเธอคงร้องห่มร้องไห้เรียกร้อง แต่ที่ไหนได้ เธอกลับนิ่งเงียบไปจนเขาเองเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามเธอเสียเอง
“ถามได้คิดอะไรอยู่ ฉันเจ็บเจียนตาย ถ้าทำไม่เป็น ทำให้ฉันเสียวอย่างเดียวไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ” เธอยังปากดีไม่เลิก ยั่วโมโหเขาได้เสมอ
เวคินแยกเขี้ยวใส่เธอ อยากจะด่าเธอสักยกให้ลืมบ้านเลขที่ แต่ศัพท์ในหัวของเขาแทบไม่มี เขาด่าไม่ออกนอกจากอยากชื่นชมในร่างกายอันแสนเย้ายวนของเธอที่ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหว แตกพร่าอย่างรุนแรงและเสียวสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เธอนี่มัน!” เขาหงุดหงิดรีบลุกจากเตียงในทันที เธอก็มองเขาตาปริบ ๆ
“เธอไม่คิดจะหันไปมองอย่างอื่นบ้างเลยเหรอ” เขาสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เอ่ยถามคนที่จ้องเขาไม่วางตา เห็นเขาแก้ผ้าก็ไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิด
“ฉันจะมองอย่างอื่นทำไม ก็คุณมาแก้ผ้าให้ฉันดู ฉันก็ต้องดูคุณสิ”
“เธอนี่มัน” เขาจะด่าแต่ด่าไม่ออก ถ้าไม่เพราะเธอทำให้เขาพอใจละก็ เขาจับเธอหักคอจิ้มน้ำพริกไปแล้ว
“ไม่มีความเอียงอายเลยสักนิด”
“อายทำไมคะ ก็แค่ร่างกายของมนุษย์ ฉันรู้หมดแหละว่ามีอะไรบ้าง แค่เคยเห็นในรูป อันนี้ของจริง”
“เธอดูหนังสือโป๊หรือไง”
“บ้า! สุขศึกษาน่ะเคยเรียนไหม ชีววิทยาน่ะเคยเรียนไหม ฉันไม่ได้หมกมุ่นเหมือนคุณนะ แล้วนี่มันยุคไหนแล้ว เชยเสียจริง ใครเขาดูหนังสือโป๊กันอีก คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าเดี๋ยวนี้มีอินเตอร์เน็ต คุณพูดเรื่องหนังสือโป๊นี่รู้ไหมบ่งบอกอะไร”
“บ่งบอกอะไร”
“บ่งบอกอายุไง ยุคไหนล่ะที่เขาดูหนังสือโป๊กัน ถ้าไม่ใช่เมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว พูดซะฉันเดาอายุได้เลย”
“ฉันยังไม่แก่” เขารีบเอ่ยเสียงเข้ม ถลึงตาใส่เธอ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เธอหัวเราะอย่างกวนอารมณ์
“หัวเราะอะไร”
“คนเราก็แปลก ไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่”
“ก็ฉันยังไม่แก่” เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาเถียงกับผู้หญิงที่เพิ่งนอนด้วยกันแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนเขาคงรีบจ่ายเงินและไล่เธอออกไปจากห้องเมื่อเสร็จกิจ
แต่มณีเมขลาเป็นข้อยกเว้น
“คุณออกไปได้แล้ว ฉันจะนอน ฉันง่วง แล้วถ้าขืนยังยืนพูดกันอยู่แบบนี้หลานคุณตื่นขึ้นมาฉันไม่รู้ด้วยนะ” เธอเล่นกับหลานทั้งวัน ให้นอนกลางวันแค่แป๊บเดียว ทำให้วาทิตหลับสนิทเพราะความง่วง เธออยากให้หลานนอนกลางคืนมากกว่ากลางวัน แต่เด็กน้อยแบบวาทิตจะติดการนอนค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
“นี่เธอกล้าไล่ฉันอย่างนั้นเหรอ”
“การไล่คุณต้องใช้ความกล้าด้วยเหรอ”
“นี่เธอ!” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงร้องไห้จ้าของวาทิตก็ดังขึ้น ทำให้เวคินทำหน้าเหวอ
“อย่าเพิ่งไป” เขาชะงักหันไปมองหญิงสาวที่รีบแต่งตัวอย่างสงสัย
“มีอะไร”
“คุณทำให้วาทิตตื่นก็ต้องช่วยฉันกล่อมแกนอน”
“หน้าที่ของเธอ”
“เอาไป” เธอไม่สนใจคำปฏิเสธ จับหลานชายตัวน้อยยื่นส่งให้เขา เวคินต้องรับมาอุ้มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเด็กน้อยมาร้องอยู่ในอ้อมแขนของเขา เวคินก็จำต้องกล่อมหลานชายให้หยุดร้องไห้
เขาเห็นว่าเธอเดินไปหยิบแพมเพิร์สและเดินมาหาเขา
“ต้องเปลี่ยนแพมเพิร์ส”
“เธอรู้ได้ไงว่าวาทิตฉี่”
“พนันกันไหม ถ้าหลานคุณไม่ฉี่ฉันจะยอมขึ้นขย่มคุณเลย” ประโยคของเธอทำให้เขาหน้าแดง มณีเมขลาจึงหลุดหัวเราะออกมา
เวคินแยกเขี้ยวใส่เธอ แต่ก็ยอมให้เธอนำหลานชายไปเปลี่ยนแพมเพิร์ส และปรากฏว่าวาทิตฉี่จริง ๆ
“ได้เวลาก็ต้องเปลี่ยนค่ะ มันซึมซับได้เยอะและได้ดีก็จริง แต่มันก็อับชื้นพอสมควร” เธอเช็ดจนสะอาดแล้วประแป้งก่อนจะสวมแพมเพิร์สอันใหม่ให้เด็กน้อย
“ทำไมหลานฉันยังร้องอยู่”
“ก็แกนอนอยู่แล้วคุณเสียงดัง ไม่รู้จักกาลเทศะ”
“นี่เธอด่าฉันเหรอ”
“อยู่กันสองคน ฉันคงด่าหมาแมวมั้ง” เธอถลึงตาเข้าใส่ ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยขึ้นตบก้นเบา ๆ เพื่อกล่อม ไม่นานวาทิตก็สงบลง เวคินยืนมองมณีเมขลาตาปริบๆ เธอหันมาสั่งให้เขาดูแลหลานไปก่อน
“คุณอยู่ดูวาทิตไปก่อน”
“แล้วเธอจะไปไหน”
“จะไปชงนม ไม่เห็นหรือไงว่าหลานคุณหิว”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง”
“ก็หัดสังเกตสิ คุณโตแล้วนะไม่ใช่เด็ก ไม่ใช่เป็นแต่ขู่คนอื่นอย่างเดียว” เธอพูดจบก็ไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ รีบเดินหนีไปชงนมมาให้วาทิตในทันทีเวคินนั่งมองมณีเมขลาป้อนนมหลานชายตาไม่กะพริบ เขาเห็นว่าเธอดูแลหลานชายของเขาอย่างดี และรู้ด้วยว่าควรเลี้ยงเด็กยังไง
“เธอเคยเลี้ยงเด็กเหรอ” จะถามว่าเคยเลี้ยงลูกไหมก็ไม่ใช่ เธอเพิ่งเสียจิ้นให้เขา จะเลี้ยงลูกได้ยังไง
“หลังจากพ่อแม่ตายที่บ้านก็ลำบากมาก ฉันเลยทำงานทุกอย่าง หนึ่งในงานนั้นก็คือการรับจ้างเลี้ยงเด็ก” เธอตอบเขาดี ๆ ไม่จิกกัดเขาอีก เพราะเขาถามเธอดี ๆ
“เล่าเรื่องของเธอให้ฟังบ้างสิ” จู่ ๆ เขาก็อยากรู้เรื่องของเธอขึ้นมา เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากในความคิดของเขา ไม่อ่อนหวานออดอ้อนหรือสยบแทบเท้าเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่ก็รู้จักเอาตัวรอด พลิกแพลงตามสถานการณ์ และเป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด
“คุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะคะ” เธอเอ่ยถาม ก่อนจะทำปากจุ๊ ๆ ให้เขาเงียบ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยหลับลงไปอีกครั้ง
“ไปคุยกันที่ระเบียงบ้านไหม”
“ดึกแล้วไม่คิดจะหลับจะนอนหรือไงคุณ”
“ฉันอยากคุยกับเธอ”
“ฉันจะนอน ถ้าอยากจะคุยก็ไปคุยกับคนอื่นโน่น” เธอทิ้งตัวลงนอน ทำเอาเวคินต้องแยกเขี้ยวใส่
นี่แหละเธอ! ถึงจะตกเป็นของเขาแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้หงอหรือยอมเขาเลยสักนิด
“อะไรของคุณนี่ มานอนกับฉันทำไม” เธอเอ่ยถามเขาเสียงเบา ให้พอได้ยินกันสองคน เพราะกลัวหลานชายตัวน้อยตื่นขึ้นมาเนื่องจากเสียงรบกวนอีก
“ฉันอยากนอนกับเมีย” ประโยคของเขาทำให้เธออ้าปากค้าง
เวคินอยากเอาชนะเธอ ไม่มีผู้หญิงคนไหนตกเป็นของเขาแล้วจะไม่เรียกร้องความสนใจหรือไม่อยากให้เขารับผิดชอบ
ยกเว้นเธอ!
ไม่เรียกร้องความสนใจ!
ไม่อยากให้เขารับผิดชอบ!
คนอะไรแปลกพิลึก!
“ได้ แต่ฉันนอนดิ้น คุณอยากนอนก็ตามสบาย” เธอทิ้งตัวลงนอนและหลับลงไปในทันที
เวคินชะโงกหน้าเข้าไปดูเธอ ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ นี่เธอหลับแล้วจริงๆ เหรอ
คิดจะนอนก็นอน นึกว่าจะออดอ้อนเรียกร้องความสนใจเสียอีก
แปลกจริงผู้หญิงคนนี้!
เวคินทิ้งตัวลงนอนและหลับบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาอยากนอนเบียดผู้หญิงอย่างเธอ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยคิดอยากนอนร่วมเตียงกับใคร
“โอ๊ย!” เวคินร้องเสียงหลงเมื่อเขาโดนเธอเตะจนตกเตียง ชายหนุ่มลุกขึ้นมาจากพื้น ทำท่าจะขย้ำเธอ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเธอเพิ่งปรือตาตื่นขึ้นมา
“เป็นอะไรของคุณ ร้องโหวกเหวกโวยวาย” เธอพูดได้แค่นั้น ก่อนจะอ้าปากหาวหวอด ๆ พอได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของเจ้าหนูน้อย เธอก็รีบไปยังที่นอนเด็กน้อยในทันที
เวคินที่จะเอาเรื่องมณีเมขลาก็ต้องยุติไปก่อน แล้วเขาก็หัวหมุนต้องช่วยเธออาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม และป้อนนมให้หลานชาย
เลี้ยงเด็กนี่มันลำบากขนาดนี้เชียวหรือ ยุ่งวุ่นวายตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน
“เธอแกล้งฉันใช่ไหม” ได้โอกาสตอนที่วาทิตหลับปุ๋ยไปอีกครั้งในช่วงกลางวัน เขาก็เอ่ยถามพี่เลี้ยงจำเป็นแบบเธอ
“แกล้งอะไรคะ” เธอเอ่ยถามเขา หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เลี้ยงวาทิตตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน เธอแทบไม่ค่อยมีเวลาไปทำอย่างอื่น จะว่างก็ตอนที่วาทิตนอนหลับเท่านั้น
“ก็เมื่อเช้าเธอเตะฉันตกเตียง ฉันยังไม่ได้ชำระความกับเธอเลยนะ” เขาทำท่าจะเข้าไปขย้ำเธอ แต่หญิงสาวรีบถอยหนีไปเสียก่อน
“หยุด หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ ฉันไปแกล้งอะไรคุณ ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันชอบนอนละเมอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะไม่รับผิดชอบ คุณก็ยังอยากจะมานอนกับฉันเอง”
“เธอนี่มัน” เขาชี้หน้าเธอตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ
“ฉันทำไม ฉันพูดเรื่องจริงทุกคำ ฉันบอกคุณแล้ว แต่คุณก็ไม่ฟังอยากมานอนเตียงเดียวกับฉัน แล้วทีนี้คุณจะมาโวยวายหาพระแสงอะไร”
“เธอนี่ปากดี ปลิ้นปล่อน กระหล่อน เธอนี่มันน่าจับตีก้นเสียให้เข็ด” เขาทำท่าทำทางว่ามันเขี้ยว
“คุณนี่คิดอยู่แค่เรื่องเดียวทำร้ายคนไม่มีทางสู้ โดยเฉพาะทำร้ายผู้หญิง บีบคอบ้างล่ะ ตีก้นบ้างล่ะ ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมไม่มีใครเอาคุณทำผัว”
“เธอรู้ได้ไงว่าไม่มีใครเอาฉันทำผัว”
“แล้วไหนเมียคุณล่ะ”
“ฉันยังไม่มีเมีย”
“ก็นั่นไง ไม่มีใครเอาคุณทำผัว”
“เพราะฉันไม่เอาต่างหากล่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็หวังเงินทองของฉันด้วยกันทั้งนั้น”
“ก็นั่นไง คุณเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร”
“หมายความว่ายังไง ฉันเป็นผู้ชายที่น่าสงสารยังไง”
“ก็ไม่มีผู้หญิงที่ไหนรักคุณจริงยังไงล่ะ ถ้าผู้หญิงรักจริงเขาไม่สนใจเงินทองของคุณหรอก เขาจะรักคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่นี่ไม่มี หวังแค่เงิน คุณก็เลยเป็นคนน่าสงสารยังไงล่ะ”
“ทำไมฉันต้องน่าสงสารด้วย ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องมีผู้หญิงคนไหนมารักฉันจริง เพราะฉันไม่ได้ต้องการความรักจากใคร”
“ก็เพราะว่าคุณไม่มีความรักยังไงล่ะ ลองคุณได้รักใครจริง ๆ คุณจะไม่พูดแบบนี้ และคุณจะเสียใจมากหากผู้หญิงที่คุณรัก หวังแค่เงินจากคุณ”
“เธอนี่มันพูดจาวกวนน่าปวดหัว”
“ฉันขอตัวก่อน จะไปดูหลานชายให้คุณ”
“เดี๋ยวก่อน”
“คุณมีอะไรอีก”