คนตัวสูงพอได้ยินฉันพูดก็ใช้มือสอดเข้าที่เอวฉันพร้อมกับออกแรงดึงจนเสียหลักไปทับอยู่บนตัวเขา แล้วตอนนี้เขาก็บาดเจ็บอยู่ตรงแถวหน้าท้องอีก ถ้ามันเป็นเยอะไปกว่านี้ก็เพราะตัวเขาเองนั่นแหละที่ทำตัวเอง
"ทำไมเกลียดกันมากขนาดนั้นหรือไง"
"ปล่อยฉันไม่พูดกับคนที่พูดไม่รู้เรื่อง แล้วคำพูดที่ถามออกมาก็ไม่น่าจะถามเพราะคุณไม่น่าจะใช่คนโง่อะไร คงจะรู้คำตอบอยู่แล้วนั่นแหละ"
"ก็ดี จะได้ ไม่ต้องพูดคำพูด พูดด้วยแบบอื่นกันดีกว่า!!!"
คนตัวสูงใช้มือมารั้งลำคอฉันให้โน้มลงไปหาเขาก่อนจะปิดริมฝีปากฉันด้วยปากของเขาฉันเบิกตากว้างสตงสติหายไปหมดนี่มันจูบแรกของนั้นเลยนะแล้วต้องมาเสียให้นายเด็กแสบนี่อะนะ ขอเป็นคุณหมอที่อายุเท่าๆกันแบบฉันก็ไม่ได้ นี่อะไร คนตัวสูงจูบบริเวณริมฝีปากฉันฉันเลยเม้มปากไว้ไม่ให้เขาทำไปได้ไกลกว่านั้น
แต่คนตัวสูงใช้มือบีบบริเวณแก้มทั้งสองข้างจนริมฝีปากฉันเผยอออกคนตัวสูงก็ดันลิ้นเขาเข้ามาสำรวจภายในโพลงปากของฉันพอได้สติก็ดิ้นทันที พร้อมกับรีบบอกให้เขาปล่อย
"อื้อออออ๋อยย"
ฉันโวยวายขึ้นมาก่อนจะดิ้นให้เขาปล่อยคนตัวสูงใช้มืออีกข้างมากอดไว้ที่เอวฉันแน่นฉันดิ้นครั้งสุดท้ายแรงๆก่อนจะได้ยินเสียงคนตัวสูงร้องออกมา
"โอ๊ย!!! เจ็บนะหมอจะฆ่ากันหรือไง"
คนตัวสูงคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยฉันใช้แรงที่มีมากกว่าผลักเขาออกก่อนจะมายืนข้างเตียงไกลเขามากกว่าเดิม เพราะอยู่ใกล้เขาแล้วมีแต่เรื่องที่ฉันเสียหาย ดีที่ไม่มีใครมาเห็นเหตุการณ์เมื่อกี้ที่เกิดขึ้น ไม่งั้นพรุ่งนี้ชื่อเสียงฉันโด่งดังไปทั่วดรงพยาบาลแน่ ไม่ใช่การรักษาที่เก่งนะชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดีน่ะสิ
ยิ่งคิดขึ้นมาตอนนี้ก็ยิ่งโกรธเขามากจนถ้าพูดคำหยาบได้คงพูดไปหลายคำแล้วแหละ แล้วทำไมจูบแรกของฉันที่ฉันดูแลตัวเองมาอย่างดีต้องมาเสียให้ไอ้บ้านี่ด้วยก็ไม่รู้ ไม่รู้จะโกรธอะไรดีโกรธที่ตัวเองมาประจำอยู่โรงพยาบาลนี้ หรือจะโกรธเขาที่เป็นหลานผู้อำนวยการ หรือจะโกรธตัวฉันที่ปกป้องตัวเองไม่ได้
"ไม่ต้องกลัวผมขนาดนั้นก็ได้ครับ"
ผมพูดพร้อมกับมองร่างบางที่ตอนนี้ยืนเยื้องๆ อยู่ข้างเตียงพร้อมกับมองมาทางผมถ้าฆ่าได้คงฆ่าไปแล้วมั้งมองตาแข็งขนาดนั้นอะแม่คุณ แต่ก็นะทำไงได้ แค่เห็นหน้ามันก็อดใจไม่ไหวแล้ว เกิดมาตรงสเปกผมพอดีอะ ใครจะห้ามใจตัวเองอยู่
"ฉันไม่ได้กลัวฉันไม่อยากอยู่ใกล้คนที่ฉันเกลียด"
ฉันกอดอกมองคนตัวสูงที่นอนอยู่แถมยังขำออกมาอีกสำนึกมั้งเป็นปะวะ นี่ฉันก็ว่าเมื่อกี้ฉันว่าเขาอยู่นะ ยังจะมาทำหน้าละลื่นอยู่อีก หัดสำนึกอย่างคนอื่นที่ควรจะเป็นบ้างเถอะ หรือคำพูดที่ฉันพูดกับเขามันจะดีเกินไป
"เกลียดผมเข้าไปเถอะยังไงหมอก็หนีผมไม่พ้นหรอกผมอะนะจะบอกอะไรให้ ผมปักหมุดที่หมอแล้วครับ ปักมานานแล้วด้วย แล้วผมจะทำให้หมอมาสนใจผมให้ได้"
ฉันมองหน้าคนตัวสูงที่ตอนนี้เขาพูดบอกกับฉันมาด้วยท่าทีมั่นใจระดับร้อยได้มั้ง คิดเองเออไปคนเดียวน่ะสิ ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับเด็กน้อยอย่างเขาหรอก
"ประสาทนายควรไปเช็กบ้างนะ"
"หึหึ มาประคบแผลให้ผมดิ"
ฉันมองคนตัวสูงที่ทำห้ากวนๆพร้อมกับสั่งฉันแถมใช้นิ้วชี้ไปยังท้องเขาที่ยังช้ำอยู่
"คุณก็ทำเองสิแขนก็ไม่ได้เจ็บทำเองบ้างเถอะใช้แต่คนอื่นทำให้หรือไง"
"หึ นี่ไงนี่แหละสิ่งสำคัญ ที่ผมควรมีหมอเป็นว่าที่เมียผม นี่ขนาดว่าเห็นไม่กี่วันก็รู้เลยนะ นี่สิที่เขากันว่าเป็นผัวเมียกันมันต้องทันกัน"
ฉันมองเขาก่อนจะยกยิ้มมุมปากก่อนจะพูดออกไปจนทำให้คนตัวสูงหัวร้อนออกมา
"หึ เลยโตไม่เป็นแบบนี้สินะคนอื่นตามใจจนเคยตัวความคิดถึงเหมือนเด็กความคิดไม่พอการกระทำอีก เชิญไปหาคนอื่นที่พร้อมเป็นเมียคุณเถอะค่ะ บังเอิญว่าฉันคงจะไม่พร้อม"
"หมอปานิศา!!! กล้ามากนะ"
"คุณอย่าคิดว่าทุกคนในโลกต้องทำตามความต้องการของคุณนะ โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณคนเดียวหัดคิดซะบ้าง โตขนาดนี้แล้วอย่าทำตัวให้คนอื่นมองว่าเด็กอนุบาลยังมีความคิดที่โตกว่าคุณ"
"หึ!! มาประคบแผลให้ผมเดี๋ยวนี้!!"
"ไม่!!"
"ถ้าไม่มาคุณเจอหนักกว่าเมื่อกี้แน่และผมพูดจริงขาผมไม่ได้เดินไม่ได้นะครับอย่าลืม ถ้าจะทำขึ้นมาหมอไม่รอดหรอก บังเอิญผมมันเด็กเอาแต่ใจอยู่แล้ว เชิญครับ"
ฉันถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะไปหยิบเจลประคบที่อยู่ตรงหัวเขามาก่อนจะเริ่มหน้าท้องให้เขาอีกรอบพร้อมกับดูนาฬิกาประคบไปสักพักจนครบเวลาที่ตั้งไว้ว่าแต่นายนี่ทำไมเงียบไปนะฉันนึกก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ทะเลาะด้วยเมื่อกี้ก่อนจะเห็นว่าหลับไปแล้วเรียบร้อย
"เฮ้ออแล้วบอกตัวเองโตการกระทำยังกะเด็กมอปลายจะว่าไปเด็กมอปลายบางคนโตกว่านายอีกนะ"
ฉันมองก่อนจะหยิบเจลประคบใส่ถาดและถือออกมายังนอกห้องมาคืนให้กับพยาบาล พร้อมๆกับได้ยินพี่พยาบาลพูดขึ้นมาพร้อมกับหน้าฉันที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
"แฟนคุณหมอเข้าผ่าตัดแล้วคุณหมอผ่าเองหนักใจไหมคะ"
ฉันมองพี่พยาบาลที่ตรวจคนตัวสูงด้วยกันแล้วประเด็นคือถามตรงเคาน์เตอร์อร์พยาบาลคนอื่นก็ได้ยินมองฉันเป็นตาเดียวแล้วเนี่ย
"เออเข้าใจผิดแล้วค่ะคุณชัชนันต์ไม่ใช่แฟนหมอ"
"แต่ว่าแฟนคุณหมอเอ๊ยคุณชัชนันต์หน้าคุ้นๆนะเหมือนเคยเห็นที่ไหน"
"นี่จะไม่คุ้นได้ไงหลานชายคนเดียวของผู้บริหารโรงพยาบาลเลยนะ ผู้บริหารก็ไม่มีลูกรักหลานคนนี้มาก บอกเลย เหมือนเป็นลูกแกอีกคนอะรักแบบ เออนั่นแหละรักมาก"
พอได้ยินฉันถึงกับถึงบางอ้อทันทีก็ว่าอยู่ทำไมนายนั่นถึงจะขออะไรผู้บริหารก็ได้โลกของครอบครัวนายนี่หมุนรอบตัวนายนี่จริงๆแหละ
"หมอขอตัวก่อนนะว่าจะไปหากาแฟทานใครฝากซื้ออะไรไหมคะ"
ฉันถามพยาบาลที่ตอนนี้มองมาที่ฉันพร้อมกับก่อนจะทำตาโต และทำหน้าค่อนข้างจะตกใจฉัน ฉันกระพริบตาก่อนจะนึกว่าตัวเองพูดอะไรผิดหรือเปล่า แต่พอลองมาคิดดูแล้วก็ไม่ผิดนี่
"ทำไมมองหมอแบบนั้นละคะ มีอะไรหรือเปล่า หมอพูดตรงไหนผิดเหรอคะ"
"ตกใจอะค่ะ ไม่กล้าฝากคุณหมอหรอกค่ะเกรงใจ"
"โอ๊ยย ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะอยู่โรงพยาบาลเดียวกันก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันนี่แหละฝากได้ หมอคิดว่าเรื่องอะไรเรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอกค่ะ ใครจะฝากอะไรบอกได้เลย"
ฉันบอกก่อนจะยิ้มให้กับพยาบาลที่ยิ้มให้ฉันก่อนอยู่แล้ว นี่อาจจะเป็นการผูกมิตรในที่ทำงานนั่นแหละ เพราะการมีเพื่อนร่วมงานที่ดีในความคิดของฉันอะนะ จะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น แล้วก็สบายใจในการทำงาน เรื่องเล็กๆน้อยๆ ทำให้กันได้ก็ทำให้กันไป เพราะต้องร่วมงานกันไปอีกนาน
"ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะคุณหมอรีบพักเถอะค่ะ วันนี้มีแต่เคสผ่าตัดเดี๋ยวคุณหมอก็ต้องเข้าผ่าตัดอีกทีตอนตี 4 ตอนนี้เพิ่ง ตี 2 กว่ายังมีเวลาพักอยู่ค่ะ เดี๋ยวพวกพี่ดูแลให้อีกแรง"
"โอเคค่ะแล้วแผนกฉุกเฉินไม่มีเคสฉุกเฉินแล้วใช่ไหมคะ"
"ไม่มีแล้วค่ะคุณหมอ มีแต่อุบัติเหตุเล็กๆตอนนี้ก็สงบลงไปบ้างแล้วมีคุณหมอประจำอยู่อีกหลายคน คุณหมอนั่นแหละพักได้เลยนะคะเดี๋ยวพอใกล้ได้เวลาพี่จะไปตามที่ห้อง"
"ขอบคุณมากค่ะ"
ฉันยิ้มให้พี่พยาบาลก่อนจะเดินตรงมายังลิฟต์ และกดลงไปยังศูนย์อาหารไม่รู้ว่าจะไปถูกรือเปล่าหรือเปล่าเลย ถ้าเจอใครค่อยถามเขาเอาแล้วกัน
"คุณหมอทั้งสวยทั้งเก่งแถมนิสัยดีอีก ว่าแต่เป็นแฟนของหลานผู้บริหารจริงปะแก"
"ฉันว่าจริงหลานผอ.ชอบคุณหมอของฉันแน่ๆรับรองฉันก็จิ้นนะแกคุณหมอก็สวยหลานผอ.ก็หล้อหล่อ หล่อไม่พอนิสัยคือรวยสุด ในอานาคตที่นี้จะเป็นของใครไปได้ละ นอกจากหลานผอ."
"หึหึ ฝันหวานไปเถอะอย่าลืมนะว่าหมอระพีจ้องอยู่เหมือนกันอะ"
"จ้องก็เท่านั้นแหละจ๊าา ที่บ้านคุณชัชนันต์ไม่ชอบหรอกพวกเรายังไม่ชอบนิสัยนางเลย คนอะไรให้หมอที่มาใหม่วันแรกอยู่เวรแทน เรื่องแค่นี้คนปกติธรรมดาก็น่าจะคิดได้ปะวะ"
"โอ๊ยยหมอทุกคนในนี้ก็โดนหมดปะวะเหตุผลของหมอระพีก็คือ"
"มีธุระกับครอบครัว!!!"
"นี่ๆพอๆทำงานได้แล้วจ้าานักเมาส์ทั้งหลาย"
"จ้าาา"
ฉันเดินมายังร้านกาแฟในศูนย์อาหารที่ตอนนี้ห้องอาหารก็ยังมีร้านค้าขายอยู่ครบทุกร้านเพราะเปิด 24 ชั่วโมงดีตรงนี้แหละสะดวกปลอดภัยแถมไวอีกนี่เป็นอีกเหตุผลที่ชอบที่นี่หมอที่เข้าเวรดึกก็มีข้าวกิน อย่างน้อยๆนอกจากห้องทำงานก็ยังศูนย์อาหาร ไว้ให้นั่งพักและคอยบริการ
"ลาเต้ปั่นแก้วหนึ่งค่ะ"
"ได้ค่ะนั่งรอสักครู่นะคะคุณหมอ"
"ค่ะเดี๋ยวหมอมาเอาแล้วกันนะคะ หมอขอไปสั่งข้าวแป๊บหนึ่งค่ะ"
ฉันบอกกับเจ้าของร้านกาแฟก่อนจะเดินมาสั่งข้าวรอแป๊บหนึ่งทุกอย่างที่สั่งก็เสร็จเรียบร้อยฉันนั่งที่โต๊ะก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าวอย่างรวดเร็วก็หิวนี่หน่า ตั้งแต่เย็นยังไม่ได้กินอะไรจนตอนนี้ตี 2 แล้วแต่ก็ชินแล้วบางทีผ่าตัดเกือบ 24 ชั่วโมงข้าวก็ไม่ค่อยได้กินหรอก ส่วนมากเวลาพักในห้อฃผ่าตัดมันง่วงซะมากกว่า ออกมาจากห้องผ่าตัดก็เช้าของอีกวันแล้ว
ฉันนั่งกินข้าวอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น อือหื้อคนกำลังจะได้บรรยากาศที่ดีๆเลย แต่ก็นะอาชีพนี้นอกจากจะต้องหาเวลากินให้อิ่มนอนให้หลับแล้ว มือถือต้องเปิดตลอดความรู้สึกก็ต้องไวด้วย
"คุณหมอปานิศาหรือเปล่าคะ"
"ค่ะรับสายอยู่ค่ะ"
"ตอนนี้ห้องผ่าตัดว่างแล้วนะคะคุณหมอสะดวกตอนนี้หรือเปล่าคะหรือจะรอตอนตี 4 เวลาเดิม"
"ผ่าเลยค่ะหมอขอเวลา 30 นาทีนะคะ"
"ได้ค่ะคุณหมอ"
"สวัสดีค่ะ"
ฉันวางสายพร้อมกับรวบช้อนก่อนจะถือแก้วกาแฟเดินไปยังร้านสะดวกซื้อ ซื้อขนมฝากพี่พยาบาลสักหน่อยถามว่าเอาอะไรหรือเปล่าก็ไม่กล้าฝากฉันเลือกขนมเยอะหน่อยละกันเอาสัก 4-5 อย่างก่อนจะจ่ายเงินและตรงมายังลิฟต์ก่อนจะมาถึงชั้นพักผู้ป่วยและยื่นถุงขนมให้กับพวกพี่พยาบาลหน้าห้อง
"นี่ค่ะหมอซื้อมาฝาก"
"โอ๊ยยขอบคุณค่ะคุณหมอเกรงใจเเย่เลย"
"ไม่ต้องเกรงใจค่ะเรื่องเล็กๆ"
"คุณหมอคะ ห้อง OR โทรมาบอกว่าห้องพร้อมแล้วค่ะ"
"ค่ะหมอทราบแล้วเดี๋ยวขอเข้าไปดูคนไข้แป๊บหนึ่งถ้าพร้อมแล้วเดี๋ยวไปผ่าตัดเลย"
"ค่ะ"
ฉันพูดเสร็จก็เคาะประตูห้องก่อนจะเดินเข้าไปในห้องดีนะที่ห้องพิเศษมันกว้างเพราะตอนนี้มีเพื่อนของคนตัวสูงมาเพิ่มอีกฉันเดินเข้ามามองไปยังคนตัวสูงที่ตอนนี้มองมาที่ฉันเหมือนด่าอยู่ในใจอะ
ฉันก็ได้แต่ทำหน้าปลงๆ และคอยทำใจให้ชินกับหน้าและสายตาของเขา พยายามต่อปากต่อคำให้น้อยมากที่สุดถ้าทำได้อะนะ
"หมอหายไปไหนมา!!"
"ตาเตอร์ เรานี่เอาใหญ่แล้วพูดกับคุณหมอเขาดีๆ"
"พอดีฉันไปทำธุระนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้ห้องผ่าตัดพร้อมแล้วคุณพร้อมไหม ถ้าพร้อมเราจะดำเนินการเลยทันที"
ฉันถามและมองไปที่เขาก่อนจะได้ยินเขาตอบกลับมา อย่างน้อยคำตอบเขาครั้งนี้ก็ตางใจฉันมากที่สุด เท่าที่คุยกับเขามานานถือว่าตอบได้ดีที่สุดนั่นแหละ
"หมอพร้อมผมก็พร้อมแหละ"
"งั้นหมอขอตัวพาคนไข้ไปผ่าตัดก่อนนะคะญาติรอที่นี่ก็ได้นะคะไม่ต้องไปนั่งรอตรงหน้าห้องผ่าเพราะผ่าเสร็จคนไข้ก็กลับมาห้องพัก อาการไม่หนักอะไรไม่ต้องเข้า ICU ไปนั่งหน้าห้องผ่ามันจะลำบากเปล่าๆค่ะ หรือเอาตามที่ญาติสะดวกก็ได้นะคะ"
"แม่นั่งรอนี่ก็ได้ครับเดี๋ยวพวกผมไปเฝ้าให้มีอะไรจะโทรหาทันที"
เพื่อนคนตัวสูงบอกกับแม่เขาก่อนญาติเขามองหน้ากันก่อนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้กับเพื่อนเขา เป็นเชิงขอบคุณที่ส่งผ่านสายตา
"งั้นแม่ฝากด้วยนะ มาวินองศามีอะไรรีบโทรมานะ"
"ได้ครับ"
แม่เขาเดินมาก่อนจะกุมมือฉันพร้อมกับพูดด้วยสีหน้ากังวล
"แม่ฝากด้วยนะคะคุณหมอ"
"ไม่ต้องห่วงค่ะเชื่อใจหมอนะคะหมอทำเต็มที่สุดอยู่แล้วค่ะ คุณแม่และญาติสบายใจได้เลยค่ะ"
ฉันพูดกับแม่เขาก่อนจะส่งเดินนำหน้าบุรุษพยาบาลและพยาบาลที่เข็นเตียงคนไข้ตามมาก่อนจะถึงหน้าห้อง OR ( ย่อมาจาก Operating Room แปลว่า ห้องผ่าตัด) พยาบาลจึงหันไปบอกเพื่อนทั้งสองคนของเขาให้รออยู่ด้านนอกฉันเดินแยกออกมาก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดผ่าตัดและเดินมาหาคนตัวสูงที่เดินอยู่ที่เตียงพร้อมกับบอกพยาบาล
"หมอขอดูประวัติคนไข้หน่อยวัดความดัน ตรวจชีพจรตามที่หมอบอกครบใช่ไหม"
"ใช่ค่ะคุณหมอ"
ฉันดูข้อมูลก่อนจะบอกกับพยาบาลด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
"ผ่าตัดได้ทุกอย่างปกติ"
"นี่หมอ! มันเจ็บมั้ย"
ฉันหันไปมองคนตัวสูงที่นอนอยู่บนเตียงเห็นบ้าเลือดกวนๆแบบนี้ถึงเวลาก็กลัวเหมือนกันแน่ๆฉันบอกตาคนตัวสูงก่อนจะบอกกับเขา
"คุณเชื่อใจหมอไหม"
"ถ้าไม่เชื่อใจหมอจะให้ผมเชื่อใจใครละ"
คนตัวสูงมองหน้าฉันสักพักก่อนจะตอบออกมา ฉันเลยมองเขาพร้อมกับตอบกลับไปว่า
“ไม่เจ็บมาก ดูท่าทางแล้วเจ็บน้อยกว่าที่คุณไปมีเรื่องนะคะ”
“นี่คุณหมอครับ”
“ขอแค่คุณเชื่อใจหมอ หมอรับรองจะพยายามทำให้คุณเจ็บน้อยที่สุดและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ผมมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะคลายเครียดบวกกับความกังวลใจลงไปได้เยอะพอสมควร หมอทำสักอากะไรที่ปากหรือเปล่าวะ โน้มน้าวคนเก่งมากๆนะเนี่ย ขนาดผมฟังยังรู้สึกเชื่อใจหมอเลย พร้อมๆกับได้ยินเสียงพยาบาลถามที่คนตัวเล็กเบาๆ
"คุณหมอจะให้ยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่ค่ะ"
"วิสัญญีแพทย์ว่าไงคะ"
ฉันหันไปถามแพทย์วิสัญญีที่จะเข้าห้องผ่าตัดพร้อมฉันด้วย อ่อทุกคนอาจจะงงหรือบางคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าวิสัญญีแพทย์คืออะไรใช่ไหม ฉันขออนุญาตอธิบายแบบสั้นๆแล้วก็กระชับแล้วกันนะ วิสัญญีแพทย์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการให้ยาชาและยาสลบกับคนไข้ในห้องผ่าตัด หรือที่เรารู้จักกันทั่วไปในชื่อ “หมอดมยา”นั่นแหละที่พวกเราจะเรียกกัน
เพราะส่วนใหญ่แล้ว แพทย์วิสัญญีจะเตรียมความพร้อมก่อนผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัด คอยสังเกต ติดตาม รายงานผลผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัด รวมไปถึงดูแลจนกว่าผู้ป่วยจะฟื้นหลังจากการผ่าตัดอย่างปลอดภัย และจะอยู่ควบคู่กับหมอและพยาบาลที่ทำการผ่าตัดด้วยหากใครพอจะทราบอยู่แล้วฉันขออนุญาตอธิบายซ้ำแล้วกัน
"แผลไม่ใหญ่มากให้ยาชาเฉพาะที่การผ่าตัดด้วยกล้องใช้เวลาไม่นานมาก"
ภายในห้องผ่าตัดมีฉันมีวิสัญญีแพทย์ที่มาช่วย 1 คน ที่ทำหน้าที่รายงานผลระหว่างผ่าตัดอยู่ตลอด และมีพยาบาลอยู่ในห้องอีกประมาณ 3-4 คนหลังจากนั้นฉันก็ลงมือผ่าตัดจนเวลาผ่านไปสามชั่วโมงได้การผ่าตัดก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
"ดูแลคนไข้ตรวจความดัน ตรวจการชีพจร ดูว่ามีไข้หลังจากการผ่าตัดหรือเปล่า การบ่วมแดงบริเวณแผลผ่า มีเลือดไหลออกบริเวณแผลหรือไม่อย่าลืมบอกพยาบาลที่คอยดูแลคนไข้เช็กให้ด้วยนะคะ"
"ได้ค่ะคุณหมอไม่ต้องห่วงงั้นตอนนี้ย้ายผู้ป่วยไปห้องพักก่อนนะคะ"
"ค่ะเดี๋ยวหมอตามไป"
ฉันบอกกับพยาบาลในห้องก่อนจะเดินออกมาทำความสะอาดและเปลี่ยนชุดก่อนจะมายังห้องของคนตัวสูงและถามพยาบาลที่หน้าห้องพอดี
"คนไข้อาการเป็นไงบ้าง"
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะคุณหมอชีพจรปกติ ความดันปกติ ยังไม่มีไข้แผลก็เรียบร้อยค่ะ"
"โอเคงั้นพี่พักเถอะเดี๋ยวหมอเข้าไปตรวจเอง แต่เดี๋ยวหมอว่าเตรียมยาแก้ไข้ไว้ให้ด้วยนะคะ อาจจะต้องมีตัวรุมๆนิด"
“ได้คุณหมอ เดี๋ยวพี่เอาไปให้พร้อมกับการไปเปลี่ยนขวดน้ำเกลือนะคะ”
“ค่ะขอบคุณค่ะ”
หลังจากฉันคุกกับพี่พยาบาลหน้าห้องเรียบร้อย ฉันก็เดินเข้ามาในห้องก่อนจะเห็นแม่เขารีบวิ่งมากอดฉันจนฉันตกใจ
"ขอบคุณนะคุณหมอที่ดูแลลูกของแม่"
ฉันยิ้มให้ท่านก่อนจะยิ้มตอบกลับไป ด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเพราะอาการของคนที่รอหลังจากรอคนที่ออกมาจากห้องผ่าตัดก็มีอาการแบบนี้เกือบจะ 90% เลยก็ว่าได้
"ไม่เป็นไรค่ะมันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว"
"งั้นทุกคนกลับบ้านไปพักก่อนเถอะครับ คุณหมอมาดูแลแล้วก็อยู่เป็นพื่อนผมแล้ว"
คนตัวสูงที่นอนอยู่บนเตียงพูดออกมาแม่เขาเลยหันไปดุ
"นี่ตาเตอร์ใจคอจะไม่ให้ใครเฝ้าเลยหรือไง"
"ใครบอกละครับผมก็ให้คุณหมอเฝ้าผมนี่ไง"
ผมบอกก่อนจะหันไปหาร่างบางที่ตอนนี้ดูค่อนข้างจะเหนื่อยแหละมั้งทำหน้านิ่งๆไม่อะไรกับใครเขาเลย
"อ่ะๆงั้นก็ได้ลุงตามใจเราเดี๋ยวพรุ่งนี้ลุงจะมาเยี่ยมแต่เช้างั้นพวกเรากลับกันก่อนฝากหมอปานิศาด้วยนะ"
ฉันยิ้มก่อนจะตอบผอ.โรงพยาบาลออกไปด้วยท่าทางเป็นมิตร พร้อมกับคิดขึ้นมาในใจว่าฉันจะปฏิเสธได้ย่างไรละสถานการณ์บังคับไป
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ"
"ฝากด้วยนะคะคุณหมอแกก็อย่าแกล้งคุณหมอเขารู้ไหมตาเตอร์แค่นี้คุณหมอเขาก็เหนื่อยมากแล้ว"
"ครับแม่ไม่รู้ตอนนี้เป็นแม่ใครแล้วเนี่ย"
หลังจากนั้นทุกคนก็กลับกันไปตอนนี้ก็เหลือฉันกับคนตัวสูงสองคนภายในห้องฉันมองเวลาก่อนจะลุกเข้าไปหาเขาที่เตียง
"ฉันตรวจไข้หน่อยแล้วกันหลังผ่าตัดอาจจะเป็นไข้ได้ อาจจะตัวรุมเดี๋ยวคุณต้องดินยาฉันสั่งกับพี่พยาบาลไว้ให้แล้วเดี๋ยวคงจะมาเพราะน้ำเกลือคุณก็จะหมดกระปุกแล้ว"
ฉันพูดก่อนจะมองเวลาและละสายตาไปมองกระปุกน้ำเกลือของคนตัวสูง ที่อีกไม่นานก็น่าจะหมดแล้ว พร้อมกับได้ยอนน้ำเสียงของเขาที่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"เหนื่อยไหม"