ใจที่ยังเจ็บปวด #2

1722 คำ
​ “ขอบคุณหนิงมากนะที่คอยอยู่เคียงข้างเรามาตลอด” ดาวเหนือบีบมือสุกัญญา ​ “แค่แกมีความสุขกับชีวิตและอย่าไปจมปลักกับอดีตอีกเลยก็พอ” สุกัญญาบีบมือเพื่อนตอบกลับแผ่วเบาเช่นกัน จากนั้นหญิงสาวทั้งสองจึงพากันโบกมือลาสรศักดิ์ก่อนที่จะเดินเคียงคู่กันไปจนถึงลิฟต์ ​ ​ บรรยากาศช่วงเลิกเรียนของโรงเรียนอนุบาลเต็มไปด้วยรถสัญจรหนาแน่น สรศักดิ์หาวหวอดได้สามหนกว่าจะหักเลี้ยวรถเก๋งของตนเข้าไปจอดได้ เขาสบถในใจหนึ่งทีให้กับแดดและรถที่ติดกันยาวเป็นแพวันนี้ ก่อนจะเดินปรี่เข้าไปในโรงเรียน ​ โรงเรียนอนุบาลฮานะเป็นสถานศึกษาคุณภาพสูง บริเวณโดยรอบมีขนาดกว้างขวางพอประมาณ อาคารเรียนมีเพียงไม่กี่ตึกทว่าแต่ละตึกล้วนเป็นสถาปัตยกรรมสวยงามที่มีไว้เพื่อรองรับเด็กเล็ก ๆ ที่เข้ามาศึกษาในชั้นอนุบาล ​ “คุณครูขา… พ่อบีมมารับน้องเรอันแล้ว" เสียงของเด็กหญิงตัวจิ๋วผู้มีใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตาและมีผิวขาวดั่งหิมะบ่งบอกถึงเชื้อจีนในตัว ทว่าดวงตาสีฟ้าอ่อนนั้นแสดงให้เห็นถึงเสี้ยวฝรั่งที่ผสมมาดังขึ้น เธอเป็นเด็กที่หน้าคม ปากนิดจมูกหน่อยมองดูน่ารักน่าชัง เสื้อคอบัวที่สวมอยู่มีเอี๊ยมเด็กเล็กทับไว้พร้อมชื่อที่ปักว่า ‘เรอัน’ เป็นภาพที่น่ารักเหลือเกินในสายตาของสรศักดิ์ ​ “ขา คนเก่งของพ่อบีม ไหน ๆ มาหาพ่อบีมเร็ว มาให้หอมแก้มนุ่ม ๆ ของหนูซะดี ๆ" ชายหนุ่มย่อตัวลงให้เสมอกับเด็กหญิง เรอันยิ้มแฉ่งวิ่งแจ้นจากคุณครู โผเข้ากอดสรศักดิ์หมับทันที สรศักดิ์หอมแก้มนิ่มทั้งสองข้างฟอดใหญ่ซ้ำ ๆ “โอ้โห แก้มใครเนี่ย หอมจังเลย ฮึ ดูซิ หอมจังเลย" ชายหนุ่มหอมซ้ำอีกหลายฟอดพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงไว้บนแขนของตน คุณครูประจำชั้นท่าทางดูใจดีและเป็นมิตรกับเด็กเห็นดังนั้นจึงเดินยิ้มแป้นมาหาเพื่อพูดคุยเหมือนอย่างทุกครั้งที่เขาแวะมารับเรอัน ​ “พัฒนาการของน้องเรอันดีเยี่ยมเลยค่ะ ออกจะหัวไวกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในห้องเรียนด้วยซ้ำ ที่บ้านต้องรักและเอาใจใส่น้องมากแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะเนี่ย" ​ “ใช่แล้วครับ พวกเรารักและใส่ใจน้องเรอันมาก” สรศักดิ์เอ่ยขึ้นมา ก่อนจะส่งมือไปรับเอากระเป๋าสีชมพูประจำตัวของเด็กหญิงตัวเล็กมาถือไว้ “ยังไงก็ขอบคุณคุณครูมากนะครับ ถ้าเรอันมีพฤติกรรมอะไรก็รายงานแม่ของน้องมาได้ตลอดเลยครับ" ​ ขณะที่กำลังจะบอกลาคุณครูประจำชั้น พลันแผ่นหลังของสรศักดิ์ก็เย็นวาบ ราวกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองมาทางนี้… ​ ​ หลังจากกลับจากส่งเตี่ยและม้าของตัวเองที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไรอันก็ทะยานรถสปอร์ตของตนออกสู่ถนนใหญ่ด้วยความเร็วเพื่อกลับไปที่เพนต์เฮาส์ของตัวเอง ตอนแรกเขาตั้งใจจะให้ครอบครัวไปพักด้วย แต่เนื่องจากในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ท่านต้องรีบกลับสิงคโปร์กันทั้งคู่ จึงอยากพักที่โรงแรมมากกว่า จะได้เดินทางไปสนามบินสะดวกไม่ต้องรบกวนให้ไรอันต้องลำบากไปส่ง ​ ระหว่างที่บังคับให้เครื่องยนต์เคลื่อนไปตามถนนเส้นใหญ่ที่พาดผ่านมหานคร ไรอันพลันนึกถึงใบหน้าที่เขาพบเจอในวันนี้ ใบหน้าที่เฉยชาไร้ซึ่งความรู้สึก ใบหน้าที่เขาไม่อาจลบเลือนมาตลอดทั้งห้าปี ใบหน้าของดาวเหนือ ​ “…พี่เหนือ" เขาคำรามในลำคอเบา ๆ ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวไปตามเส้นทางกลับเพนต์เฮาส์ ทว่าการจราจรที่ติดขัดทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาด้วยความรำคาญใจ ​ และแล้วไรอันก็ได้พบกับต้นตอของรถที่ติดขัด มันคือโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งซึ่งมีรถของบรรดาผู้ปกครองมาคอยจอดรับบุตรหลานเต็มไปหมด ด้วยความเบื่อหน่ายจากการรอรถติดเขาจึงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พลันดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มได้สบเข้ากับดวงตาของเด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน ดวงตาคู่นั้นที่มองสะท้อนกลับมายังเขาเป็นสีเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน ไรอันชะลอความเร็วรถของตนลงจนกระทั่งคนที่อุ้มเด็กคนนั้นอยู่หันกลับมา เขาจึงได้เห็นว่าเป็นสรศักดิ์ อดีตเพื่อนร่วมงานในฝ่ายการตลาดเมื่อครั้งที่เขาเข้ามาเป็นเด็กฝึกงาน ​ “นั่นบีมนี่ มีลูกแล้วงั้นเหรอ” ไรอันตั้งคำถามกับตนเอง ก่อนจะเริ่มต้นขับรถตามเมื่อเห็นว่ารถเก๋งของสรศักดิ์เริ่มขับออกไป ​ ความรู้สึกตอนที่ได้สบเข้ากับดวงตาของเด็กหญิงตาสีฟ้าคนนั้นมันวูบโหวงอย่างประหลาด ราวกับมีอะไรบางอย่างเข้ามากดทับในหัวใจ เป็นความรู้สึกที่เขาเองไม่อาจอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ​ รถทั้งสองคันเลี้ยวเข้าไปในซอยเดียวกันในเวลาต่อมา ไรอันชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะจอด เบื้องหน้าเขาคือบ้านหลังสีขาวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิดสีน้ำตาลเป็นอย่างดี ​ สรศักดิ์จอดรถลงที่ข้างรั้วแล้วเปิดประตูอุ้มเด็กหญิงลงมาจากรถ ไรอันเฝ้ามองผ่านกระจกรถของตัวเองโดยไม่ละสายตา ไรอันได้แต่คิดสงสัยในใจว่าการที่สรศักดิ์มีลูกสาวผิวขาวตาน้ำข้าวแบบนั้นสงสัยว่าคงจะมีภรรยาเป็นฝรั่งหรือไม่ก็กรรมพันธุ์จากตายายแน่ ๆ ​ ไม่นานคนแรกที่เปิดรั้วบ้านออกมาก็คือสุกัญญา เขาจำผู้หญิงคนนี้ได้แม่นเพราะเป็นเพื่อนสนิทของดาวเหนือ รูปร่างลักษณะของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปจากครั้งสุดท้ายที่เจอกัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้วิเคราะห์อะไรเพิ่มดาวเหนือก็เดินตามหลังออกมาด้วยใบหน้าแจ่มใส ต่างจากตอนที่เขาทักเมื่อตอนอยู่ในงานเลี้ยงลิบลับ ​ ดูท่าว่าจะตั้งใจเมินกันจริง ๆ ด้วยสินะ ​ ไรอันพยายามอ่านปากของคนทั้งสามว่ากำลังพูดคุยอะไรกันอยู่แต่ก็ไม่อาจรู้ได้ จึงเริ่มจับจากภาษากายแทน ดาวเหนือเดินตรงมารับเด็กจากสรศักดิ์ไปอุ้มไว้เองพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวาน ๆ ให้เขาด้วย ส่วนสุกัญญาที่ยืนอยู่ด้วยกันรับกระเป๋านักเรียนจากมือสรศักดิ์ไปถือไว้ ​ “หรือว่าจะเป็น… ลูกของพี่เหนือกับ… บีม” พลันดวงตาของไรอันวาวโรจน์ขึ้นด้วยความรู้สึกโมโหโดยที่ไม่ด้วยซ้ำว่าโมโหด้วยเหตุผลใด เขาไม่อาจทนดูภาพบาดตาบาดใจนั้นได้อีกต่อไป มือหนาสะบัดพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งขับทะยานผ่านบ้านหลังนั้นไปด้วยความเร็ว เขาโกรธที่ตอนนี้เขาไม่สิทธิ์อะไรในตัวดาวเหนือเลยแม้แต่น้อย และโกรธที่เด็กคนนั้นเป็นลูกของสรศักดิ์และดาวเหนือ ​ ​ “ฮัดชิ่ว ! ไอรถบ้านี่ ! ฉันก็จามหวัดอยู่ยังจะมาขับรถเร็วฝุ่นตลบใส่อีก" สุกัญญาไอค่อกแค่กจนตัวโยก สรศักดิ์จึงส่งมือลูบหลังช่วยแต่ก็โดนแหวใส่ “ฉันไม่ได้จะอ้วกย่ะ ! เห็นไหมเหนือ ฉันเป็นหวัดจริง ๆ ด้วย ดีนะที่ไม่ได้ขออุ้มน้องเรอันเหมือนทุกวัน" ​ ดาวเหนือมองตามรถคันที่ว่านั้นพลางรู้สึกแปลก ๆ ในใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คงเป็นพวกคนรวยนิสัยเสียที่รักการขับรถเร็วเฉย ๆ ละมั้ง ​ “ให้หายหวัดก่อนแล้วค่อยมาอุ้มก็ได้นี่นา เนอะ" ดาวเหนือคุยกับลูกสาวในอ้อมแขนเสียงอ่อนหวาน เด็กหญิงยิ้มแป้นแล้วพยักหน้าขึ้นลงรัว ๆ ​ “อย่าเพิ่งลืมแม่หนิงนะคะน้องเรอัน" คนพูดทำหน้าตาน่าสงสารจนสรศักดิ์อดขำไม่ได้ เธอจึงแหวใส่ “ขำอะไรยะ" ​ “ก็ขำคนอดกินแกงกะทิสายบัวฝีมือพี่เหนือน่ะสิ" ชายหนุ่มว่า พร้อมกับทำหน้าตาล้อเลียน ​ “นั่นสิ ลืมไปเลย หนิงป่วยอยู่ กินแกงกะทิไปจะคันคอเปล่า ๆ งั้นรอเดี๋ยวนะ เราจะไปทำซุปให้ หรือว่าหนิงจะกินไข่ตุ๋นเหมือนเรอันดี" ดาวเหนือเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ​ “ไม่เป็นไรหรอกเหนือ ขอบคุณมากนะ ฉันว่าจะ… ฮัดชิ่ว ! แวะคลินิกซื้อยาไปกินแล้วก็ต้มข้าวต้มกินอยู่ที่บ้านแทนน่ะ” สุกัญญาพูดไปไอไป “ทั้งที่เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย อยู่ ๆ ดันมาป่วยซะได้ ร่างกายฉันรวนอะไรแบบนี้เนี่ย” ​ “รวนเหมือนเธอไง" สรศักดิ์ได้ทีก็ยั่วโมโหอีกครั้ง ​ “ไอ้บีม ! เดี๋ยวเหอะ ฉันจะไอใส่หน้าแก คอยดูสิ !” ​ เสียงหัวเราะสนุกสนานดังอยู่หน้าบ้านสักพักใหญ่ สุกัญญาก็ขอตัวกลับเพราะรู้สึกว่าอาการเริ่มจะหนักขึ้น สรศักดิ์จึงอาสาเป็นคนพาเธอไปคลินิกและตั้งใจว่าจะทำอาหารอ่อน ๆให้ทานด้วย ​ หลังส่งพวกเขาขึ้นรถไปแล้ว ดาวเหนือก็อุ้มลูกสาวตัวน้อยที่ฟังผู้ใหญ่คุยกันอยู่นานเข้าไปในบ้านและไม่ลืมที่จะลงกลอนให้เรียบร้อย เพราะตอนนี้เธออยู่กันแค่สองแม่ลูกไม่มีใครสามารถคุ้มครองความปลอดภัยให้ได้ ​ “เดี๋ยวแม่ไปเอาไข่ตุ๋นมาให้หนูดีกว่า อยากหม่ำ ๆ มื้อเย็นหรือยังน้าคนเก่ง" ​ “อยากหม่ำ… แล้ว… ค่า" เรอันตอบพร้อมยิ้มยิงฟัน ผู้เป็นแม่จึงเดินไปเตรียมอาหารให้ในครัว ดาวเหนือตั้งปณิธานกับตนเองอย่างแรงกล้าแล้วว่า เธอจะให้ความรักและดูแลปกป้องรอยยิ้มของลูกไว้ ไม่ให้ใครมาทำลายเป็นอันขาด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม