Episode [01] สบตา
[Praewa talk]
@MTR SCHOOL
"เชิญคนต่อไปพรีเซ้นเลยค่ะ" พอจะถึงตัวเองรายงานหน้าห้องเเล้วทำไมในใจมันถึงได้เต้นตุบๆ แบบนี้นะ ฉันก้าวขาเดินไปยังหน้าห้องเรียนก่อนจะสูดให้ใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มพรีเซ้นโครงงานเดี่ยว
"สวัสดีเพื่อนๆ แล้วก็อาจารย์นะคะ ดิฉัน น.ส แพรวา วิภาบูลเลขที่หนึ่ง จะนำเสนอโครงงานในหัวขะ...
"ขอญาติครับจารย์" เสียงของประธานนักเรียนห้องอื่นแทรกเข้ามาทำให้ฉันต้องรีบเบรกการรายงานกะทันหันแล้วหันไปมองเด็กประธานนักเรียน ม.5
"มีอะไร ภูศิลป์" อาจารย์รัศมีเดินไปหานายภูที่ยืนหอบอยู่หน้าห้องเรียน
"มีญาติของพี่แพรวา มาขอพาตัวพี่แพรกลับก่อนเวลา เนื่องจากมีธุระด่วนครับ..แฮ่กๆ"
"ขอบใจ..ไปได้ล่ะ"
"ครับจารย์" พูดจบน้องภูก็รีบวิ่งผ่านหน้าห้องฉันอย่างรวดเร็วก่อนอาจารย์รัศมีจะเดินเข้ามาในห้อง
"แพรวาเธอกลับได้แล้ว..พรุ่งนี้ค่อยมารายงานต่อ"
"ขอบคุณค่ะอาจารย์" ฉันยกมือไหว้อาจารย์พร้อมฉีกยิ้มสดใสให้เพื่อนๆ ก่อนจะเดินไปเก็บของใส่กระเป๋าเป้สีดำ
"ไปก่อนนะทุกคน~"
"เจอกันพรุ่งนี้" เพื่อนๆ ในห้องต่างโบกมือให้ ฉันพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะรีบวิ่งหิ้วกระเป๋าเพื่อมุ่งหน้าไปโรงจอดรถญาติที่น้องภูหมายถึงคงจะเป็นอาวิล
แต่กลับไร้ร่องรอยของอาวิลฉันกวาดสายตามองหาทั่วโรงรถแต่ก็ไม่เจอ พอนึกได้ว่าคงจะโดนอาวิลแกล้งว่ากลับจากอังกฤษแล้วฉันเลยเดินคอตกกลับมาแต่เสียงกรี๊ดกร้าดอย่างกับอยู่คอนเสิร์ตของเด็กผู้หญิงมากมายทำให้ฉันสนใจว่าพวกเธอกรี๊ดอะไรกัน..
พอมาถึงสนามบอลฉันก็แทบจะไม่เห็นอะไรเพราะทุกคนต่างมุงเต็ม พอหันไปข้างๆ ก็เห็นเก้าอี้พลาสติกของลุงยามอยู่ใต้ต้นไม้เลยหยิบมันมาแล้วขึ้นไปบนนั้น
อ่าา..นั้นมันคุณภีรวัฒนิเจ้าของธุรกิจซูเปอร์คาร่างกายเพอร์เฟคอย่างกับนายแบบยืนพิงBMW คันหรูมีอข้างหนึ่งล้วงถุงกางเกง ส่วนอีกข้างเขาควงกุญแจไว้หลังมือมีรอยซักยิ่งเพิ่มความหล่อให้กับเขาแค่ยืนเฉยๆ คนยังกรี๊ด สายตาตกเหยื่อเหมือนกำลังมองหาใครสักคนแล้วมาหยุดที่ฉันก่อนที่เราจะสบตากันเข้าให้..
"บ้าไปแล้ว.." เหมือนมีรังสีไฟฟ้าสถิตเข้ามาช็อตที่หัวใจจนมันเต้นไม่หยุดแค่สบตาเองทำไมใจต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วย..
"ลงมา" ฉันหันซ้ายหันขวาตอนนี้ทุกคนต่างหลีกทางไปอยู่ด้านข้างให้เขาเดินแต่ฉันกลับยืนอยู่บนเก้าอี้นิ่งเพราะโดนสายตาอ่อนระทวยแบบนั้นสะกดเอาไว้
"หนูหรอคะ?"
"หนูแพรใช่ไหม"
"ช..ใช่ค่ะ" มันเรื่องบ้าอะไรกันทำไมเขารู้จักฉันได้ล่ะ ทุกสายตาของทุกคนมองมาที่เราจนฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกขาสั่นพั่บๆ ใกล้ขนาดนี้ฉันก็เขินจนไปไม่เป็นเลยสิ..
"อ้ะ!?" ฉันถูกคนตรงหน้าอุ้มลงจากเก้าอี้ท่ามกลางเสียงกรี๊ดต่างคนต่างอิจฉาที่ฉันได้ใกล้ชิดกับเขาขนาดนั้นพอเราเดินมาถึงรถเขาก็เปิดประตูก่อนจะยัดร่างฉันเข้าไป..
"คุณเป็นใครคะ..เท่าที่รู้ๆ เราไม่รู้จักกัน"
"เงียบ"
"แต่คุณทะ.."
"เดี๋ยวก็รู้เอง..ไม่ต้องถามมาก" คนข้างกายพูดนํ้าเสียงเริ่มจะหงุดหงิดก่อนที่ฉันจะไม่ปริปากพูดอะไร ฉันกวาดสายตามองเขาทีละนิดๆ ทุกอย่างบนใบหน้าเขาเหมือนสร้างมาให้คนอิจฉาแต่ภายใต้ใบหน้าหล่อๆ ชวนหลงใหลที่ดูไม่มีอะไรกลับแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่ฉันก็ไม่รู้..
"จะมองอีกนานไหมครับ"
"หนูขอโทษค่ะ"ฉันหลุบตามองตํ่าก่อนจะขยับร่างกายมาชิดขอบประตูรถ เขาดูน่าเกรงขามแค่เพียงชายตามองก็ทำให้ฉันเกร็งไปหมดแล้ว
"กลัวขนาดนั้นเลย?"
"ป..ป้าวค่ะ..หนูแค่ยังไม่ชินกับคนแปลกหน้า" ถึงปากจะบอกเขาว่าเป็นคนแปลกหน้าแต่จริงๆ แล้วฉันก็รู้จักเขาดีในนาม 'สามีแห่งชาติ ผู้ไร้หัวใจ' แค่ฉายาก็ไม่ควรเอาชีวิตไปเสี่ยงแล้วมองเขาอยู่ห่างๆ ก็พอ
"ขยับมานั่งดีๆ เดี๋ยวไม่สบายตัว"
"ค่ะ" ฉันทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อยๆ ยกก้นขยับมานั่งบนเบาะนุ่มความเย็นจากเเอร์หน้ารถทำให้ฉันหนาวจนตัวสั่นเทาถึงแม้ชุดนักเรียนจะเป็นเสื้อแขนยาวแต่ก็ไม่สามารถบรรเทาความหนาวได้เลยแม้แต่น้อย..
มือหนาเลื่อนไปลดแอร์ลงทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอุ่นขึ่นบ้างแต่ดูไปดูมาเขาก็ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นใส่ใจคนรอบข้างดีนะ หรือนี่จะเป็นหลุมพรางให้ใครต่อหลายคนตกหลุมรักเขาง่ายๆ
เรานั่งอยู่บนรถไปสักพักท่ามกลางความเงียบไม่มีใครปริปากพูดอะไร มีเพียงฉันที่แอบมองเขาเป็นระยะๆ แล้วเก็บมาชื่นชมในใจ มือหนายกขึ้นจับคอเสื้อตัวเองเปิดเข้าเปิดออกลำคอขาวเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมา..
"คุณเปิดแอร์ก็ได้นะคะ..หนูทนหนาวได้"
"ไม่เป็นไร"
"ให้หนูช่วยพัดให้ไหมคะ"
"ปลดกระดุมเสื้อให้ก็พอ"
.
.
.
เดาทางผู้ชายคนนี้ไม่ออกเลยจริงๆ5555555555555555