หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฝันดีหลบหน้าผู้เป็นแม่กับพ่อตลอด ด้วยไม่อยากไปดูตัวจึงทำให้ท่านโดนเ**กฮงต่อว่ามา แล้วเรื่องอะไรที่เขาต้องสนใจ ก็ท่านอยากนัดดูตัวเองโดยไม่ถามความสมัครใจของเขาก็ต้องโดนแบบนั่นแหละ
ร่างใหญ่นั่งพิงโซฟาตัวใหญ่ในสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งในนครนายก วันนี้เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ เลยมานั่งมองสาว ๆ มาให้สาว ๆ เอาอกเอาใจที่นี่ เหนื่อยกับงาน ปวดหัวกับปัญหาของตะลิงปลิงกับมโน แล้วไอ้เพื่อนของเขาก็คิดได้ยังไงว่าเขาเป็นชู้กับตะลิงปลิง คิดมากไม่เข้าท่า
จริงอยู่เขารู้สึกดี ๆ กับหญิงสาว แต่แค่เพียงน้องสาวเท่านั้น รู้ว่าตะลิงปลิงรักเพื่อนของตนและเพื่อนของเขาก็รักหญิงสาวเช่นกัน ไม่รู้ทำไมสองคนนี้ชอบเอาเรื่องมาให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าด้วย ทั้ง ๆ มันไม่เกี่ยวกับเขา ทุกวันนี้เฝ้าคอยเข้ากรุงเทพฯ ถี่ ๆ เพื่อพาตะลิงปลิงไปตรวจครรภ์ ทำราวกับเป็นพ่อของลูกเธอเองอย่างงั้นแหละ ก็เขาเป็นห่วง อีกอย่างอยากกลั่นแกล้งเพื่อนให้ร้อนรนด้วยสิ อะไรสนุก ๆ เขาชอบทำเสมอ
มือใหญ่กวักมือเรียกพนักงานในร้านให้ตามเด็กมานั่งเป็นเพื่อนของตนสักคน ตอนนี้เขาอยากมองอะไรสวย ๆ งาม ๆ และลูบไล้เนื้อนุ่ม ๆ มากกว่ามานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับปัญหาของคนอื่น ที่สำคัญ ที่นี่คือที่ผ่อนคลาย เขาจะมานั่งหน้าตูมเคร่งเครียดไปทำไม
ไม่นาน พนักงานหนุ่มก็เดิมมาพร้อมกับหญิงสาวร่างเล็ก มือใหญ่ตบที่นั่งข้าง ๆ เพื่อให้หล่อนมานั่งข้าง ๆ โดยไม่คิดจะสนใจมองหน้าของอีกฝ่าย
เมื่อหญิงสาวนั่งลง เขาก็ไม่ลืมเอาทิปให้พนักงานหนุ่มก่อนจะโบกมือไล่ออกไปให้พ้นหูพ้นตา ในสถานบันเทิงแห่งนี้มีเพลงให้ฟัง มีสาวสวยมานั่งคลอเคลียเอาอกเอาใจ เป็นสถานที่ที่เขาชอบมาหมกตัวเวลามีเรื่องเครียด ๆ คิดหาทางแก้ไม่ตก ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่เรื่องของตะลิงปลิงกับมโน แต่เป็นเรื่องของเขาที่ต้องหลบหนีหน้าพ่อกับแม่
ผู้มาใหม่ตกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแขกที่พนักงานหนุ่มรุ่นพี่ไปเรียกมาบริการชายหนุ่ม หล่อนเห็นเขาตั้งแต่เข้ามาในร้าน แล้วอะไรต้องมาตกอยู่กับเขาด้วย เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา จนคนตัวโตข้าง ๆ ตวัดท่อนแขนโอบกอดพาดไหล่ของเธอโน้มลงมากระซิบข้างหูว่า...
“ชงเหล้าและเอาใจฉันสิคนสวย ขอเข้ม ๆ นะจ๊ะ อืม! หอมจัง ใช้น้ำหอมอะไรนี่”
จมูกโด่งสูดเอาความหอมจากซอกคอระหงเข้าปอดของตน มือใหญ่อีกข้างก็เคลื่อนมาจับคางมนเชยขึ้นเพื่อจะได้มองหน้าของสาวตัวหอมชัด ๆ ว่าน่าปรารถนาเหมือนกลิ่นหอม ๆ นี้ไหม เมื่อได้สบจ้องดวงตากลมใสซื่อ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่ย เหมือนเคยเห็นดวงตานี้ที่ไหน และหน้าตาแบบนี้ที่ไหน
“เราเคยนอนด้วยกันไหมคนสวย” ถามด้วยความอยากรู้ แต่ที่แน่ ๆ ฝันดีมั่นใจกลิ่นตัวหอม ๆ แบบนี้เขาไม่เคยได้สัมผัสมันแน่ แต่ทำไมหน้าสวยนี้คุ้นเหมือนเคยเจอที่ไหนก็ไม่รู้
ด้านคนถูกถามพยายามก้มหน้าแต่ติดที่มือใหญ่บังคับให้แหงนเงยขึ้น หล่อนกลืนน้ำเหนียว ๆ ลงคอด้วยความยากลำบากก่อนจะตอบกลับ
“มะ...ไม่เคยค่ะ เราเพิ่งเคยเจอกัน” เธอเลือกโกหก
วันนี้อิงนภามาแทนเพื่อนของตนที่ลากลับบ้านต่างจังหวัดไปดูแลแม่ที่ป่วย ตอนแรกเธอคิดว่าจะไม่รับงานนี้แทนเพื่อนแล้ว แต่ไหน ๆ ก็สอบเสร็จ ปิดเรียนแล้วจึงรับงาน
“เหรอ! แต่ฉันว่าเราต้องเคยเจอกันแน่ ๆ แต่ช่างเถอะ เอาใจพี่หน่อยสิคนสวย ชงเหล้าเข้ม ๆ ของพี่และของเธอด้วยนะ พี่ไม่อยากดื่มคนเดียว” ปล่อยมือจากคางเล็กของสาวเจ้าแล้วหันมามองแก้วเหล้ากับขวดเหล้าที่พนักงานเอาเข้ามาเพื่อให้หญิงสาวชงให้ตน แต่มือใหญ่ยังคงกอดพาดไหล่เล็กเหมือนเดิม
อิงนภาชงเหล้าให้ชายหนุ่มด้วยท่าทางเงอะงะ มือเล็กสั่นเทาเล็กน้อย ทุกการกระทำของหญิงสาวอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาอย่างจับผิด ฝันดีคิดว่าเขาต้องรู้จักคนตัวเล็กนี้แน่ ๆ แต่คิดไม่ออกเท่านั้นเอง หน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะขนาดนี้ยังสวย ถ้าไม่แต่งจะสวยแค่ไหน ที่สำคัญ เขาว่าต้องเคยเจอเธอแน่ ๆ มือใหญ่บีบหัวไหล่มนเล็กน้อยขณะครุ่นคิด
อิงนภาชงแก้วของฝันดีเสร็จเข้ม ๆ อย่างที่เขาต้องการ ส่วนของตัวเองก็ชงอ่อน ๆ เพราะปกติแล้วเธอจะเชียร์แขกดื่มมากกว่าตัวเองจะดื่มเอง เป็นเด็กนั่งดริงก์แต่คอเธอก็อ่อนมาก ดูไม่เข้ากัน ดูสวนทางไปหมด แค่อ่อน ๆ ของเธอนี่แค่แก้วเดียวก็อาจจะทำให้สูญเสียการทรงตัวแล้ว
“ขะ...ของคุณค่ะ” ส่งยื่นแก้วของเขาให้ด้วยมือสั่นเทา
“ของพี่สิ เรียกพี่พี่ฝันสิ พี่ไม่ชอบเลยที่เรียกกันห่างเหินแบบนี้คนสวย” รับแก้วเหล้าจากมือสั่นเทามาถือไว้ พร้อมกับสั่งให้หญิงสาวหยิบแก้วของตนขึ้นมาด้วย
“มาชนแก้วกัน ดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ”
ฝันดีขยับยิ้มทรงเสน่ห์เล็กน้อยมองเด็กนั่งดริงก์ที่พนักงานชายตามมาให้ ทำงานเงอะงะ แถมยังขี้อายแบบนี้ไม่รู้จะมาทำงานนี้ทำไม แต่จะรู้หรือไม่ เพราะเขานั่นแหละทำให้คนตัวเล็กนั่งเบียดเสียดกายอยู่ข้าง ๆ เสียความเป็นตัวเอง ก็เพราะเขานั่นแหละทำให้เธอตัวสั่นแบบนี้ด้วยกลัวว่าเขาจะจำได้ว่าเป็นใคร
เธอหยิบแก้วเหล้าของตนขึ้นมาชนกับแก้วของชายหนุ่มแต่ยังไม่ดื่ม ทำเพียงแค่เอามาจ่อที่ริมฝีปากแดงของตนเท่านั้น ดวงตากลมโตเหลือบไปมองคนข้าง ๆ ที่กระดกรวดเรียวหมดแก้ว
“อะ! อื้อ!"
ทันทีที่ดื่มแก้วของตนหมดเห็นว่าสาวข้าง ๆ ยังไม่ดื่ม ทำเพียงแค่จ่อที่ริมฝีปาก ฝันดีก็ดันแก้วนั้นเข้าปากของเธอให้อ้าปากรับน้ำสีอำพันเข้าไป มีเลอะมีหกไหลอาบลำคอระหงด้วย
“ชักช้าจริงคนสวย เป็นเด็กนั่งดริงก์อะไรกลัวเมา” เขาดูออกว่าเธอกลัวอะไร ไม่ใช่แค่แก้วเหล้าในมือแต่เป็นเขามากกว่า ก็ตอนโอบกอดไหล่อยู่นี่สัมผัสและรู้สึกได้ถึงความวิตกกังวลของเจ้าหล่อน
“ขะ...ขอโทษค่ะที่ทำให้คุณเบื่อรำคาญ เดี๋ยวหนู เอ่อ...ดิฉันไปให้พี่คนอื่นมาดูแลนะคะ” อิงนภาเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นอย่างที่คิดก็ถูกท่อนแขนแข็งแรงที่โอบพาดไหล่กดหนักให้นั่งลงที่เดิม
“ไม่เลยคนสวย แทนตัวเองว่าหนูน่ารักเชียว อายุเท่าไรแล้วเราน่ะ ขัดใจนัก เธอเรียกแขกของเธอว่าคุณทุกคนเลยเหรอ ฉันอยากพิเศษกว่าคนอื่นทำไงดีนะ เรียกฉันพี่สิจะได้ดูสนิทกัน” หงุดหงิดเล็กน้อยที่สาวน้อยจะหนีไปรับแขกคนอื่นแล้วให้คนอื่นมาบริการตน เขาชอบกลิ่นตัวนี้เหลือเกิน หอมน่าหลงใหล น่าหอบหิ้วกลับไปค้างด้วยเสียใจแทบขาด
“อะ...อายุ 19 ค่ะ”
“วัยขบเผาะ ถึงว่าเนื้อตัวหอม น้ำหอมนี่น้ำหอมกลิ่นอะไร ทำไมพี่ไม่เคยได้กลิ่นนี้เลย” พูดพลางโน้มลงไปหาซอกคอระหงที่หดสั้นของเธอแล้วสูดดมแรง ๆ เอากลิ่นหอม ๆ ของคนตัวเล็กเข้าปอดอีกครา
“แป้งเด็กเบเบี้มายด์ค่ะ ไม่ใช่น้ำหอม คือหนู...”
“น่ารัก แทนตัวเองกับพี่แบบนี้นะ และเรียกพี่ว่าพี่ด้วยคนสวย ส่วนกลิ่นหอม ๆ นี้กลิ่นแป้งหรอกเหรอ ถึงว่าไม่คุ้นจมูก”
น้ำเสียงทุ้มพูดแทรกประโยคของสาวน้อยทันทีเมื่อได้รู้กลิ่น ๆ หอม ๆ นี้มันคือกลิ่นอะไร
“ชงเหล้าให้อีกสิ ของเธอด้วยนะ ดื่มเป็นเพื่อนพี่พี่มีทิปให้หนักแน่หนู”
ว่าแล้วก็เอนหลังไปพิงกับพนักโซฟาด้วยท่าทางสบาย ท่อนแขนใหญ่กลางกว้างพาดอยู่บนพนักโซฟา จากก่อนหน้าโอบพาดไหล่เล็กของสาวน้อยอยู่ เขาจ้องมองแผ่นหลังเล็กเคลื่อนไล้มายังเอวคอดที่ใช้แค่เพียงมือเดียวของเขาจับก็รอบเอวของคนตัวเล็กแล้ว
“ผอมจริง ๆ แม่หนูน้อย แต่นมเป็นนม” อันนี้อดชื่นชมไม่ได้ว่าสาวร่างเล็กนี้เล็กแค่ตัว แต่หน้าอกหน้าใจที่เขาแอบจ้องนั่นมันไม่ได้เล็กอย่างเจ้าตัวเลยด้วยซ้ำ ขนาดน่าจะคัพดีเลยทีเดียว
เสียงเพลงในร้านดังกลบเสียงพูดของฝันดีทำให้อิงนภาไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร เธอชงเหล้าเสร็จก็ยกแก้วเหล้าส่งยื่นให้เขา พร้อมกับแก้วของตนที่ชงอ่อน ๆ เหมือนเดิม ขนาดอ่อน ๆ ที่เธอว่า ตอนนี้เริ่มออกฤทธิ์ในร่างกายของเธอแล้ว สาวน้อยสะบัดหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความมึนหัวของตนออก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้บุรุษนั่งอิงพนักโซฟาพร้อมส่งยิ้มหวานใจดีสู้เสือร้าย
ฝันดีกลืนน้ำเหนียว ๆ ลงคอด้วยความยากลำบากเมื่อเห็นยิ้มหวานจากริมฝีปากอวบอิ่มน่าบดเคล้าคลึงนั่นส่งมาให้ เธอกำลังยั่วเขาโดยไม่รู้ตัว แล้วความเป็นบุรุษกลางหว่างขาก็ปูดตึงขึ้นมาทันที
“ชูว์! ลูกพ่ออย่าเพิ่งคำราม อืม!" มือใหญ่อีกข้างมากอบกุมเป้ากางเกงของตัวเองไว้สูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ด้วยความอดทนทรมาน คนตัวเล็กมองมาทางเขาก็ยิ่งทำให้มันคำรามเร่า อยากออกมาโลดแล่นในทุ่งนาของเธอเหลือเกิน
“ดื่มสิหนู ว่าแต่ชื่ออะไร ยังไม่รู้จักชื่อกันเลย พี่ฝันนะน้อง...”
“พะ...พีร์ค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น ก้มมองแก้วเหล้าในมือของตน
“หนูพีร์...เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักที่นี่แหละชื่อนี้” ครุ่นคิด แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน
“มาใกล้ ๆ หน่อยสิ มาให้กอดหน่อยหนูพีร์ พี่ฝันชอบกลิ่นหอม ๆ ของหนูพีร์”
มือที่กุมเป้ากางเกงก็เอื้อมไปคว้าเอวเล็กขึ้นมานั่งทาบทับบนตักหนาของตน แล้วอีกมือก็กระดกเหล้าเข้าปากตัวเองแล้วทำสิ่งที่คนตัวเล็กคาดไม่ถึง ปากหนาที่ยังมีน้ำสีอำพันอยู่เต็มปากฉกลงมาบดจูบปากน้อยอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความชำนาญส่งน้ำเมาจากปากตัวเองไปยังปากเล็ก
อิงนาภาขยับดิ้นรนปากน้อยก็เผลอกลืนเหล้าที่เขาส่งมาให้ลงคอไปด้วยความยากลำบาก น้ำสีอำพันเคลื่อนไหลผ่านลำคอระหงมายังท้อง กว่าจะลงมาถึงท้องก็บาดลึกแสบคอเหลือเกิน ก็แก้วของเขา เธอชงให้เข้ม ๆ อย่างเขาสั่ง แล้วทำไมเขาต้องมาปล้นจูบแรกของเธอด้วย ไม่เคยมีแขกคนไหนทำกับเธอแบบนี้เลย ทุกคนให้เกียรติเสมอ ถ้าบอกว่าแค่จะชงแค่เหล้า และแขกทุกคนส่วนมากจะรู้ดี ถ้าเป็นอิงนภาจะแค่ชงเหล้าไม่มีสิทธิ์ลวนลามเหมือนอย่างฝันดีกำลังทำอยู่ตอนนี้