“จันทร์ๆ รอพี่ด้วย”
เพลงจันทร์หันไปมองด้านหลังก็เห็นจรรยาหรือจีน่าพนักงานแผนกประชาสัมพันธ์ที่ตอนนี้กลายมาเป็นรุ่นพี่คนสนิทของเธอไปแล้ว กำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังบริเวณที่เจ้าหล่อนยืนอยู่
“โอ๊ย! เดี๋ยวก็หัวใจวายตายก่อนได้ผัวหรอกเจ้”
“ตบปากเดี๋ยวนี้นะ การบอกว่าฉันจะไม่ได้พลีกายถวายตัวให้ผู้ชายมันเป็นคำหยาบที่สุดในชีวิตฉันเลยนะยัยจันทร์”
“ฮ่าๆ ว่าแต่เจ้เถอะ วิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้มีอะไรคะ”
“คืนนี้ปาร์ตี้ที่ผับxx ทองหล่อกัน”
“เนื่องในโอกาส?”
“โอกาสอยากกิน แหมแก! วันนี้มันเป็นวันศุกร์ทั้งที จะให้รีบกลับบ้านไปนอนเหี่ยวเป็นผักค้างคืนเหรอยะ”
“เดี๋ยวบอกอีกทีได้ไหมอ่ะเจ้ ล็อกคิวไว้ให้ฉันด้วยล่ะ”
“รีบแล้วกัน แต่งานนี้บอกไว้ก่อนเลยนะ ไม่ได้มีแค่ชะนี”
สายตาและรอยยิ้มแบบมีเลศนัยที่ส่งมาไม่ได้ทำให้เพลงจันทร์ตื่นเต้นไปด้วยเลยสักนิด เพราะยังเข็ดกับเรื่องความรักและไม่ปรารถนาจะหาสามีในตอนนี้ แต่ที่ไปด้วยเพราะแค่อยากจะไปนั่งฟังเพลงชิลๆ และหาอะไรกระแทกปากพอให้เลือดลมพลุ่งพล่าน ร่างกายกระปรี้กระเปร่าเท่านั้นเอง
เสียงอินเตอร์คอมทำให้คุณเลขาฯ ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเขียนรายงานการประชุม ต้องทิ้งทุกอย่างแล้วเสนอหน้าเข้าไปหาบอสของเธอในห้องทำงาน
“บอสมีอะไรให้ฉันรับใช้หรือคะ”
“ผมปวดกระเพาะ ช่วยไปชงกาแฟดำให้ผมสักแก้ว แล้วก็เอายาแก้ปวดกระเพาะมาด้วยนะ”
“แต่บอสปวดท้องแล้วจะดื่มกาแฟอีกหรือคะ”
“เถอะน่า ช่วยไปเอาให้ผมหน่อย ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้า ถ้าได้กาแฟสักแก้วก็คงจะดี”
“ค่ะ”
เพียงสิบนาทีหลังจากที่ได้รับคำสั่งของบอส เพลงจันทร์ก็ถือถาดใส่น้ำขิงและขนมปังโฮลวีตที่มีกล้วยน้ำว้าหั่นโป๊ะหน้าราดด้วยน้ำผึ้งเข้ามา
“บอสคะ”
คิ้วของคีรีขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าของที่อยู่ในถาดไม่ใช่ของที่ตนสั่ง
“กาแฟรูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้เหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ดิฉันเห็นว่าบอสปวดกระเพาะแล้วยังจะดื่มกาแฟดำทั้งๆ ที่ท้องว่าง คงจะไม่ดีนัก เลยถือวิสาสะเปลี่ยนเป็นน้ำขิงและขนมปังโป๊ะกล้วยน้ำว้าราดน้ำผึ้ง ซึ่งดิฉันได้ทำการรีเสิร์ชมาเรียบร้อยแล้วว่าทุกอย่างที่อยู่บนถาดนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องของบอสได้แน่นอนค่ะ แล้วอีกอย่างทำให้อิ่มด้วยนะคะ”
คีรีมองเลขาฯ สาวที่จุ้นได้จุ้นดีในทุกๆ เรื่อง แม้มันจะน่ารำคาญแต่เขาก็รู้ดีว่าที่เจ้าหล่อนทำไปคงเพราะหวังดีต่อตัวเขาเองนั่นแหละ
“คุณนี่มันจริงๆ เลยนะ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะบอส”
“ยัง ผมยังไม่ได้ชม”
“อ้าว! นึกว่าเมื่อกี้คำชมซะอีก”
คีรีวางปากกาก่อนจะเอนตัวพิงพนักของเก้าอี้ แล้วมองคุณเลขาฯ ที่โดนบังคับจากมารดาสุดที่รักให้รับเข้าทำงาน แม้ว่าการทำงานของเพลงจันทร์จะมีประสิทธิภาพและยังไม่เคยมีอะไรผิดพลาด แต่เรื่องส่วนตัวของเขาที่นอกเหนือจากงาน เจ้าหล่อนมักจะทำพลาดบ้าง ทำนอกเหนือคำสั่งบ้าง ช่วงแรกๆ ก็หงุดหงิดเพราะไม่มีลูกน้องคนไหนที่กล้าขัดคำสั่งเขา แต่ยัยตาใสตรงหน้านี่สิ ไม่แม้แต่จะกลัวเลยว่าตัวเองจะโดนไล่ออก
“ทำนอกเหนือคำสั่งเจ้านายแบบนี้ ไล่ออกซะเลยดีไหม”
“ไม่ดีค่ะ เพราะนอกเหนือคำสั่งก็จริง แต่ฉันเห็นว่ามันส่งผลดีต่อตัวเจ้านายเองนะคะ”
“ยังจะมาเถียงอีก”
“ขอโทษค่ะ แต่ขออีกนิดนะคะ ดิฉันพูดไปตามความจริงไม่ได้เถียงค่ะ”
“สรุปคือผมต้องกินขนมปังหน้ากล้วยประหลาดๆ นี่ใช่ไหม”
“ไม่ประหลาดนะคะ น่ากินออก”
“นิสัยชอบบังคับให้คนอื่นกินอะไรแบบนี้มันคุ้นๆ นะ”
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มต้องการจะสื่อว่า…
“คุณนี่เหมือนแม่ผมชะมัด”
“ดิฉันขอตัวนะคะ อีกครึ่งชั่วโมงจะเข้ามาเก็บ…จานเปล่าค่ะ”
คีรีมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวร่างบางสลับกับขนมปังหน้าตาประหลาดๆ บนจานสีขาว เรียวปากบางระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ยัยเด็กบ้าเอ๊ย”
เพลงจันทร์ที่มาถึงสถานที่นัดหมายเป็นคนสุดท้ายกำลังยืนมองทางผับแล้วก้มลงมามองสารรูปตัวเอง พลางคิดในใจว่า..
‘ไหนตอนแรกเจ้จีน่าบอกร้านนั่งชิลไงวะ เขาจะว่าฉันไม่อ่านไลน์กลุ่มไหมเนี่ย’
“สวัสดีครับ”
พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าประตูเดินเข้ามาหาเธอ อาจจะเพราะเห็นว่ามายืนงกๆ เงิ่นๆ อยู่หน้าร้านนานแล้ว
“สวัสดีค่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ พอดีรอเพื่อนออกมารับน่ะ” เพลงจันทร์รีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าก่อนจะกดโทรหาจรรยาทันที
‘เจ้! อยู่ไหน’
‘อยู่ข้างในร้าน แกมาถึงยัง’
‘อยู่หน้าร้านเนี่ย แต่ไม่มั่นใจว่ามาถูกร้านหรือเปล่า’
‘อ้าว! ฉันก็ส่งชื่อร้านกับโลเคชั่นร้านไปให้แกแล้วไง’
‘ก็ไหนเจ้บอกร้านนั่งชิลไง นี่มันผับนะ’
‘เออ.. ก็ผับไง แกจะโวยวายทำไมเนี่ย’
‘ก็เจ้บอกว่าร้านนั่งชิล ฉันเลยใส่ชุดทำงานมาน่ะสิ’
‘โอ๊ย! นึกว่าจะเป็นเด็กดี แม่ห้ามเที่ยวผับ ที่ไหนได้ห่วงเรื่องชุด’
‘ก็ถ้าฉันใส่ชุดนี้เข้าไป มีหวังคนข้างในได้มองว่าฉันเป็นคุณครูมาตามเด็กนักเรียนกลับบ้านแน่ๆ เลยเจ้’
‘เข้ามาเถอะน่า มีแค่พวกเราแล้วก็เพื่อนของยัยน้ำฝนอีกสี่คน ชิลๆ แกอย่าคิดมาก’
‘เจ้นะเจ้’
‘หรือแกจะถ่อกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านก็ตามใจ’
‘เออ ชุดนี้ก็ชุดนี้’
ผับที่จรรยาชวนเธอมาเป็นผับที่เรียกได้ว่าหรูติดอันดับของย่านนี้เลยก็ว่าได้ แต่ที่คนงกๆ แบบเธอยอมมาก็เพราะว่าน้ำฝนหนึ่งในแก๊งเซเลอร์มูนขาเมาท์ประจำโรงแรมจะเลี้ยงสละโสด งานนี้จึงกินฟรี กอปรกับวันนี้ดวงแขไปวิปัสสนาธรรมกับสมพรและแพรนวล เด็ก (ไม่) เรียบร้อยเช่นเธอจึงถือโอกาสหนีเที่ยวซะเลย
“เจ้จันทร์!”
เพลงจันทร์หันไปมองน้ำฝนซึ่งเป็นเจ้าภาพของงานนี้ที่กำลังยกมือขึ้นมาป้องปากแล้วทำหน้าทำตาแบบประมาณว่า..
‘เจ้ เจ้ไม่อ่านไลน์กลุ่มเหรอ ถึงได้ใส่ชุดนี้มา’
“อะไรยะ”
“เจ้ สวยแบบแปลกๆ นะ”
“น้ำฝน ตกลงแกจะชมฉันใช่ไหม”
“ชมสิเจ้ แหม! มาๆ นั่งก่อน”
แม้การแต่งตัวอาจจะดูแปลกแยกไปบ้าง แต่พอแอลกอฮอล์เข้าปาก ‘ป้า’ ประจำกลุ่มในวันนี้ก็กลมกลืนไปได้กับทุกคน
“ชุดไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการแดนซ์ของจันทร์จันทร์เลยค่า”
หญิงสาวที่กำลังเมาได้ที่ จึงออกสเต็ปโยกย้ายส่ายสะโพกไปมาตามจังหวะของเพลงโดยไม่ได้สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
โซน vip ของผับซึ่งมีสายตาคู่หนึ่งกำลังทอดมองมายังบริเวณที่มีเหล่าผีเสื้อราตรีทั้งหลายกำลังวาดลวดลายไปตามจังหวะของเสียงดนตรี แต่ทว่ากลับมีเพียงผู้หญิงคนเดียวที่สะดุดตาเขา
“ยัยเลขาฯ เหรอ”
คีรีมองอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะสิ่งที่บอกว่าคนที่กำลังวาดลวดลายอย่างเร่าร้อนคือเลขาฯ ตาใสของเขามีเพียงชุดที่เจ้าหล่อนใส่อยู่เท่านั้น
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณคี”
รุ่งขวัญดาราที่กำลังจะตกกระป๋องซึ่งกำลังคลอเคลียอยู่กับแขนของชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นคีรีจ้องไปที่ฟลอร์ได้สักพักหนึ่งแล้ว
“เปล่าครับ”
“งั้นขวัญว่าเราไปที่เงียบๆ คุยกันดีกว่าไหมคะ”
แค่มองตาก็รู้ถึงความคิดที่มีอยู่ในใจ คีรีมองเจ้าของร่างอวบอั๋นที่ลุกขึ้น ก่อนจะส่งมือมาให้เขาเพื่อจับจูงไปยังสถานที่สุดท้ายของคืนนี้