กอดของ CEO 1

1393 คำ
“จันทร์ๆ รอพี่ด้วย” เพลงจันทร์หันไปมองด้านหลังก็เห็นจรรยาหรือจีน่าพนักงานแผนกประชาสัมพันธ์ที่ตอนนี้กลายมาเป็นรุ่นพี่คนสนิทของเธอไปแล้ว กำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังบริเวณที่เจ้าหล่อนยืนอยู่ “โอ๊ย! เดี๋ยวก็หัวใจวายตายก่อนได้ผัวหรอกเจ้” “ตบปากเดี๋ยวนี้นะ การบอกว่าฉันจะไม่ได้พลีกายถวายตัวให้ผู้ชายมันเป็นคำหยาบที่สุดในชีวิตฉันเลยนะยัยจันทร์” “ฮ่าๆ ว่าแต่เจ้เถอะ วิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้มีอะไรคะ” “คืนนี้ปาร์ตี้ที่ผับxx ทองหล่อกัน” “เนื่องในโอกาส?” “โอกาสอยากกิน แหมแก! วันนี้มันเป็นวันศุกร์ทั้งที จะให้รีบกลับบ้านไปนอนเหี่ยวเป็นผักค้างคืนเหรอยะ” “เดี๋ยวบอกอีกทีได้ไหมอ่ะเจ้ ล็อกคิวไว้ให้ฉันด้วยล่ะ” “รีบแล้วกัน แต่งานนี้บอกไว้ก่อนเลยนะ ไม่ได้มีแค่ชะนี” สายตาและรอยยิ้มแบบมีเลศนัยที่ส่งมาไม่ได้ทำให้เพลงจันทร์ตื่นเต้นไปด้วยเลยสักนิด เพราะยังเข็ดกับเรื่องความรักและไม่ปรารถนาจะหาสามีในตอนนี้ แต่ที่ไปด้วยเพราะแค่อยากจะไปนั่งฟังเพลงชิลๆ และหาอะไรกระแทกปากพอให้เลือดลมพลุ่งพล่าน ร่างกายกระปรี้กระเปร่าเท่านั้นเอง เสียงอินเตอร์คอมทำให้คุณเลขาฯ ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเขียนรายงานการประชุม ต้องทิ้งทุกอย่างแล้วเสนอหน้าเข้าไปหาบอสของเธอในห้องทำงาน “บอสมีอะไรให้ฉันรับใช้หรือคะ” “ผมปวดกระเพาะ ช่วยไปชงกาแฟดำให้ผมสักแก้ว แล้วก็เอายาแก้ปวดกระเพาะมาด้วยนะ” “แต่บอสปวดท้องแล้วจะดื่มกาแฟอีกหรือคะ” “เถอะน่า ช่วยไปเอาให้ผมหน่อย ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้า ถ้าได้กาแฟสักแก้วก็คงจะดี” “ค่ะ” เพียงสิบนาทีหลังจากที่ได้รับคำสั่งของบอส เพลงจันทร์ก็ถือถาดใส่น้ำขิงและขนมปังโฮลวีตที่มีกล้วยน้ำว้าหั่นโป๊ะหน้าราดด้วยน้ำผึ้งเข้ามา “บอสคะ” คิ้วของคีรีขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าของที่อยู่ในถาดไม่ใช่ของที่ตนสั่ง “กาแฟรูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้เหรอ” “ไม่ใช่ค่ะ แต่ดิฉันเห็นว่าบอสปวดกระเพาะแล้วยังจะดื่มกาแฟดำทั้งๆ ที่ท้องว่าง คงจะไม่ดีนัก เลยถือวิสาสะเปลี่ยนเป็นน้ำขิงและขนมปังโป๊ะกล้วยน้ำว้าราดน้ำผึ้ง ซึ่งดิฉันได้ทำการรีเสิร์ชมาเรียบร้อยแล้วว่าทุกอย่างที่อยู่บนถาดนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องของบอสได้แน่นอนค่ะ แล้วอีกอย่างทำให้อิ่มด้วยนะคะ” คีรีมองเลขาฯ สาวที่จุ้นได้จุ้นดีในทุกๆ เรื่อง แม้มันจะน่ารำคาญแต่เขาก็รู้ดีว่าที่เจ้าหล่อนทำไปคงเพราะหวังดีต่อตัวเขาเองนั่นแหละ “คุณนี่มันจริงๆ เลยนะ” “ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะบอส” “ยัง ผมยังไม่ได้ชม” “อ้าว! นึกว่าเมื่อกี้คำชมซะอีก” คีรีวางปากกาก่อนจะเอนตัวพิงพนักของเก้าอี้ แล้วมองคุณเลขาฯ ที่โดนบังคับจากมารดาสุดที่รักให้รับเข้าทำงาน แม้ว่าการทำงานของเพลงจันทร์จะมีประสิทธิภาพและยังไม่เคยมีอะไรผิดพลาด แต่เรื่องส่วนตัวของเขาที่นอกเหนือจากงาน เจ้าหล่อนมักจะทำพลาดบ้าง ทำนอกเหนือคำสั่งบ้าง ช่วงแรกๆ ก็หงุดหงิดเพราะไม่มีลูกน้องคนไหนที่กล้าขัดคำสั่งเขา แต่ยัยตาใสตรงหน้านี่สิ ไม่แม้แต่จะกลัวเลยว่าตัวเองจะโดนไล่ออก “ทำนอกเหนือคำสั่งเจ้านายแบบนี้ ไล่ออกซะเลยดีไหม” “ไม่ดีค่ะ เพราะนอกเหนือคำสั่งก็จริง แต่ฉันเห็นว่ามันส่งผลดีต่อตัวเจ้านายเองนะคะ” “ยังจะมาเถียงอีก” “ขอโทษค่ะ แต่ขออีกนิดนะคะ ดิฉันพูดไปตามความจริงไม่ได้เถียงค่ะ” “สรุปคือผมต้องกินขนมปังหน้ากล้วยประหลาดๆ นี่ใช่ไหม” “ไม่ประหลาดนะคะ น่ากินออก” “นิสัยชอบบังคับให้คนอื่นกินอะไรแบบนี้มันคุ้นๆ นะ” หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มต้องการจะสื่อว่า… “คุณนี่เหมือนแม่ผมชะมัด” “ดิฉันขอตัวนะคะ อีกครึ่งชั่วโมงจะเข้ามาเก็บ…จานเปล่าค่ะ” คีรีมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวร่างบางสลับกับขนมปังหน้าตาประหลาดๆ บนจานสีขาว เรียวปากบางระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย “ยัยเด็กบ้าเอ๊ย” เพลงจันทร์ที่มาถึงสถานที่นัดหมายเป็นคนสุดท้ายกำลังยืนมองทางผับแล้วก้มลงมามองสารรูปตัวเอง พลางคิดในใจว่า.. ‘ไหนตอนแรกเจ้จีน่าบอกร้านนั่งชิลไงวะ เขาจะว่าฉันไม่อ่านไลน์กลุ่มไหมเนี่ย’ “สวัสดีครับ” พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าประตูเดินเข้ามาหาเธอ อาจจะเพราะเห็นว่ามายืนงกๆ เงิ่นๆ อยู่หน้าร้านนานแล้ว “สวัสดีค่ะ” “ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” “ไม่มีค่ะ พอดีรอเพื่อนออกมารับน่ะ” เพลงจันทร์รีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าก่อนจะกดโทรหาจรรยาทันที ‘เจ้! อยู่ไหน’ ‘อยู่ข้างในร้าน แกมาถึงยัง’ ‘อยู่หน้าร้านเนี่ย แต่ไม่มั่นใจว่ามาถูกร้านหรือเปล่า’ ‘อ้าว! ฉันก็ส่งชื่อร้านกับโลเคชั่นร้านไปให้แกแล้วไง’ ‘ก็ไหนเจ้บอกร้านนั่งชิลไง นี่มันผับนะ’ ‘เออ.. ก็ผับไง แกจะโวยวายทำไมเนี่ย’ ‘ก็เจ้บอกว่าร้านนั่งชิล ฉันเลยใส่ชุดทำงานมาน่ะสิ’ ‘โอ๊ย! นึกว่าจะเป็นเด็กดี แม่ห้ามเที่ยวผับ ที่ไหนได้ห่วงเรื่องชุด’ ‘ก็ถ้าฉันใส่ชุดนี้เข้าไป มีหวังคนข้างในได้มองว่าฉันเป็นคุณครูมาตามเด็กนักเรียนกลับบ้านแน่ๆ เลยเจ้’ ‘เข้ามาเถอะน่า มีแค่พวกเราแล้วก็เพื่อนของยัยน้ำฝนอีกสี่คน ชิลๆ แกอย่าคิดมาก’ ‘เจ้นะเจ้’ ‘หรือแกจะถ่อกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านก็ตามใจ’ ‘เออ ชุดนี้ก็ชุดนี้’ ผับที่จรรยาชวนเธอมาเป็นผับที่เรียกได้ว่าหรูติดอันดับของย่านนี้เลยก็ว่าได้ แต่ที่คนงกๆ แบบเธอยอมมาก็เพราะว่าน้ำฝนหนึ่งในแก๊งเซเลอร์มูนขาเมาท์ประจำโรงแรมจะเลี้ยงสละโสด งานนี้จึงกินฟรี กอปรกับวันนี้ดวงแขไปวิปัสสนาธรรมกับสมพรและแพรนวล เด็ก (ไม่) เรียบร้อยเช่นเธอจึงถือโอกาสหนีเที่ยวซะเลย “เจ้จันทร์!” เพลงจันทร์หันไปมองน้ำฝนซึ่งเป็นเจ้าภาพของงานนี้ที่กำลังยกมือขึ้นมาป้องปากแล้วทำหน้าทำตาแบบประมาณว่า.. ‘เจ้ เจ้ไม่อ่านไลน์กลุ่มเหรอ ถึงได้ใส่ชุดนี้มา’ “อะไรยะ” “เจ้ สวยแบบแปลกๆ นะ” “น้ำฝน ตกลงแกจะชมฉันใช่ไหม” “ชมสิเจ้ แหม! มาๆ นั่งก่อน” แม้การแต่งตัวอาจจะดูแปลกแยกไปบ้าง แต่พอแอลกอฮอล์เข้าปาก ‘ป้า’ ประจำกลุ่มในวันนี้ก็กลมกลืนไปได้กับทุกคน “ชุดไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการแดนซ์ของจันทร์จันทร์เลยค่า” หญิงสาวที่กำลังเมาได้ที่ จึงออกสเต็ปโยกย้ายส่ายสะโพกไปมาตามจังหวะของเพลงโดยไม่ได้สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น โซน vip ของผับซึ่งมีสายตาคู่หนึ่งกำลังทอดมองมายังบริเวณที่มีเหล่าผีเสื้อราตรีทั้งหลายกำลังวาดลวดลายไปตามจังหวะของเสียงดนตรี แต่ทว่ากลับมีเพียงผู้หญิงคนเดียวที่สะดุดตาเขา “ยัยเลขาฯ เหรอ” คีรีมองอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะสิ่งที่บอกว่าคนที่กำลังวาดลวดลายอย่างเร่าร้อนคือเลขาฯ ตาใสของเขามีเพียงชุดที่เจ้าหล่อนใส่อยู่เท่านั้น “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณคี” รุ่งขวัญดาราที่กำลังจะตกกระป๋องซึ่งกำลังคลอเคลียอยู่กับแขนของชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นคีรีจ้องไปที่ฟลอร์ได้สักพักหนึ่งแล้ว “เปล่าครับ” “งั้นขวัญว่าเราไปที่เงียบๆ คุยกันดีกว่าไหมคะ” แค่มองตาก็รู้ถึงความคิดที่มีอยู่ในใจ คีรีมองเจ้าของร่างอวบอั๋นที่ลุกขึ้น ก่อนจะส่งมือมาให้เขาเพื่อจับจูงไปยังสถานที่สุดท้ายของคืนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม