“คืนนี้เจอกันที่เดิมนะเว้ย”
“โอเค ตามนั้น” เป็นเสียงนัดหมายของพวกผมเอง เพราะทุกวันหลังเลิกเรียน (ยกเว้นวันที่มีสอบ) พวกผมจะนัดกันไปผับ เพื่อที่จะไปหาความสุขให้กับตัวเอง คงไม่ต้องบอกว่าพวกผมเข้าผับได้ยังไงทั้งที่อายุยังไม่ถึงไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะเป็นผับของพ่อไอ้วอดก้ามันและระดับพวกผมแล้วต้องโต๊ะ VIP เท่านั้น หลังจากที่นัดกันเรียบร้อยผมกำลังจะเดินไปที่โรงจอดรถแต่แล้วเสียงที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดในโลกก็ดังขึ้น
“เขื่อนนนน~ จ๋าาารอเค้าด้วย”
ตึก ตึก ตึก
เป็นเสียงของสองเท้าเล็กที่กำลังวิ่งไปหาเจ้าของชื่อที่ยืนอยู่ภายด้านหน้า
“มึงอีกแล้วหรอ มีอะไร” เขื่อนเอ่ยถามร่างบางขึ้นทันทีที่เธอมาถึงซึ่งเธอก็คือ เฟรนด์ ลูกสาวของเพื่อนพ่อเขานั่นเอง
“วันนี้คุณอาบอกให้เค้ากลับกับเขื่อนอะ เพราะรถที่บ้านพัง” เฟรนด์ตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสดใส
“พ่อไม่เห็นโทรบอกกูก่อนเลย”
“ก็นี่ไงคุณอาฝากเค้ามาบอกเขื่อนแล้วไง เอาน่าไปกันเถอะ”
“เดี๋ยว!”
“มีอะไรหรอเขื่อน” เฟรนด์ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“ใครบอกว่ากูจะให้มึงกลับด้วย” หลังจากเขื่อนพูดจบเขื่อนก็เดินไปทันที
“ขะ เขื่อน แต่ว่าคุณอาบอกมานะ” เฟรนด์เห็นแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นอย่างไม่ยอมทันที พร้อมกับกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเจ้าของร่างสูงไป แต่ทว่าสองเท้าเล็กมัวแต่เร่งฝีเท้าตามจนไม่ทันได้มองทางทำให้เธอชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างของเขื่อนเข้าแบบเต็มๆ
ตึก!
“โอ้ยย จะหยุดทำไมไม่บอกกันก่อน”
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้ทันมึงนะ เลิกยุ่งกับกูซะ”
บรึ้น~ พูดจบเขื่อนก็ขึ้นคร่อมรถบิ๊กไบค์สีดำคู่ใจของเขาออกไปอย่างไม่ใยดีเฟรนด์เลยสักนิด
“อีกแล้วหรอเนี่ย แต่ฝันไปเถอะว่าฉันจะเลิกยุ่งกับนาย ฉันจะเอานายมาเป็นของฉันให้ได้คอยดูเถอะเขื่อน”
หลังจากเฟรนด์พึมพำกับตัวเองสักพักเธอก็เดินออกมายืนเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านเพราะก่อนหน้านี้เธอได้โทรบอกทางบ้านว่าไม่ต้องมารับ เพื่อจะวางแผนกลับกับเขื่อนแต่สุดท้ายเขื่อนก็รู้ทัน เธอจึงต้องนั่งแท็กซี่เพื่อกลับบ้านเอง
@ผับ
TIME 3.50 PM
ตึก!
“มึงเป็นอะไรวะไอ้เขื่อน” วอดก้าเอ่ยถามเพื่อนตัวเองขึ้น
“เอ้อนั่นสิ กูเห็นมึงทำหน้าเครียดตั้งแต่มาถึงละมีเรื่องไรวะพูดกับพวกกูได้นะเว้ย” เข็มทิศก็พูดเสริมขึ้น เพราะตั้งแต่ที่เขามาถึงร้านเหล้าก็เห็นเขื่อนเอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากไม่หยุด
“เรื่องเดิมๆ” เขื่อนตอบ
“เรื่องเฟรนด์?”
“จะเป็นใครอีกละ ก็มีอยู่คนเดียวที่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตมัน” วอดก้าพูดขึ้น
“กูจะทำยังไงกับมันดีวะ แม่งโคตรน่ารำคาญ” เขื่อพูดด้วยสีหน้าจริงจังและคิดหนัก
“มันอยากได้มึงไม่ใช่หรอ มึงก็จัดให้มันซะสิจะได้จบๆไป” วอเก้าพูดขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก
“เออใช่ ถ้าเป็นกูนะเสร็จไปนานละ หุ่นก็ดี ขาวก็ขาว น่าอก สะโพก ตา จมูก ปาก ซี๊ดด” เข็มทิศพูดเสริมพร้อมกับทำหน้าฟินเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยของหญิงสาวที่ชมชอบเพื่อนของตัวเอง
“ไอ้สัส! กูไม่นิยมกินเพื่อนตัวเองเว้ย อีกอย่างมันเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อกู” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ไม่ว่าเฟรนด์มันจะยั่วผมแค่ไหนผมก็ไม่มีทางเอากับมันเด็ดขาด
“กูจะคอยดู หึ” วอดก้าเอ่ย
“พวกมึงคอยดูเลย” เขื่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่ม
เช้าวันต่อมา
“เขื่อนตื่นได้แล้วลูก สายแล้วนะ” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกปลุกสลับกัน
“ครับ~ แปปนึงครับ” เขื่อนตอบกลับผู้เป็นแม่ทั้งที่ยังคงหลับตา
5 นาทีผ่านไป
“เขื่อน! แม่บอกให้ตื่นไง นี่มันสายแล้วนะ”
“อื้อ~ แม่เข้ามาในห้องผมโดยไม่ขออนุญาตอีกแล้วนะครับ” ผมลืมตาขึ้นตอบกลับแม่แบบเบลอๆ คงเป็นเพราะมื้อคืนดื่มหนักไปหน่อยเลยทำให้ผมตื่นสาย
“กูเป็นแม่มึงนะ กูจำเป็นต้องขออนุญาตมึงด้วยหรอคะ ก็ปลุกไม่ตื่นนึกว่าตายห่าไปแล้ว” ทุกคนไม่ต้องแปลกใจครับนี่แม่ผมเอง แม่ก็เป็นแบบนี้แหละเป็นผู้หญิงแบบฮาร์ดคอร์ๆ ไม่รู้ว่าพ่อรักแม่เข้าไปได้ยังไง โหดก็โหด แถมบ่นเก่งชิบหาย
“ไม่ต้องมาแอบด่าในใจ ลุกไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ลูกเวร เพื่อนมารอนานแล้ว”
“ใครอะ”
“.......” ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆกลับมาจากผู้เป็นแม่ แถมยังเดินออกจากห้องไปอย่างไม่คิดจะหันกลับมา เขื่อนที่เห็นแบบนั้นก็ไม่วายจะตะโกนตามหลังออกไป
“แม่ใครอะ ตอบผมก่อนสิ แม่! อะไรวะ แล้วใครแม่งมาแต่เช้าวะ” เขื่อนได้แต่บนพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย แต่ก็ยังลุกออกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเหมือนเดิม
เวลาผ่านไปได้ไม่นานหลังจากผมทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็ลงมาข้างล่าง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมองไปเห็นใครบางคนที่นั่งรออยู่โซฟาด้านล่าง ใครบางคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในโลก
“มึงอีกแล้วหรอ” คำแรกที่หลุดออกจากปากของเขื่อนเมื่อเขาเดินลงมาถึงด้านล่าง
“Hi หวัดดีเขื่อน” ทันทีที่เฟรนด์เห็นเขื่อนก็รีบยกมือขึ้นทักทายด้วยท่าทีสดใสเช่นเคย
“นี่มึงมาบ้านกูทำไม อย่าบอกอีกนะว่า....” ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ
“รถที่บ้านของหนูเฟรนด์เสีย ต้องเข้าศูนย์เลยฝากหนูเฟรนด์ไปโรงเรียนกับมึง” ผู้เป็นพ่อของเขื่อนเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ววว” เฟรนด์พูดพร้อมกับยกยิ้มขึ้นอย่างดีใจ แต่ใครจะไปคิดว่าสาเหตุที่รถพังนั้นกลับเป็นฝีมือของเธอเอง ทว่าดีใจได้ไม่นานเธอก็ต้องหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินประโยคต่อมาของเขื่อน
“ไม่อะ ยังไงผมก็ไม่ไปกับมันเด็ดขาด”
“ไอ้ลูกคนนี้นี่มันยังไงห๊ะ แค่ให้หนูเฟรนด์ติดรถไปด้วยแค่นี้มันจะตายหรือไง” ผู้เป็นแม่เมื่อได้ยินแบบนั้นก็หันไปต่อว่าลูกชายตัวเองขึ้นทันที
“ใช่! ผมจะตาย” เขื่อนก็เอ่ยตอบผู้เป็นแม่ขึ้นอย่างไม่ยอมเช่นกัน
“พอ! ให้หนูเฟรนด์ไปด้วยนั่นแหละ ไปได้แล้วไป เดี๋ยวสาย” พ่อพูดขึ้นพร้อมกับยกมือไล่
“แต่มันใส่กระโปรงนะพ่อ” เขื่อนก็ยังหาเหตุผลมาต่อรองอย่างไม่ยอม แต่ทันทีที่เขื่อนพูดจบเฟรนด์ก็รีบดีดตัวลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูใส่กางเกงขาสั้นมาอยู่ค่ะ”
“ให้ตายเหอะ” ผมได้แต่สถบออกมาอย่างหัวเสีย และในเมื่อผมทำอะไรไม่ได้จึงเลือกเดินออกมาจากบ้านตรงไปที่รถคู่ใจทันอย่างไม่คิดที่จะรอหรือสนใจใคร ส่วนเฟรนด์ที่เห็นแบบนั้นก็รีบเอ่ยลาผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะรีบวิ่งตามหลังเขื่อนออกไป
“ไปก่อนนะคะคุณอา สวัสดีค่ะ”
“อะ” ผมยื่นหมวกกันน็อคให้เธอ เธอรับไปแต่ดูเหมือนว่าเธอจะใส่ไม่เป็น
“มานี่จะใส่ให้” เขื่อนที่เห็นท่าทีเก้ๆกังๆของเฟรนด์เขาจึงดึงหมวกกันน็อคกลับคืนมา ก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาเพื่อที่จะสวมหมวกกันน็อคให้ ขณะที่เขื่อนกำลังใส่หมวกกันน็อคให้เฟรนด์อยู่นั้น เฟรนด์ก็จ้องใบหน้าอันหล่อเหลาของเขื่อนอย่างไม่ละสายตาจนทำให้เขื่อนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองทำให้ทั้งสองสบตากัน จนเป็นเขื่อนที่พูดขึ้นอย่างไม่รู้สึกอะไร
“จะมองกูอีกนานไหม ขึ้นรถ”
“ขอบคุณนะที่ใส่ให้”
“หุบปากมึงไปเลย ถ้ากูไปสายนะก็เพราะมึง”
“ชิ๊” เฟรนด์ทำหน้ายู่ใส่ก่อนจะก้าวขึ้นด้วยอย่างเก้ๆกังๆ แต่ไม่ทันที่เฟรนด์จะจัดแจงท่านั่งเสร็จเขื่อนก็ออกรถทันทีทำให้เฟรนด์นั่นร้องขึ้นด้วยความตกใจแต่ดีที่เธอนั้นคว้ากอดเอวเขื่อนไว้ทัน
บรึ้น!
“ว้ายย!!”
“จับดีๆล่ะ ตกรถตายกูไม่รับผิดชอบนะ หึ!”
ระหว่างทาง
“เขื่อนขับช้ากว่านี้หน่อยได้ไหม”
“ทำไมกลัวหรอ”
“เปล่า แต่กระโปรงเค้าเปิด”
“เรื่องของมึงสิ” เขื่อนตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ แต่ทว่าเขากลับลดความเร็วลงอย่างที่อีกคนต้องการ เฟรนด์ที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มขึ้นอย่างดีใจ ถึงแม้ปากจะบอกอีกอย่างแต่การกระทำนั้น…..
@โรงจอดรถ
เอี๊ยด! เสียงรถบิ๊กไบค์คันสีดำเบรคเข้าจอดในโรงรถ
“ขอบคุณนะที่ให้ติดรถมาด้วย” เฟรนด์ยิ้มขอบคุณ
“ไม่ต้อง เพราะกูไม่ได้เต็มใจ” คำพูดของเขื่อนทำให้ฉันต้องหุบยิ้มทันที ทว่าคำพูดต่อมานั้นยิ่งทำให้เธอหัวเสียยิ่งกว่า
“อ่อ แล้วก็ทีหลังอย่าเอานมไข่ดาวของมึงมาชนกับหลังกูอีกนะ เพราะต่อให้มึงเปิดให้กูดูกูก็ไม่มีอารมณ์”หลังจากเขื่อนพูดจบเขาก็เดินยิ้มออกไปอย่างพอใจที่ได้แกล้งอีกคน
“โอ้โห้ นี่เรียกไข่ดาวหรอ” ฉันพูดพร้อมกับจับเต้าอวบของฉันดันขึ้นทั้งสองข้างอย่างมั่นหน้า
“สักวันเถอะ สักวัน ฉันจะทำให้นายขาดนมไข่ดาวของฉันไม่ได้” ฉันได้แต่บ่นพึมพำตามหลังเขื่อนไปอย่างทำอะไรอีกคนไม่ได้