บทที่ 1 : ติดบนเกาะร้าง

2338 คำ
กรึบ! นั่นคือเสียงอะไร ใช่เสียงสวรรค์หรือเปล่า!? เพนนีคิดในใจ เพราะนึกว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ถึงจะตายจริง เธอก็คงไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรอก คิดได้ดังนั้น ก็เริ่มแง้มเปลือกตาสู้กับแสงอาทิตย์ ที่แยงเข้าเบ้าตาอย่างจัง เสียงที่ได้ยิน ยังคงเป็นเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง ตามด้วยเสียง ‘กรึบ!!’ และความรู้สึกเจ็บแปล๊บ บริเวณขา “โอ๊ย!” หญิงสาวถึงกับร้องเสียงหลง แต่ก่อนที่เธอจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก็ถูกฝ่ามือหยาบสาก กดเข้าที่ไหล่บอบบาง ให้คนตัวเล็กกลับลงไปนอนในท่าเดิม วินาทีนั้น เป็นวินาทีแรกที่เธอได้เห็นเขา ชายปริศนา หน้าตาอัปลักษณ์ มีรอยบากคาดดวงตาคู่คม แม้แสงอาทิตย์จะสะท้อนให้เห็นไม่ค่อยชัด แต่ความรู้สึกแรกพบ ทำให้เธอหวาดกลัวเขาจนอยากจะถอยร่างหนีไปให้ไกลที่สุด “แขนขาหัก จะขยับหนีไปไหน?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม พลางขมวดคิ้วเข้ม “คะ คุณเป็นใคร?” ถามกลับเสียงสั่นเครือ กลัวว่าเขาจะเป็นพวกเดียวกัน กับพวกที่จับเธอโยนลงทะเล ถ้าเป็นเช่นนั้นคงได้ตายรอบสองแน่ “ฉะ ฉันถามว่าคุณเป็นใคร?” เพนนีทวนคำถามซ้ำ เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย “….” เจ้าของใบหน้าเหี้ยมเกรียม มองตอบเพียงอย่างเดียว ก่อนจะเอื้อมมาจับมือเล็กอีกข้าง ไปบิดกระดูกในส่วนที่งอผิดรูป “กรี๊ดดด!” นาทีนี้ กรีดร้องให้สุดเสียงไปเลย เพราะมันโคตรเจ็บ! “ไม่ตายก็บุญแล้ว” เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนจะยันร่างกำยำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินตรงเข้าชายฝั่งที่มีแต่ป่า เพนนีหันมองซ้ายขวา ก็พบว่าตัวเองอยู่บนเกาะร้าง รอบข้างไม่มีเกาะอื่น มีเพียงเกาะนี้เกาะเดียวเท่านั้น ส่วนสิ่งมีชีวิตที่พูดคุยได้ก็มีแค่ชายอัปลักษณ์ผู้เดียว “ดะ เดี๋ยวสิ รอก่อน!” ร่างเล็กไม่รอช้า รีบยันตัวลุกขึ้นจากพื้นทราย ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอหยุดชะงัก ก็คือเนื้อผ้าบางเฉียบที่เปียกชุ่ม และแนบเนื้อจนเห็นสัดส่วนด้านในอย่างชัดเจน ละ แล้วผู้ชายคนนั้น จะเห็น… (ก้มมองเนินไร้ขนสลับยอดอกสีชมพู) กรี๊ดดด! เขาเห็นแน่ สองมือเล็กยกขึ้นปิดบังทรวดทรงนาฬิกาทราย แต่แล้วก็ต้องล้มตัวลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าเพราะแขนขายังรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ อยู่ “โธ่เว้ย! อยากจะบ้าตาย” รู้ซึ้งเลย ว่าก่อนหน้านี้พี่แหม่มรู้สึกยังไง “ไม่ได้ จะตายตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” เพนนีดึงสติตัวเอง เพราะคนที่ทำเรื่องชั่วช้ากับเธอ มันจะต้องไม่ตายดี คอยดูเถอะ กลับขึ้นฝั่งได้เมื่อไหร่ แม่จะลากคอคนที่โยนเธอลงทะเลมาฆ่าทิ้ง แต่ตอนนี้ ขอหอบสังขารตามชายคนนั้นไปก่อน ฮึบ! เพนนีรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิด พยุงร่างเปียกปอนลุกขึ้นจากพื้นทราย เรื่องอาย ก็อายอยู่ ที่ไม่มีซับในใส่ ทว่าตอนนี้สิ่งที่ควรทำ คือตามผู้ชายคนนั้นให้ทัน ก่อนที่แสงอาทิตย์จะหมดลง “แล้วจะรีบเดินไปไล่ควายที่ไหนวะนั่น!?” เพนนีถึงกับสบถคำหยาบคาย เมื่ออีกฝ่ายเดินไปไกลลิบลับจนแทบไม่เห็นแผ่นหลัง ช่วยขึ้นมาจากทะเลแล้ว แทนที่จะช่วยพยุงหรืออุ้ม กลับเดินนำราวกับว่าไม่ได้อยากช่วยเหลือจริงๆ “โอ๊ย ไอ้ยุงบ้า!” ร่างเล็กสะบัดสะบิ้ง สองมือไล่ปัดยุงป่าที่กำลังรุมกัด “อย่ามากัดฉันนะ โอ๊ย! ก็บอกว่าอย่ากัดไงเล่า โธ่เว้ย!” ปกติไม่ใช่คนหยาบคาย แต่ชีวิตตอนนี้ มันบัดซบจริงๆ จากนักแสดงสาวชื่อดัง กลับถูกโยนลงทะเล พอรอดมาได้ ดันติดอยู่ในเกาะร้างกับใครก็ไม่รู้ มิหนำซ้ำยังโดนยุงป่ากัดอีก “คุณ!” เพนนีโก่งคอตะโกนเรียกสุดเสียง “ช่วยกลับมาหาฉันหน่อยได้ไหม!?” ไร้การตอบกลับ จากชายแปลกหน้า “ฉันเจ็บแขนเจ็บขา เดินต่อไม่ไหวแล้ว ยุงก็กัดด้วย โอ๊ย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ มันกัดคอกูอีกแล้ว นี่ยุงหรือแวมไพร์ เพียะ เพียะ เพียะ! หญิงสาวไล่ตบยุงตามตัว จนขึ้นเป็นรอยห้านิ้วสีแดงซ่าน “เรียกขนาดนี้ แล้วยังไม่เดินกลับมาอีก ใจร้ายชะมัดเลย” เพนนีมุ่ยหน้า พร้อมกับตบยุงตัวเบ้อเริ่มให้ตายคามือ พอรู้ว่าชายคนนั้นไม่มีทางเดินกลับมารับ เธอก็ต้องรวบรวมเรี่ยวแรงอีกครั้ง แล้วเดินบุกป่าฝ่าดง ตามเส้นทางที่ชายแปลกหน้าเดินไป ฟ่อออ! สองขาเรียวหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงขู่จากบนต้นไม้ ดวงหน้าขาวซีดค่อยๆ เงยขึ้นอย่างเชื่องช้า สอดประสานสายตากับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่กำลังชูคอขู่ฟ่อๆ แลบลิ้นสองแฉก “อย่าขยับ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบ ข้างใบหูขาวสะอาด ไม่รู้ว่าเขากลับมาตอนไหน แต่ดีใจที่เขากลับมาช่วย ฝ่ามือหยาบใหญ่ค่อยๆ ยื่นเข้าหางูตัวดำเมี่ยม เธอกลัวว่าเขาจะโดนมันกัด จึงยกมือขึ้นจับกล้ามแขนกำยำ วินาทีนั้น งูเล็งเป้าหมาย แล้วพุ่งตัวเข้าหาเธอ แต่กว่าจะถึง มันก็เลือกฝังคมเขี้ยวเข้าที่ต้นคอแกร่งกร้าน ก่อนที่มันจะรีบเลื้อยหนีไปจากตรงนี้ “คะ คุณ!” เพนนีร้องลั่น มือไม้สั่นเทิ้มด้วยความกลัว “บอกว่าอย่าขยับไง” เขาเอ็ดเสียงดุ แต่ก็ยังคุมโทนต่ำไม่โวยวาย “ฉะ ฉันขอโทษ งะ งูตัวนั้นมันมีพิษไหมอ่ะ!?” คนที่สติแตกไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวเธอเองเนี่ยแหละ “ถ้ามี จะทำยังไง?” เขาถามกลับ สายตาจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังร้อนรน “ถ้ามีพิษ ต้องดูพิษใช่ไหม?” ไร้คำตอบจากอีกฝ่าย เธอจึงรีบเขย่งปลายเท้าทั้งที่ยังเจ็บขา เพื่อใช้ริมฝีปากดูดพิษบริเวณต้นคอแกร่ง สิ่งที่ออกมามีแต่เลือด ถึงจะคาวแต่ก็เธอคิดว่ามันคงมีพิษผสมจึงทำหลายครั้งติด “โอเคไหมคุณ!?” สองมือเล็กประคองใบหน้าคม ที่ยังคงจับจ้องใบหน้าสวย “ฉันถาม ทำไมเอาแต่ยืนนิ่งล่ะ!?” “งูไม่มีพิษ” “…..” “มันกัดเพราะป้องกันตัว แต่ไม่มีพิษ” เอ้าาา! แล้วปล่อยให้ดูดคออยู่ตั้งนาน พรึบ! หญิงสาวทิ้งน้ำหนักตัว เสมือนว่าลมจับจากการดูดพิษ สองมือแกร่งกร้าน ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยสัก ประคองร่างเล็กทันที ทีนี้ก็เข้าแผน ถือว่าคว้าวิกฤต ให้เป็นโอกาสเสียเลย “อยากให้อุ้มก็บอกมาตรงๆ” อุ้ย! คนป่าแบบเขา ตามทันมารยาหญิงด้วยเหรอ? “ฉะ ฉันรู้สึกไม่มีแรงเลยคุณ (ทำหน้าซีดเสียงสั่น)” เพนนีตีบทนางร้าย ที่กำลังหลอกให้พระเอกตายใจ ซึ่งเขาก็จ้องมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะรวบเรือนร่างอรชรขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิง เห็นหน้าโหดแบบนี้ ก็แอบใจดีอยู่เหมือนกัน ใบหน้าสวยเอียงซบแผงอกล่ำสัน บริเวณนั้นมีรอยแผลเป็นมากมาย ซ่อนอยู่ภายใต้ลายสักรูปมังกร เธอเดาว่าเขาคงเป็นพวกมาเพียเก่าไม่ก็พวกนักโทษที่หลบหนีมาอยู่บนเกาะนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร เธอก็มีเขาเพียงคนเดียวที่พึ่งพาได้ กรึบ กรับ! ชายหน้าตาอัปลักษณ์ เดินเท้าเปล่าพาสาวสวยกลับไปยังที่พัก เมื่อถึงที่หมาย เขาก็ห้อยโหนเถาวัลย์ราวกับว่าตนเองเป็นทาร์ซาน ส่วนตัวเธอนั้นก็ถูกหิ้วด้วยกล้ามแขนเพียงข้างเดียว เพื่อขึ้นไปยังบ้านพักบนต้นไม้ (ตอนที่เขาโหน หัวใจจะวายตาย!) “จะกอดอีกนานไหม?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ขณะที่ร่างเล็กยังคงกอดรัดกล้ามแขนเหมือนลูกลิง เรื่องความแข็งแรงยอมรับเลยว่าเขา ‘สุดยอด’ “คุณพาฉันไปส่งที่เตียงไม่ได้เหรอ ฉันยังเจ็บขาอยู่เลย” สาวสวยพูดเสียงอ่อย พลางส่งสายตาให้เขานึกสงสาร แล้วก็ได้ผล ถึงจะแบกไปส่งในสภาพทุเรศทุรังก็เถอะนะ นัยน์ตาสีนิลกวาดมองบรรยากาศโดยรอบ ถึงบนนี้จะเป็นบ้านต้นไม้ แต่ข้าวของเครื่องใช้บางชนิด ก็ดูทันสมัยไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ ก็ยังคงเป็นของป่า ไม่มีไฟ มีแต่ตะเกียง ส่วนเตียงก็ทำจากไม้ไผ่ เรื่องความนุ่มนิ่มไม่ต้องพูดถึง นอนทีกระดูกเคลื่อน “คุณมีเสื้อผ้าให้ฉันเปลี่ยนไหม ไม่สิ มีที่ให้ฉันอาบน้ำหรือเปล่า?” เหมือนจะขอเยอะ แต่ตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวไม่ไหวแล้ว โลชั่นก็ไม่มี สกิลแคร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แล้วแบบนี้ผิวจะพังไหมเนี่ย “มีลำธารอยู่ไม่ไกล” “เหรอ งั้นช่วยพาฉันไปที่นั่นหน่อยสิ” เพนนีอ้าแขนเรียว หวังให้เขาอุ้มอีกรอบ ทว่าสายตาดุจเหยี่ยวกลับจ้องเนื้อหนังมังสาใต้ร่มผ้าเธอจึงรีบยกมือขึ้นปิดทันที “อย่าคิดไม่ดีกับฉันนะ” “ถ้าคิด แล้วจะทำไม?” เอ๊ะ! ผู้ชายคนนี้ยังไงกันเนี่ย จะดีหรือร้ายกันแน่ “ถ้าคุณคิด ฉันจะฆ่าคุณ” เขามองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งเหมือนอย่างเคย ก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบบางสิ่งข้างกาย แต่ขาเธอไว เลยยกขึ้นยันอกเขา “ฉะ ฉันไม่ยอมเป็นเมียคุณหรอกนะ” พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทว่าอีกฝ่ายกลับหยิบผ้าห่มจากด้านหลัง มาคลุมไหล่บาง ให้เธอบิดบังสัดส่วนแทนมือน้อยๆ เพนนีรีบลดเท้าลงแก้เขิน ใครจะคิดว่าเขาจะหยิบผ้าห่มกันเล่า เห็นเข้าใกล้ ก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย! “ถ้าจะไปอาบน้ำ ก็ขี่หลัง” “จะดีเหรอ?” ทำเล่นตัวไปอย่างนั้น แต่พอเขาหันหลัง เธอก็รีบขึ้นขี่ “ไปช้าๆ นะคุณ ฉันกลัวตก” แขนเรียวกอดรัดลำคอแกร่ง พยายามระมัดระวังไม่ให้โดนแผลงูกัดบริเวณลำคอ เขาค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบร้อยเก้าสิบ แล้วเดินไปเปิดหีบเหล็กใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็หยิบเสื้อตัวใหญ่ออกมาไว้ให้เธอเปลี่ยน วืดดด พรึบ! กว่าจะถึงพื้น หัวใจจะวายรอบสอง สูงเกือบแปดเมตร โคตรหวาดเสียว! “มะ ไม่มีทางลงที่ดีกว่านี้เหรอ?” “ไม่มี” จบข่าว แล้วแบบนี้จะลงเองได้ยังไง? “คุณอาศัยอยู่บนเกาะนี้คนเดียวเหรอ?” ระหว่างทาง ก็เอ่ยถามข้อมูลเกี่ยวกับเขา “อืม” เขาตอบ เป็นเสียงครางต่ำในลำคอ “แล้วที่นี่มีเรือบ้างไหม ถ้าฉันจะกลับเข้า…” “ไม่มี” “สักลำก็ไม่มีเหรอ?” “ไม่มี” “แล้วคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” “ถูกน้ำทะเลซัดมา” “หมายความว่าไง?” เขาไม่ขยายความ ปล่อยให้คนบนหลังคิดเอาเอง “ยะ อย่าบอกนะ ว่าคุณก็ถูกโยนลงทะเลเหมือนกัน?” อีกฝ่ายยังคงเงียบ นั่นก็แสดงว่าเราถูกฆ่าเหมือนกัน “ฮึบ! ให้ตายสิ จิตใจคนสมัยนี้ เหี้ยมโหดกันเหลือเกิน” เพนนีบ่นพึมพำ ด้วยความแค้น ถ้าเธอมีโอกาสกลับไป สาบานเลย ว่าคนที่ทำร้ายเธอ จะต้องไม่ตายดีแน่นอน! “แล้วนี่คุณติดอยู่เกาะนี้มากี่ปีแล้ว ได้นับไหม?” “สิบ…” “ฮะ! สิบปีเลยเหรอ” ตะโกนร้องลั่นป่า เพราะตกใจมาก “ฟังให้จบก่อนได้ไหม?” “อ้อ อ่า แสดงว่าแค่สิบเดือน” “ไม่ใช่…แต่สิบห้าปีต่างหาก” ถามจริ๊ง! จ้อจี้กันป่ะเนี่ย (-0-!) “โกหกตกนรกนะคุณ” เขายักไหล่ ประมาณว่าถ้าไม่เชื่อก็ตามใจ “ละ แล้วไม่มีใครมาช่วยเหลือคุณเลยเหรอ?” อีกฝ่ายส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วตอนนี้ก็เดินมาถึงลำธารพอดิบพอดี เขาวางตัวเธอลงนั่งบนโขดหินพร้อมกับส่งเสื้อผ้า “เดี๋ยว…” มือเล็กจับข้อแขนแกร่งเอาไว้ “คุณช่วยบอกฉันที ว่าฉันจะได้กลับบ้าน” ดวงตาคู่คม จ้องมองสาวสวยตรงหน้าอย่างไร้คำตอบ “ฉะ ฉันจะต้องติดอยู่บนเกาะนี้ตลอดชีวิต งั้นเหรอ?” “ถ้าตายภายในสามวันเจ็ดวัน ก็อาจจะติดเกาะไม่นาน” บ้าบอ! เป็นคำปลอบโยนที่ไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย “รีบอาบ” เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนจะดึงมือเล็กออกจากข้อแขน แล้วเดินไปนั่งรอหลังต้นไม้ใหญ่ เพนนีถึงกับเหม่อลอย เมื่อคิดว่าตนเองจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต แค่คิดก็อยากจะร้องไห้แล้ว “ไม่ได้มีเวลาทั้งวัน รีบอาบ” คนหลังต้นใหม่ใหญ่พูดเตือนสติ เธอจึงรีบปัดความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัว แล้วถอดเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวออกจากเรือนร่างอรชร ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาลงไปอาบน้ำในลำธารใหญ่ ระหว่างนั้น ก็แอบเหล่คนที่มาด้วย กลัวว่าเขาจะเป็นพวกถ้ำมอง “ห้ามแอบมองนะคุณ!” ตะโกนขู่ไปหนึ่งที เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีพฤติกรรมอย่างว่า เธอก็รีบกวาดมือถูไถตามเนื้อตัวเนียนนุ่ม เพื่อชำระล้างความเค็มออกจากเรือนร่าง ทว่า! กลับมีบางสิ่งใต้น้ำ เอาหัวมาชนกับบั้นท้ายของเธอ เพนนีหันหลังไปมอง พอสิ่งนั้นโผล่หัวเธอก็ถึงกับกรีดร้อง “กรี๊ดดด! จระเข้” ร่างเปลือยเปล่ารีบกระโจนขึ้นจากน้ำด้วยความเร็วแสง ชายร่างสูงรีบวิ่งเข้ามาหา เธอก็รีบกระโดดเกาะตัวเขาทันทีทันใด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม