“อะไรนะคะ! คุณพ่อติดหนีสามร้อยล้าน!!! ทำไมคะ หรือว่าบริษัทขาดทุน หรือว่า...คุณพ่อติดการพนันคะ!”
เสียงฟ้าลดา ลูกสาวคนสวยของคุณอนันต์ นักธุรกิจวัย 50 ปี เอ่ยขึ้นเสียงดัง เมื่อบิดาโทรเรียกให้เธอบินหลับมาจากอังกฤษ เพื่อที่จะบอกข่าวร้าย ที่เธอเองไม่เคยระแคะระคายเลยสักนิดว่าที่บ้านกำลังมีปัญหา จนกระทั่งวันนี้
“พ่อขอโทษ พ่อก็ไม่รู้จะทำยังไง ช่วยพ่อสักครั้งนะลูกนะ หุ้นที่ลูกมีอยู่ขายมันได้ไหม ถ้าไม่อย่างนั้น บริษัทของเราต้องโดนเทคโอเวอร์ไปแน่”
คุณอนันต์บอกออกมา เพราะตอนนี้บริษัทของเขากำลังมีปัญหาขาดทุนอย่างหนักจนเขาต้องไปขอยืมเงินจากเจ้าพ่อมาเฟียและอีกนัยหนึ่งคือนักธุรกิจหนุ่มมาจนกลายเป็นหนี้สินมากมาย จนมันถึงเวลาต้องชำระแล้วแต่เขาไม่มีเงิน เลยขอร้องให้ลูกสาวขายหุ้นที่เธอได้รับมรดกมาจากคุณตาผู้ล่วงลับเพื่อมาช่วยพยุงฐานะและบริษัทของตนเองไว้ ทำเอาฟ้าลดาถึงกับพูดไม่ออก เพราะหุ้นนั้น เธอแทบไม่เคยไปยุ่งกับมัน ส่วนเงินที่ได้จากการปันผล เธอก็เอาให้มารดาส่วนหนึ่งอีกส่วนเธอเก็บเอาไว้เรียน เพราะตอนนี้เธอเรียนต่อโทอยู่ที่อังกฤษ เหลืออีกแค่เทอมเดียวก็จะจบแล้วด้วย
“แต่หุ้นนั้น ฟ้าได้มาจากคุณตานะคะคุณพ่อ ฟ้าจะขายได้ยังไง แล้วทำไมคุณพ่อไม่ขายบริษัททิ้งไปเลยละคะมันขาดทุนมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ยัยฟ้า บริษัทนี้พ่อสร้างมากับมือ แล้วลูกจะให้พ่อขายมันอย่างนั้นเหรอ! ช่วยพ่อสักครั้งนะ พ่อจะทำให้มันกลับมารุ่งเรื่องเหมือนเดิมให้ได้ นะลูกนะ”
คุณอนันต์ขอร้องออกมาอย่างลืมอาย เมื่ออีกไม่กี่วันถ้าเขาหาเงินมาใช้คืนเจ้าหนี้ไม่ได้ ก็จะโดนยึดบริษัทแล้ว
“คุณพ่อเป็นหนี้ใครคะ เดี๋ยวฟ้าไปพูดกับเขาเอง ขอเลื่อนวันใช้หนี้ออกไปก่อน ฟ้าพอมีเงินเก็บบ้าง เราอาจจะขอแบ่งจ่ายเขาได้ แต่ยังไงฟ้าก็ไม่ยอมขายหุ้นที่คุณตาให้แน่นอนคะ คุณพ่อเลิกคิดไปได้เลย”
“โธ่ ยัยฟ้า... ”
“พอค่ะ บอกฟ้าแค่ว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฟ้าจัดการเอง นะคะ”
ฟ้าลดาบอกออกมาอย่างขอร้อง เพราะเป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่มีวันยอมขายหุ้นของบริษัทที่คุณตาของเธอให้มาแน่นอน เพราะเธอรักและหวงแหนมันเท่าชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่หลังจากที่คุณตาเธอจากไป
เมื่อหาทางออกไม่ได้ คุณอนันต์เลยบอกว่าเจ้าหนี้ที่เขาไปยืมเงินมาลงทุนเป็นใคร ก่อนที่ฟ้าลดาจะเดินขึ้นห้องของเธอไป เพราะเธอพึ่งบินมาถึงเมืองไทยเมื่อชั่วโมงก่อน ยังไม่ได้ขึ้นห้องด้วยซ้ำ บิดาก็เอาข่าวร้ายมาให้เธอรับรู้เสียก่อน
“คุณคิดว่าลูกจะทำได้ไหมคะ ฉันละไม่อยากให้ยัยฟ้าไปยุ่งกับเขาเลยจริงๆ คุณก็รู้ว่าเขาน่ากลัวขนาดไหน”
“เฮ้อ ผมก็จนปัญญาแล้วจริงๆ ผมไม่คิดว่าเงินที่ผมไปกู้มา มันจะมาจากที่นั่น ถ้าผมรู้ผมคงไม่ไปกู้มันมาตั้งแต่แรก ผมขอโทษ”
คุณสุนิสาและคุณอนันต์พากันนั่งหมดหวังอยู่ในห้องรับแขกหลังจากที่ลูกสาวเพียงคนเดียวรับปากว่าจะพยายามช่วย ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนพยายามหาทางออกแทบทุกทาง แม้กระทั่งเอาโฉนดที่บ้านไปเข้าธนาคาร แต่หนี้ที่มีมากเกินไปนั้นก็ยังเหลืออีกตั้งสามร้อยล้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าลดาแต่งตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพราะเธอต้องรีบจัดการเรื่องที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะบินกลับไปเรียนต่อ เพราะเธอกำลังจะจบและช่วงนี้งานก็เยอะเสียด้วย
“จะไปแล้วเหรอลูก เดี๋ยวพ่อพาไป พ่อไม่อยากให้ฟ้าไปคนเดียว ฟ้าเปลี่ยนใจยังทันนะ เขาน่ากลัวกว่าที่ลูกคิด ”
“ไม่เป็นไรคะ คุณพ่อไม่ต้องห่วง ฟ้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด ฟ้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาเอาบริษัทของคุณพ่อไปแน่ เดี๋ยวฟ้าจะรีบกลับมา คุณพ่อสบายใจได้เลยนะคะ”
ยิ่งได้ยินสิ่งที่ลูกสาวพูด คุณอนันต์ยิ่งรู้สึกผิด เขากับภรรยานั้นแทบไม่ได้เลี้ยงดูลูกสาวเพราะทำแต่งาน หญิงสาวเลยต้องอยู่กับผู้เป็นตาและยายจนกระทั่งทั้งสองจากลาโลกนี้ไปด้วยโรคชรา นั่นแหละฟ้าลดาถึงยอมย้ายเข้ามาอยู่กับเขาและภรรยา
แต่ตอนนี้เขาดันเอาปัญหาของตนเองมาลงไว้ที่ลูกสาว ซึ่งเขาก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไงแล้วเหมือนกัน มันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เขายอมทำ
ฟ้าลดาขับรถออกจากบ้านมาด้วยจิตใจแน่วแน่ ยังไงเธอต้องเจรจาให้สำเร็จ เธอว่าจะขอแบ่งจ่ายเขาเป็นงวดๆเอา หญิงสาวขับรถจนกระทั่งถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ที่มีกำแพงสูงลิบมองแทบไม่เห็นข้างในเลยด้วยซ้ำนั้นอย่างตื่นเต้น
“ตั้งสติฟ้าลดา เราต้องทำได้”
พอพูดจบ หญิงสาวก็ตัดสินใจเดินลงไปกดออดหน้าบ้านหลังใหญ่ แล้วยืนรออยู่สักพัก ก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สองคนเดินออกมา
“มาหาใคร”
เสียงห้าวใหญ่ถามขึ้น
“อะเอ่อ ฉันมาหา คุณอเล็กซิส”
“มีธุระอะไร”
เมื่อเห็นสองคนตรงหน้า ฟ้าลดาแทบพูดอะไรไม่ออก ยิ่งพอได้ยินคำถามห้วนๆเธอยิ่งอยากเดินกลับขึ้นรถเสียเดี๋ยวนี้
“ฉะ...ฉันเป็นลูกของคุณอนันต์ อะเอ่อ ที่ติดหนีคุณอเล็กซิสอยู่... ”
“อืม เข้าใจแล้ว เชิญ นายรออยู่”
หญิงสาวยังพูดไม่จบ ชายร่างใหญ่ตรงหน้าก็บอกออกมาก่อน ทำเอาเธอถึงกับงง แต่ก็ยอมเดินกลับไปขับรถเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ที่ข้างนอกว่าใหญ่แล้ว พอเข้ามาข้างใน ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก แค่เฉพาะทางเข้าก็ยาวเกือบๆห้าร้อยเมตรแล้ว หญิงสาวเดินลงจากรถอย่างงงๆที่เห็นมีคนเดินกระจายเต็มบริเวณบ้านไปหมด
“ยังกับมาเฟีย เฮ้อ คิดถูกคิดผิดเนี่ยที่นัดมาเจอที่บ้านของเขา”
ฟ้าลดาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะเข้าไปข้างในดีหรือไม่ เมื่อวานเธอโทรมาขอนัดพบเขา และคนที่รับสายบอกว่าพรุ่งนี้เขาไม่เข้าบริษัท เธอจึงขอพบเขาที่บ้านแทน ซึ่งก็กว่าจะได้ เธอต้องขอร้องคนปลายสายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“สวัสดีครับ คุณฟ้าลดาใช่ไหมครับ เชิญครับ นายรออยู่”
หญิงสาวที่กำลังมองสำรวจรอบๆบ้านอย่างแปลกใจต้องสะดุ้งออกมา เมื่ออยู่ดีๆก็มีผู้ชายชุดดำเดินเข้ามาหาแล้วพาเธอเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ที่ภายนอกคนเดินพลุกพล่านก็จริง แต่ภายในกลับดูเงียบสงบจนได้ยินเสียงเดินของเธอและคนตรงหน้าอย่างชัดเจน
ทำไมมันดูวังเวงน่ากลัวขนาดนี้เนี่ย กลับก่อนดีไหม รู้อย่างนี้ให้คุณพ่อมาด้วยก็ดี
ฟ้าลดาคิดออกมาในใจ ก่อนที่ผู้ชายคนที่พาเธอเดินเข้ามา จะมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง ห้องหนึ่ง
“นายรออยู่ข้างใน เชิญครับ”
เขาบอกออกมา ก่อนที่จะเดินเลี่ยงจากไป ทำเอาฟ้าลดาถึงกับงง เพราะคนที่นี่ดูแปลกๆ พูดน้อยเหมือนไม่อยากต้อนรับยังไงไม่รู้ จากนั้นหญิงสาวก็เคาะประตู แล้วเปิดเข้าไปข้างในช้าๆ
“เอ่อ ขอโทษนะคะ อ่าว ไม่มีคนอยู่ พามาผิดห้องรึเปล่าเนี่ย ฮึ่ย! ”
“ไม่ผิดหรอก ถ้าคุณจะสังเกตให้มากกว่านี้”
เสียงทุ้มห้าวบอกออกมา เมื่อได้ยินเสียงของคนที่เดินเข้ามา ทำเอาฟ้าลดาถึงกับหันหลังกลับไปมองอย่างรวดเร็ว และภาพตรงหน้าคือ ชายหนุ่มรูปงาม กำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาตัวใหญ่เหมือนกับว่าเขากำลังนอนหลับ ทั้งๆที่มันไม่จริงเลยสักนิด
“เอ่อ ฉันขอโทษค่ะ พอดีว่า... ”
“ไม่ต้องอธิบายหรอก ผมขี้เกียจฟัง เชิญนั่งสิ”
เสียงของคนที่นอนอยู่เมื่อกี้บอกออกมาก่อนที่ตัวเขาจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ส่วนฟ้าลดาก็เดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ ด้วยบุคลิกน้ำเสียงของเขาหญิงสาวเลยอดกลัวออกมาไม่ได้ เพราะมันผิดกับหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาเหลือเกิน