หลังจากจูบกันแล้วดอกรักก็รู้สึกว่าคนข้างตัวจะอารมณ์ดีขึ้นทันตา รถยนต์แล่นมายังหอพักที่เดิม จะแตกต่างก็ตรงที่พยัคฆ์ขับมันเข้ามาถึงที่จอดรถใต้อาคาร
“พรุ่งนี้ฉันไม่มีเรียน”
“ค่ะ คะ ?” ดอกรักตอบรับงุนงงเพราะไม่รู้ว่าการที่เขาไม่มีเรียนแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ
“อ่อ งั้นเดี๋ยวรักไปเรียนเองค่ะ” เธอตอบไปอย่างนั้นเพราะคิดว่าเมื่อพยัคฆ์ไม่มีเรียนก็อาจจะไม่ได้มารับเธอ ซึ่งดอกรักไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เหมือนว่าคำตอบของเธอจะไม่เป็นที่พึงใจของอีกคนเสียเท่าไหร่
“ฉันไปรอรับเธอตั้งดึกดื่น จะใจดำให้ฉันขับรถกลับตอนนี้เนี่ยนะ”
“ไม่ใช่นะคะ”
“ก็ดี”
ไม่รอให้ดอกรักพูดอะไรต่อ ขายาวก็เดินนำขึ้นหอพักราวกับตนเป็นเจ้าของ โดยที่ดอกรักได้แต่เอือมระอากับนิสัยพูดเองเออเองของคนตัวสูง
เมื่อถึงห้องตาคมก็มองสำรวจไปทุกทิศทาง ห้องขนาดเล็กที่ทั้งห้องมีเพียงตู้เสื้อผ้า เตียงนอน และพัดลมติดผนังตัวหนึ่งที่ทางหอพักมีให้อยู่แล้วเท่านั้น
เมื่ออีกคนเข้ามาเจ้าของห้องก็ให้การต้อนรับด้วยการหาน้ำมาให้ดื่ม เพราะหอพักของตนไม่มีลิฟต์และทั้งสองต้องเดินบันไดขึ้นมาถึงชั้นสี่
สำหรับดอกรักที่เดินประจำทุกวันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ดูจากเม็ดเหงื่อที่ผุดซึมตามใบหน้าคมคายนั่นคาดว่าอีกคนคงจะเหนื่อยหรือไม่ก็ร้อนอยู่พอสมควร
“พี่เสืออาบน้ำก่อนไหมคะ” ดอกรักถามขึ้นหลังจากที่อีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดขวดในรวดเดียว
“เธออาบก่อนเลย”
“ค่ะ” มือขาวหยิบชุดนอนตัวเก่งพร้อมกับผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ผ่านไปไม่กี่นาทีดอกรักก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างสบายตัว ก่อนจะหาเสื้อสักตัวเพื่อให้พยัคฆ์ใส่เข้านอนในค่ำคืนนี้
“นี่ค่ะ ใหญ่สุดแล้ว” เสื้อโอเวอร์ไซซ์ตัวใหญ่ถูกหยิบยื่นให้คนตัวสูง ส่วนท่อนล่างนั้นพยัคฆ์คงต้องใส่กางเกงตัวเดิมไปก่อนเพราะไม่มีกางเกงตัวไหนที่เขาจะพอใส่ได้
“กางเกงล่ะ”
“ไม่มีหรอก ใส่ตัวเดิมไปเลย”
“ไม่ใช่ว่าเธออยากให้ฉันเปลือยเหรอ”
“ไม่ใช่สักหน่อย ไปอาบน้ำเลยนะ”
“ฮ่า ๆ ๆ”
พยัคฆ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำห้องเล็ก ดอกรักมองตามไปจนประตูพลาสติกปิดลง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงถึงมาค้างที่นี่ ทั้งที่ทั้งวันก็หายตัวไปไม่ติดต่อกลับมาสักครั้ง
ก่อนหน้านี้ดอกรักคิดว่าเรื่องระหว่างเราอาจจะต้องจบลงแล้วด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากพยัคฆ์อยากจะตัดความสัมพันธ์เธอก็คงทำอะไรไม่ได้
แต่เมื่อเขามาหากันอย่างนี้ดอกรักก็อดดีใจไม่ได้และเธอไม่ได้คิดหาเหตุผลที่เขาหายไปด้วยซ้ำ
เวลาผ่านไปกว่าห้านาทีร่างสูงใหญ่ก็ออกมาจากห้องน้ำในสภาพเส้นผมเปียกโชก แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นเสื้อยืดสีชมพูสดตัวใหญ่ที่ไม่เข้ากับใบหน้าคมคายนั่นสักนิด
“ขำอะไรของเธอ”
“เปล่าค่ะ”
ดอกรักพยายามกลั้นขำก่อนจะขยับก้นเล็กน้อยให้พยัคฆ์ทรุดตัวลงนั่งข้างกันแล้วเอาตัวเองไปอยู่ด้านหลังพร้อมใช้ผ้าขนหนูซับเบา ๆ ไปทั่วเส้นผมสีดำสนิท ส่วนพยัคฆ์ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำโดยไม่ขัดขืน
กินเวลาหลายนาทีกว่าเส้นผมสีดำจะแห้ง แต่เพราะพรุ่งนี้ดอกรักมีเรียนในช่วงบ่ายจึงไม่ได้รีบร้อนมากนัก
“พี่จะทำอะไร” ดอกรักถามเสียงดังเมื่อในตอนที่กำลังจะล้มตัวนอนอีกคนดันถอดเสื้อยืดออกต่อหน้าต่อตา !
“ฉันร้อน”
“พี่กลับไปนอนที่ห้องตัวเองดีไหม” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเพราะห้องของเธอไม่มีเครื่องปรับอากาศ จะมีก็แต่พัดลมตัวเดียวที่กำลังทำงาน และคาดว่ามันคงไม่ได้ทำให้อากาศรอบตัวเย็นกว่าที่เป็นอยู่เท่าไหร่นัก
“ไม่เอา”
“อ๊ะ-” ไม่พูดเปล่า แขนแกร่งรวบตัวนิ่มเข้ามาใกล้ชิดจนใบหน้าเล็กจมเข้ากับอกแข็ง ไหนจะเสียงเข้ม ๆ ที่กระซิบข้างหูนั่นอีก ก่อนที่พยัคฆ์จะใช้ปลายคางวางที่ศีรษะกลม
“ฉันนอนได้”
“อะ…อื้อ” ดอกรักผงกหัวหงึกหงัก แต่ถึงอย่างนั้นอีกคนก็ไม่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระจนร่างบางออกแรงดิ้นเล็กน้อย และยิ่งดอกรักขยับตัวมากเท่าไหร่อ้อมแขนแกร่งก็ยิ่งกอดรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
“อย่าดิ้น เดี๋ยวเธอไม่ได้แค่นอน”
เมื่อสิ้นเสียงร่างเล็กก็สงบนิ่ง ทั้งสองนอนเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไร และเพราะความเหนื่อยล้าที่เผชิญมาทั้งวันทำให้ดอกรักหลับลงไปอย่าง่ายดาย ปล่อยให้เพื่อนร่วมเตียงจ้องมองใบหน้าสวยอยู่อย่างนั้น
ปากหยักจุมพิตที่หน้าผากใสเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน...
...
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ต่อจากวันนั้นดอกรักไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพยัคฆ์จะมาพักอาศัยอยู่ที่ห้องของเธอ อย่างเช่นวันนี้ที่ดอกรักตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของอีกคน
“รีบไปไหน วันนี้เธอไม่มีเรียนนี่”
“แต่วันนี้รักมีงานที่คาเฟค่ะ” เสียงหวานตอบรีบร้อนเพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานแล้ว
เธอทำงานที่คาเฟแห่งนี้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ โดยดอกรักจะทำงานตลอดทั้งวัน ก่อนหน้านี้ในวันธรรมดาเธอจะทำงานที่ร้านอาหาร แต่เมื่อร้านนั่นปิดกิจการไปดอกรักก็มีเปลี่ยนไปทำงานที่ร้านเหล้าแต่ก็เป็นการทำเพียงชั่วครู่ และอีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดเวลาแล้ว ทำให้ดอกรักต้องมาหางานพิเศษเพิ่มอีก
ทว่าเมื่อคิดว่าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะต้องสอบมิดเทอมเธอก็คิดหนัก แม้ว่าวิชาเรียนปีหนึ่งจะยังไม่ได้เยอะมาก แต่เธออยากทำเกรดให้ได้สูงไว้ก่อนเพื่อการพิจารณาการให้ทุนการศึกษาในปีต่อไป
“เดี๋ยวก่อน” เสียงเข้มของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงเรียกขัดก่อนที่จะได้ออกจากห้อง
“คะ ?”
“มาทำงานกับฉัน”
“งาน ?”
“อื้ม มาทำความสะอาดห้องฉัน ฉันจะได้ไม่ต้องจ้างแม่บ้านบ่อย ๆ” เมื่อเห็นดอกรักยังเงียบคนตัวใหญ่ก็พูดต่ออีก
“เดี๋ยวก็จะสอบแล้ว ไม่กลัวเกรดตกหรือไง อีกอย่างปีสองเรียนหนักกว่านี้เยอะนะ เธอหาเงินไว้ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ” คนเจ้าเล่ห์ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดเกลี้ยกล่อมคนตัวเล็ก ส่วนเหตุผลจริงๆ คือเขาไม่อยากเห็นคนตัวเท่ากระเปี๊ยกวิ่งงานเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้
“เดี๋ยวจะคิดดูค่ะ อะ !” ดอกรักตอบไปอย่างนั้นก่อน แต่ถ้ายังไม่ได้คำตอบที่ต้องการมีหรือเขาจะปล่อยเธอไป
“อะไรคะ รักต้องรีบไปทำงานนะ”
“อยากไปก็ตอบตกลงก่อน”
“...”
“ถ้างั้นก็อยู่กันแบบนี้แหละ” ไม่พูดเปล่าพยัคฆ์ยังใช้สองแขนกอดรั้งเอวบางให้แนบชิดจนทั้งสองสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากร่างกายของกันและกัน
จุ๊บ !
“อื้อ~”
และเป็นพยัคฆ์ที่ทนไม่ไหว ปากหยักประกบเข้าที่ริมฝีปากสีระเรื่อของอีกคน
“พอแล้ว อื้อ”
ริมฝีปากร้อนแผ่ความอบอุ่นไปถึงดวงใจดวงน้อย ดอกรักกำลังจะเคลิ้มแต่เมื่อคิดว่าต้องรีบออกไปทำงานจึงผละออกจากอ้อมแขนแกร่งอย่างอ้อยอิ่ง
พยัคฆ์ที่เห็นใบหน้าแดงก่ำก็ยิ่งอยากแกล้ง เขาปล่อยให้ดอกรักหอบหายใจไม่กี่นาทีก่อนจะรั้งใบหน้าเนียนเข้ามาแนบชิดอีกรอบ จนมือเล็กต้องรีบยกขึ้นมาปิดริมฝีปากบวมเจ่อของตัวเอง
“พอแล้วค่ะ ปล่อยเลย”
“ตอบตกลงก่อนสิแล้วฉันจะปล่อย”
“รักขอคิด-” พูดไม่ทันจะจบประโยคอ้อมแขนนี่ก็รัดแน่นขึ้นไปอีก ไหนจะใบหน้าคมคายที่ทำท่าจะโน้มลงมาสานต่อเรื่องเมื่อกี้
“ค่ะ ๆ ทำค่ะทำ”
ดอกรักตอบเร็วรี่เพราะดูท่าแล้ววันนี้พยัคฆ์คงจะไม่ยอมปล่อยเธอไปจนกว่าจะได้คำตอบที่ต้องการเป็นแน่
ฟอด
เมื่อได้คำตอบพึงพอใจแล้วปากหยักก็ก้มลงฟอดแก้มขาวฟอดใหญ่
“ปล่อยเลย คนขี้โกง” ดอกรักผลักร่างตรงหน้าออกด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิด แต่ถึงอย่างนั้นพยัคฆ์ก็ยอมถอยอย่างง่ายดายเพราะวันนี้เขาแกล้งคนตรงหน้าไปมากแล้ว มือใหญ่คว้ากุญแจรถก่อนจะจับมือเล็กให้เดินตาม
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคาเฟย่านการค้าที่เธอทำงานอยู่ เพราะวันนี้เธอมาสายทำให้ไม่ต้องจัดเตรียมเครื่องมืออะไรเพราะมีคนทำไปก่อนแล้ว
ดอกรักขอโทษขอโพยเพื่อนร่วมงาน โดยไม่ลืมส่งสายตาข่มขวัญไปให้ตัวต้นเรื่องที่นั่งเชิดหน้าเป็นลูกค้าอยู่ที่โต๊ะด้านในสุด
ทั้งที่นึกว่ามาส่งเธอแล้วเขาจะกลับไป ที่ไหนได้ เขากลับหาที่นั่งเพื่อเฝ้ารอเธอจนกว่าจะเลิกงานเหมือนที่ผ่านมาเสียนี่
เวลาที่เธอทำงานร้านเหล้าก็จะมีร่างสูงใหญ่ของพยัคฆ์มานั่งรอตลอดจนกว่าเธอจะเลิกงาน และแน่นอนว่าเขามักจะจงใจเรียกให้เธอมาเสิร์ฟที่โต๊ะเขาคนเดียว
และดอกรักคิดว่าวันนี้ก็คงไม่ต่าง...
และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อร่างคุ้นเคยโต๊ะด้านในสุดโบกไม้โบกมือมาให้เพราะตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าดอกรักจึงเดินเข้าไปหา
“ร้านนี้พี่ต้องไปสั่งที่เคาน์เตอร์เองนะ”
“เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ขี้เกียจเดินเป็นบ้า”
“งั้นก็กลับไปสิคะ” เสียงหวานกระซิบกระซาบเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“เอาสิ ฉันจะเอาเธอกลับไปด้วย”
“ฮะ”
“ถ้างั้นฉันก็ไม่กลับ”
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วที่พยัคฆ์นั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวแม้ว่าที่นั่งในร้านจะมีอยู่น้อยนิด แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะลุกให้ลูกค้าคนอื่น จนเพื่อนร่วมงานต้องมากระซิบขอร้องกับดอกรัก
“คือว่า...คนนั้นเขามากับรักใช่ไหม”
“เอ่อ ค่ะ” ดอกรักตอบแม้ไม่ใจจะอยากปฏิเสธมาก
“คือแบบว่าเขานั่งอยู่นานแล้ว รักช่วย เอ่อ” เพื่อนร่วมงานลำบากใจที่จะพูด แต่ดอกรักรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการบอกอะไร ขาเรียวเดินไปยังโต๊ะที่มีคนหน้ามึนจับจองอยู่
“พี่เสือกลับไปก่อนดีไหม อีกตั้งนานกว่ารักจะเลิกงาน”
“ไม่กลับ”
“แต่ว่า- “
“แต่ถ้าเธอยอมไปนอนห้องฉันคืนนี้ ก็ไม่แน่”
“...”
“คิดเอานะดอกรัก ฉันสามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้จนกว่าเธอจะเลิกงานได้สบาย”
พนักงานตัวน้อยอึกอักเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะยื่นข้อเสนอนี้ให้ตน แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็เจอเพื่อนร่วมงานสามชีวิตส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ เพราะถ้าหากพยัคฆ์ยังนั่งต่อไปมีหวังพวกเขาทั้งหมดโดนผู้จัดการและลูกค้าคนอื่นต่อว่าเป็นแน่
“ค่ะ ก็ได้ค่ะ”
“ก็แค่นั้น” เมื่อได้รับคำตอบพอใจเป็นครั้งที่สองของวัน พยัคฆ์ก็ยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ดอกรักถอนหายใจเสียงดังก่อนจะเดินกลับมายังเคาน์เตอร์และทำงานของตัวเองไปตลอดทั้งวัน จนกระทั่งถึงเวลาปิดร้านเธอก็เดินมาหาร่างสูงที่ยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้ว
“เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ทางไปห้องรักนะ”
“เธอบอกจะไปนอนห้องฉัน จะไม่รักษาคำพูดหรือไง”
“เปล่าสักหน่อย แต่ว่ารักไม่มีเสื้อผ้า”
“ฉันเตรียมไว้แล้ว” พยัคฆ์พูดพร้อมกับมองไปด้านหลัง และเมื่อเธอมองตามก็พบกับกระเป๋าใบใหญ่ที่อีกฝ่ายถือวิสาสะจัดเตรียมของมาให้ทำเอาเธอหมดคำจะพูด
ไม่มีทางให้เธอรอดแล้วดอกรัก...