บทที่ 1 ตกลง
บนแพลอยน้ำ…
“ แก ” มือของเพื่อนสาวที่นั่งข้างๆ สะกิดให้หันไปมองผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
ใบหน้านิ่งราวกับว่ามีเรื่องทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ควรจะมีความสุข เพราะทุกคนที่อยู่บนแพกำลังโยกย้ายสะโพกไปมา ปากก็พากันร้องเพลงอย่างสนุกสนาน นานๆทีกว่าจะได้เจอกันต่อครั้ง พากันเมาหัวราน้ำไปเลย สนุกกันให้เต็มที่
“ ไปสิ ไปนั่งคุยเลย ” เพื่อนสาวก็ชงเก่งเพราะนางรู้ว่าผู้ชายคนนั้นก็คือคนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่ม.4แล้ว อยู่คนละห้องไม่เป็นอุปสรรคเลย เพราะฉันชอบไปส่องเขาในตอนขออนุญาตคุณครูไปเข้าห้องน้ำ 555+
“ ไม่เอา ไม่กล้าหรอก ” พูดไปสายตาก็จับจ้องร่างสูงนั้นไปด้วย
ในยามที่เป็นปกติก็จะชอบปฏิเสธทุกอย่าง เพราะส่วนตัวยังมีความอายอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เหล้าเข้าปากไปแล้ว จนทำให้เริ่มกรึ่มๆ เมื่อนั้นจะกลายเป็นคนละคนเลย กล้าได้กล้าเสียแถมพูดมากอีกต่างหาก
“ งั้นไปเต้นดีกว่า ไปไหม ”
“ ไม่เอา ”
“ ทำเหมือนว่าพรุ่งนี้โลกจะแตกแล้วแกจะไม่ได้ดูเขาอีกนั้นแหละ ทุกวันคืนก็ส่องเขาทั้งในเฟซบุ๊ก ไอจี ติกต๊อก ยังไม่เบื่อเหรอ? ” นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจะไม่รู้รายละเอียดแบบนี้หรอกนะ
“ ก็คนมันชอบไง ”
“ ชอบแฝดน้องน่าจะดึกว่านะ เปลี่ยนใจเถอะ หน้าก็เหมือนกันนะ ” เพื่อนสาวบุ้ยปากไปทางชายหนุ่มอีกคนที่เต้นเอวพริ้วตามจังหวะเสียงเพลงกลางแพอย่างสนุกสนานเฮฮาอยู่ในตอนนี้
“ ไม่เอา เจ้าชู้จะตาย ” ใครๆ ที่เห็นฝาแฝดคู่นี้ มักจะชอบคนน้อง เพราะเขาเฟรนลี่กับทุกคน เข้าได้กับคนทั่วไป ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา แต่ฉันไม่ชอบแบบนั้น กลับชอบคนพี่ที่ใบหน้าขรึมตลอดเวลา พูดน้อย ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร มันดูแล้วกร้าวใจดี ก็คนมันชอบแบบนี้อะ
“ งั้นฉันไปก่อนนะ จะไปเต้นสักหน่อย ” เพื่อนสาวก็พาตัวเองไปยืนเต้นใกล้หนุ่มๆ
ดูท่าจะมีแค่ฉันกับเขาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่นั่งห่างกันมาก สมัยตอนเรียน ปะทะหน้ากันบ่อยครั้ง แต่ไม่มีเลยสักครั้งที่เขาจะพูดด้วย จนถึงบัดนี้ฉันก็ยังไม่เคยได้พูดกับเขาเลย…
ทางโปร่ง เอาวะ กล้าๆ หน่อย ถ้ามัวแต่อายเมื่อไหร่จะมีผัว นี่อายุไม่นานจะสามสิบแล้วนะ ยังไม่เคยผ่านมือชายเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าหน้าตาไม่ดี แล้วไม่มีใครเอานะ จริงๆน่าตาดีมาก มีหนุ่มๆมาจีบเยอะ แต่ฉันเลือกที่ปฎิเสธทุกคนไปเพราะคนคนเดียวที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนั้นแหละ
ฉันเป็นประเภทที่มุ่งมั่นและตั้งใจ ในเมื่อจะเอาเขาแค่คนเดียวที่เป็นสามีในอนาคต ชีวิตก็จะรอแค่เขา คนอื่นอย่าหวังว่าจะได้ใจฉันไป
ภายในใจก็คิดไปเรื่อยเปื่อย มือก็จับแก้วเหล้ายกซดแก้วแล้วแก้วเล่าจนรู้สึกว่าจะทรงตัวไม่อยู่ ความกล้าในใจมันก็หึมเหิก ยืนขึ้นอย่างเซๆ เดินนวยนาดไปหาเขาแต่…เหมือนจะรู้ เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปทางหลังแพ
จะช้าทำไม ก็ตามไปสิ เหมือนโลกจะหมุน แต่ก็ยังครองสติได้อยู่ เดินโซซัดโซเซไปจนถึฝหลังแพ เป็นที่ลับตาคนมันก็ดี
“ นาย ” เขายืนหันหลังอยู่
“ ว่าไง ” หันกลับมาแล้วเลิกคิ้วสูง มองหน้าฉัน
“ ฉันชอบนาย ” เชิดหน้าเล็กน้อยเพื่อดูว่าเขาจะตอบกลับมาว่าไง
“ ถ้ายอมเป็นของฉัน จะตอบตกลงเป็นแฟนกับเธอทันที ” เขาโน้มเข้ามากระซิบที่หูฉันเบาๆ
ลมหายใจร้อนรดต้นคอ ทำเอาวูบวาม มองหน้าเขานิ่งๆ อย่างสำรวจ และพยายามเพ่งมองด้วย ว่าใช่คนนี้หรือเปล่า ใช่เขาแน่ๆนะ เพราะมันดูแปลกๆ แต่ตอนนั้นที่เพื่อนสาวชี้ให้ดู แฝดคนน้องกำลังเต้นอยู่นะ นี่น่าจะใช่คนพี่แหละ แต่การพูดดูจะหื่นๆ นะ
“ ตกลงไหม ” เขาถามย้ำ
“ คือว่า…ฉันยังไม่เคย…”
“ จริงเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อ ทุกครั้งที่เห็นเธอมา ก็มักจะแต่งตัวแซ่บตลอด ”
“ ฉันก็แต่งตามยุคสมัยไง จะให้แต่งตัวเฉยๆหรือไง แล้วใส่ชุดแบบนี้มันบ่งบอกว่าผ่านมาเยอะเหรอ? ”
“ ก็ใช่! ” เขาตอบพร้อมสำรวจเรือนร่างของฉัน
“ … ” พูดไม่ออก เลยนิ่งไป
“ ตกลงไหม? ” เขาเหมือนจะหมกมุ่น
“ ที่ตรงนี้เหรอ ” ไม่เห็นคนพลุกพล่านก็จริงแต่ถ้าเกิดเพื่อนๆ มาเห็นคงต้องอายแทบแทรกแผ่นดินแน่ ถ้ามามีอะไรกันตรงนี้
“ หมายความว่าตกลงสินะ ” เขายกยิ้มที่มุมปากทันที
“ ยัง ขอถามก่อนว่านายคือ จอมทัพใช่ไหม…หรือจอมพล... ” เพื่อความแน่ใจก่อนจะได้ไม่ผิดตัว
“ แล้วเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ ”
“ ไม่รู้ มองไม่ออก ”
“ สรุปว่าชอบฉันจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ” มันสองจิตสองใจ เพราะได้คุยกันครั้งแรก ไม่ว่าจะแฝดพี่หรือแฝดน้อง ฉันไม่เคยไปคุยกับพวกเขาเลยสักครั้ง
“ อืม ชอบมากๆ ” แต่สุดท้ายก็ยอมพูดความในใจออกไป เพราะมั่นใจ80%ว่าคนนี้คือคนที่แอบชอบมานาน และคิดว่าที่เขาพูดมากผิดวิสัยก็อาจจะเกิดจากน้ำเหล้า ก็เหมือนฉันไง ถ้าไม่เมาจะพูดน้อย ไม่กล้าจะทำอะไรแบบนี้ เพราะความอาย แต่ถ้าเมาก็จะเป็นแบบนี้ มีความกล้า จะทำอะไรก็กล้าทำไปหมด
“ งั้นตกลงสิ ” เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ก็อยากรู้แหละ ว่ามันจะเป็นเหมือนคำที่ร่ำลือหรือเปล่า ถ้าปล่อยให้นานกว่านี้หยักใยคงได้ทำรังกันบ้าง
❤️_________❤️
นามปากกาธัญญวรินทร์