“อีกสิบสองชั่วโมงค่อยทานอีกหนึ่งเม็ด หนูจำได้ใช่ไหม” มะปรางพยักหน้ารับ เตชินขับรถมาส่งถึงที่หน้าบ้านแล้วแต่เธอกลับยังไม่กล้าลงไป เด็กสาวตัวแสบของเขาในวันนี้ดูจะสูญเสียความมั่นใจเอามาก ๆ เตชินจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอเบา ๆ “เด็กดีครับ ไม่คิดมากนะ”
“หนูกลัว อึก!”
“ไม่ต้องกลัวนะ เฮียจะมองหนูอยู่ตรงนี้” เตชินปลอบใจเธอแล้วหยิบซองเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาทให้กับมะปราง “พี่เรย์ฝากมาให้”
“...” มะปรางยกมือไหว้พร้อมรับซองเงินที่เธอควรจะได้อยู่แล้วมากอดไว้
“อย่าไปทำตามยัยแสบนั่นอีก แล้วก็ห้ามกินเหล้าจนเมาไม่ได้สติกับคนแปลกหน้า”
“ก็พี่เรย์ท้าหนูแก้วละพัน” เธอตอบโต้พร้อมเก็บเงินไว้ในกระเป๋าสะพายของตัวเอง เตชินมองคนข้าง ๆ พลางยิ้มละไมเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มมีอาการที่ดีขึ้น สำหรับเขาตอนนี้ สภาพจิตใจของเธอสำคัญที่สุด
“มากอดหน่อย”
“หืม?” มะปรางเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางทำสีหน้าเชิงคำถาม เมื่อเห็นว่าเตชินอ้าแขนออกกว้างเพื่อรอรับกอดจากเธอ
“มาให้เฮียกอดหน่อยนะเด็กดี” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มะปรางยิ้มแป้นก่อนจะโถมเข้าไปสวมกอดเขาอย่างไม่ลังเล “ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่า”
“ยังเจ็บไปทั้งร่างเลย แต่ว่าตรงนี้หายเจ็บแล้ว” เธอพูดแล้วกุมไปที่อกข้างซ้ายของตัวเอง เพราะมีเตชินอยู่เคียงข้างมันทำให้เธออบอุ่นหัวใจ
“มีอะไรไม่สบายใจ หนูต้องบอกเฮียคนแรกนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เข้าใจไหม” มะปรางพยักหน้าให้ก่อนจะหลับตาปริ่มเมื่อเตชินโน้มใบหน้าไปจูบที่หน้าผากมนของเธออย่างละไม
“เฮียเป็นของหนูแล้วนะ หนูต้องรับผิดชอบเฮียนะครับ” เตชินกระซิบพูดกับเด็กสาวในอ้อมกอดอย่างหยอกล้อ หวังให้เธอยิ้มออกมาได้บ้าง แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคือกำปั้นหนัก ๆ จากเธอ “โอ๊ย! เฮียเจ็บนะ”
“หนูซีเรียส!” แม้จะพูดออกมาเสียงแข็ง แต่ใบหน้าของเธอกลับร้อนเห่อ แก้มที่เคยขาวผ่องค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หัวใจดวงน้อยมันเต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่
“เฮียล้อเล่น”
“หนูไม่ตลกนะ ไม่กอดกับเฮียแล้ว” มะปรางผละตัวออกจากชายหนุ่มแล้วหันหน้ามองไปทางอื่นกลบเกลื่อนอาการเขินอาย ก่อนจะลงจากรถยนต์ไป โดยที่มีเตชินคอยเฝ้ามองตามอย่างไม่ละสายตา
เธอเดินเข้าไปภายในบ้านเพียงไม่นานก็วิ่งแตกตื่นออกมา โดยที่มีคนเป็นแม่ถือไม่เรียววิ่งตาม
“แม่! แม่ฟังปรางก่อน!”
“ทำไมกลับมาดึกดื่นป่านนี้ ไปเถลไถลที่ไหนมา”
“เถลไถลที่ไหนกันแม่”
“ไหนเงินค่าครู”
คาริสากับเรติกาโทรไปโกหกคำโตกับแม่มะลิว่าพวกเธอได้พาตัวมะปรางไปขึ้นสังเวียนมวย โดยมีค่าครูให้ แต่มะปรางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จึงให้มะปรางพักผ่อนอยู่ที่ค่ายมวยหนึ่งคืน พรุ่งนี้จะพาไปส่งที่บ้าน แม่มะลิก็สบายใจขึ้นมาบ้าง เพราะคิดว่าลูกสาวคงเที่ยวหาเงินไปเรื่อย แต่เมื่อเห็นว่ามะปรางกลับมาดึกดื่นป่านนี้ก็คิดว่าลูกสาวเที่ยวเถลไถลกับเงินที่เพิ่งหามาได้อีกตามเคย
“นี่จ้ะแม่ ปรางให้แม่หมดเลยนะ” มะปรางหยิบซองเงินจากกระเป๋าสะพายที่เพิ่งได้มาจากเรติกาให้กับคนเป็นแม่
“...” แม่มะลิถึงกับตาลุกวาวเมื่อเห็นจำนวนเงินมากมายอยู่ในซองสีน้ำตาล
“ปรางล้ามาก ก็เลยหลับจนถึงเย็นเลย” มะปรางเดินเข้าไปสวมกอดแม่มะลิตามประสา ครั้งนี้เธอต้องโกหกคนเป็นแม่อย่างไม่น่าให้อภัย
“แล้วไหนใครมาส่งล่ะ”
“เขากลับไปแล้วแม่ เราเข้าบ้านกันดีกว่านะ ปรางมีเรื่องจะเล่าให้แม่ฟังเยอะแยะเลย”
เตชินที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแอบยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมะปรางก็เอาตัวรอดให้กับตัวเองได้เสมอ
ครืด! ครืด!
“ว่าไงหมวด” ประโยคบอกเล่าจากปลายสายทำให้เตชินตกใจเป็นอย่างมาก “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่กดวางสายเตชินก็กระชากรถออกไปจากหน้าบ้านของมะปรางอย่างไม่รอช้า
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผู้หญิงคนนี้บอกว่าสามีตัวเองมีอาการคลุ้มคลั่งหลังจากที่กินยาแก้แพ้นี้เข้าไป มันจะเป็นไปได้เหรอครับอาการมันอย่างกับคนหลอนย***า” ผู้หมวดพูดพร้อมหยิบซองยาจำนวนมากมายให้เตชินดู
“ช่วยฉันด้วยนะคะผู้กอง ผัวของฉันเป็นคนดี เขาไม่เคยมีประวัติเสพยาเสพติดมาก่อน หลังจากที่กินยานี้เข้าไปเขาก็ไล่ทุบตีฉันกับลูก แถมยังทุบรถที่ตัวเองรักอีก”
“ยาพวกนี้เอามาจากไหน”
“มีผู้ใหญ่ใจดีเอาข้าวของเครื่องใช้และยาสามัญประจำบ้านมาแจกจ่ายให้กับคนในชุมชน ฉันเพิ่งไปรับมาเมื่อบ่ายวันนี้”
“แม่! ได้กล่องยาพวกนี้มาจากไหน” มะปรางตะโกนถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นกล่องยาสามัญประจำบ้านใหม่เอี่ยมวางอยู่บนโต๊ะอาหาร เหตุการณ์ที่เธอเพิ่งเจอมาทำให้เธอกลัวเป็นอย่างมาก
“มีคนเขาเอาของมาบริจาคเมื่อตอนบ่าย เรียกซะแม่ตกอกตกใจหมดเลยยัยลูกคนนี้”
“แม่ยังไม่กินมันเข้าไปใช่ไหม”
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยจะกินเข้าไปทำไมล่ะ เป็นอะไรไปฮะมะปราง”
“เดี๋ยวก่อนนะแม่ แม่บอกว่ามีคนเอาของพวกนี้มาบริจาคเหรอ แปลว่าคนในชุมชนก็ได้กันหมดเลยสิ”
“เอ้า! ก็ต้องได้กันหมดทุกคนสิ”
“ฉิบหายแล้ว! ยาเสพติดชนิดใหม่กำลังระบาด”
“ว่าไงนะ ยาเสพติดอะไร?”
“แม่... ปรางไปบ้านผู้ใหญ่ผินก่อนนะ แม่รอปรางอยู่ที่นี่นะอย่าออกไปไหน แล้วก็อย่าแตะต้องกล่องยาตัวนี้ด้วย” มะปรางไม่ได้อธิบายอะไรให้คนเป็นแม่ฟัง นอกจากลุกลี้ลุกลนรีบร้อนจะไปบ้านผู้ใหญ่ผินให้ได้ โดยที่คนเป็นแม่ก็ได้แต่ชะเง้อมองตามลูกสาวยังไม่เข้าใจนัก
“เกิดเรื่องอีกแล้วครับผู้กอง” หมวดอีกคนวิ่งมารายงานเตชิน หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ไปเมื่อสักครู่
“เรื่องอะไรหมวด!”
“มีไอ้หนุ่มคลั่งยา คว้ามีดดาบไล่ฟันชาวบ้าน”
“เตรียมคนของเราให้พร้อม หมวดแว่นดูแลเคสของป้าคนนี้ ส่วนหมวดไปกับผม”
“ครับ”
ผัวะ! อั่ก! หมับ!
เสียงกระทบกระทั่งของผู้คนดังสนั่นและวุ่นวายตามทางเดินรถ ทำให้เตชินกับผู้หมวดที่ล่วงหน้ามาเพื่อดูลาดเลาก่อนถึงกับต้องชะลอรถอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ไอ้หนุ่มคลั่งยาแล้วนะครับ แต่มีการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่เลยคราวนี้”
คนเป็นหมวดพูดขณะที่ชะลอรถเข้ามาตามถนนที่คับแคบและแออัด คนในหมู่บ้านหลากหลายวัยหันมาตีกันเองอย่างไร้สติและบ้าคลั่ง ภาพเหตุการณ์ตรงหน้ามันทั้งรุนแรงและสยดสยองเกินที่จะควบคุมได้
“หมวดเรียกกำลังเสริมด่วน” หมวดที่มากับเตชินพยักหน้ารับ แล้ววอส่งสัญญาณเรียกกำลังเสริมในทันที
“02 ว.15 ว.25 ถนนทางเข้าหมู่บ้านไข่น้ำ เหตุ 200 เปลี่ยน”
คนในชุมชนที่เหลือต่างปิดบ้านปิดช่อง เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงและได้รับอันตรายไปด้วย เด็กเล็กเด็กน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ร้องไห้เพราะว่าหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มันกะจะเอาให้ตายกันทั้งหมู่บ้านเลยหรือไงวะ” เตชินพูดออกมาอย่างหัวเสีย เขายังคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนทำต้องการอะไรกันแน่ “หมวดส่งรายงานเรียกกำลังเสริมจาก สภ. ใกล้เคียงด้วย ที่เราที่เดียวคงเอาไม่อยู่”
“ครับผู้กอง”
‘เทสเสียง... ประกาศด่วน ตอนนี้มีคนในหมู่บ้านบางส่วนเกิดการทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง ห้ามทุกคนยุ่งเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะยาสามัญประจำบ้านที่ได้มาจากการรับบริจาคเด็ดขาด ย้ำอีกครั้ง ห้ามทุกคนยุ่งเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะยาสามัญประจำบ้านที่ได้มาจากการรับบริจาคเด็ดขาด ปิดประตูล็อกบ้านให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง ขอบคุณค่ะ’
มะปรางประกาศเสียงตามสาย ห้ามไม่ให้คนในชุมชนยุ่งเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้และยาสามัญประจำบ้านที่ได้มาจากการรับบริจาคของบ่ายวันนี้ แม้หลายคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่มะปรางพูด แต่ก็ยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี เพราะเหตุการณ์รุนแรงและป่าเถื่อนในวันนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัว และคงจดจำไปอีกนาน
เหตุการณ์วุ่นวายของคนในหมู่บ้าน ทำให้ใครบางคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาใช้คนในชุมชนเป็นหนูทดลองยาตัวใหม่ อีกทั้งยังเป็นการล้างแค้นที่คนในชุมชนเคยรุมประชาทัณฑ์เขาเมื่อครั้งอดีต เขากลับมาเพื่อทำให้ที่นี่ล่มจม
ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังในการจับกุมและมีส่วนทำให้เขาต้องโทษจำคุกเมื่อห้าปีก่อนจะต้องมีจุดจบคือความตาย