จอมือถือสว่างวาบๆ หลายครั้ง ขณะที่กิ่งหลิวกำลังเอาจานชามขึ้นไปวางบนชั้น เธอรีบเช็ดมือให้แห้งแล้วกดไลน์กลุ่มอ่าน
“หลิวแกเอาอะไรเพิ่มไหม พรุ่งนี้ฉันจะมาหา” จากเบญจ์
และ...
“คืนนี้ฉันไม่โทรหาแกแล้วนะหลิว ให้เวลาแกคิดทั้งคืนละกัน แล้วพรุ่งนี้แกเอาคำตอบที่ฉันต้องการให้เบญจ์มันด้วยล่ะ”
เป็นข้อความจากยิหวา กิ่งหลิวส่งสติกเกอร์จูบส่งให้เพื่อนทั้งสองคนแล้วนิ่งคิด
...นี่แสดงว่าเพื่อนสองคนนั้นคุยกันแล้ว และตกลงว่ากันตามนี้ว่า เธอจะต้องหาคำตอบให้ได้ภายในคืนนี้
แล้วเช้าวันอาทิตย์นั้นก็มาถึง กิ่งหลิวยืนยิ้มแต้รอเพื่อนอยู่ที่หน้าประตูบ้านอันมีซุ้มดอกไม้สวยเตะตาอยู่รายรอบ ใครจะไปเชื่อว่า แท้จริงแล้วภายในรั้วบ้านที่มีซุ้มดอกไม้แสนงามนี้ ผู้คนในบ้านต่างหาความสุขสงบไม่ได้เลย
“ไฮ้... โดโม”
กิ่งหลิวยื่นมือสองข้างไปรับของฝากอันเป็นถุงใบใหญ่สองถุง ที่เบญจ์หิ้วมาจากกระโปรงท้ายรถแล้วยื่นส่งให้ตรงหน้าด้วยความยินดีปรีดา
เธอรับสองถุงอันหนาหนักนั้นมาถือไว้ แล้วโค้งคำนับเพื่อนอย่างงามพร้อมเปล่งเสียงขอบคุณด้วยภาษาญี่ปุ่น
“แหม ญี่ปุ่นเนียนเลยนะย่ะ ...สองถุงใหญ่นั่นของเซมิ แล้วนี่ของแก เอ้า ถุงนี้”
คนยื่นของให้ยิ้มแต้เมื่อเห็นท่าทีของคนรับเช่นนั้น แล้วก็ยื่นถุงกระดาษใบย่อมส่งให้คนรับอีกถุงหนึ่งจากเบาะรถข้างหน้า
“โดโม อาริงาโตะ”
กิ่งหลิวโค้งศรีษะและกล่าวขอบคุณล้อเพื่อนด้วยเสียงอันดังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกครั้ง
...ในถุงนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นขนมและของกินเล่นหลากชนิดที่เธอโปรดปราน เบญจ์รู้ดีว่าเพื่อนชอบกินอะไร แบบไหน ดังนั้นก่อนจะมาที่นี่ เธอจึงไปตระเวนซื้อของฝากพวกนี้ มาจากร้านเบเกอรี่หลายที่หลายแห่งด้วยกัน
ส่วนกิ่งหลิวก็รีบวางถุงใหญ่สองถุงนั้นลงกับพื้น แล้วรับถุงใบย่อมนั้นมาถือไว้ในมือ ลนลานเปิดปากถุงกระดาษใบนั้นออก แล้วจ้องดูของในนั้นด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับเหมือนเด็ก...
เมื่อเห็นของกินข้างในเป็นของที่ชอบดังใจคิดแล้วเธอก็ทำตาโต ยิ้มกว้าง ...โค้งให้เพื่อน โค้งแล้วโค้งอีก
“โดโม อาริงาโตะ”
เบญจ์ยืนมองเพื่อนโค้งคำนับ และเปล่งวาจาขอบคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกครั้งแล้วก็ยิ้มขัน
“ขยันโค้งจริง ใกล้ได้เป็นสาวญี่ปุ่นเต็มทีแล้วแก ดีๆ ซ้อมบ่อยๆ ไปอยู่โน่นจะได้คล่องๆ”
เบญจ์ชมเปาะ พลางตบไหล่เพืี่อน
“ใช่ไหมล่ะ เป็นบุญคุณซีรี่ส์ญี่ปุ่นนับร้อยนับพันเรื่องที่หว่าหวามันบังคับเคี่ยวเข็ญให้ฉันดูเป็นเพื่อนมันทุกวันทุกคืนจริงๆ ฉันเป้ะไหมล่ะ เพราะคนญี่ปุ่นจริงๆ เขาต้องโต้งแล้วโค้งอีกอย่างนี้เลยนี้เลยนะเว้ย โค้งจนคนเอาของมาให้หายลับไปจากสายตาก็ยังโค้งอยู่ เออ ไม่นึกเลยว่ามันจะได้ใช้ประโยชน์จริงตอนนี้ ถึงไม่ได้ไปญี่ปุ่น อย่างน้อยฉันก็เคยได้ใช้หากิน ได้พาคนญี่ปุ่นเที่ยวเมืองไทยไปหลายกรุ๊ป ...ว่าไหม”
เบญจ์ยิ้มกว้างกว่าเดิม ผงกศรีษะให้เพื่อนแล้วเออออตาม
“ใช่ ต่อไปแกก็จะได้ใช้จริงล่ะ ตอนที่ไปอยู่ที่โน่นแล้วไง”
“อือฮึ ก็หวังว่า...อ่ะนะ”
กิ่งหลิวตอบอ้อมแอ้มแล้วหันไปสนใจคุ้ยเขี่ยดูขนมในถุงนั้นแทน...
เบญจ์มองเข้าไปในบ้านแล้วรู้สึกยินดี จริงอย่างที่กิ่งหลิวบอกว่าวันนี้ที่บ้านปลอดคน บรรยากาศเหมาะสำหรับการเมาท์มอยได้เต็มที่
วันนี้ที่บ้านนี้เงียบสงบ เพราะวิมลกับลูกสาวชวนกันออกจากบ้านไปแต่เช้า ซึ่งทุกวันอาทิตย์ คนที่บ้านนี้มักจะเป็นแบบนี้เสมอ แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมาการเลิศก็ไม่กลับบ้าน
คนในบ้านนี้ ต่างคนก็คงต่างคิดว่าวันหยุดเช่นนี้น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง หลังจากที่คนเหม็นขี้หน้ากัน แต่จำต้องทนอยู่บ้านเดียวกัน เห็นหน้าอันเหม็นเบืี่อกันมาทั้งสัปดาห์แล้ว
แล้วสำหรับกิ่งหลิวแล้ว การได้ครอบครองความสงบเพียงลำพัง การได้อยู่บ้านคนเดียวเช่นนี้ถือว่าเป็นสรวงสวรรค์
...เมื่อวานนี้ เมื่อเบญจ์บอกว่าจะมาหา กิ่งหลิวเลยนัดเพื่อนให้มาหาที่บ้านเลย เพื่อจะได้มาเล่นกับเซมิด้วย แทนที่จะออกไปเจอกันที่ข้างนอกเหมือนเคย
ขณะนี้ หญิงสาวทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าบ้าน ซึ่งมีรถของเบญจ์จอดชิดอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน ที่มีซุ้มไม้เลื้อยขึ้นคลุมทั้งโครงประตู มีทั้งเถากอของดอกบานบุรีและดอกเล็บมือนาง
การเลิศเป็นคนปลูกไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างบ้าน เขาออกแบบข้างประตูบ้าน โดยทำโครงร้านไว้ทั้งสองด้าน เพืี่อให้เถาไม้เลื้อยนี้ยึดเกาะแล้วเกี่ยวกันจนแน่นจนเป็นซุ้มประตูดอกไม้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ด้านหนึ่งเป็นเถาบานบุรีกำลังออกดอกเหลืองอร่าม สว่างไสวงามละออ และอีกด้านหนึ่งเป็นเถาดอกเล็บมือนาง ที่มีพวงดอกสีแดงสีขาวกระจุ๋มกระจิ๋มดาษดาน่ารัก ซึ่งมักส่งกลิ่นหอมกรุ่นในเวลาดึก ไม้เลื้อยเหล่านี้ให้ทั้งร่มเงาและออกดอกสีสันน่าชม เป็นที่ชื่นตาชื่นใจให้กับคนผ่านไปผ่านมาเสมอ
แต่ในยามนี้ เป็นเวลาสายของวันอาทิตย์ที่เงียบเชียบ ถนนหน้าบ้านร้างไร้ผู้คน ในขณะที่กิ่งหลิวคิดว่า ตอนนี้ในบ้านมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น เพราะสองแม่ลูกออกไปข้างนอก และพี่ชายของเธอยังไม่กลับมา หลังจากที่ครอบครัวเขามีเรื่องกันปึงปัง แล้วเขาก็ปรี่สตาร์ทรถออกไปตั้งแต่เมื่อวาน...
ทว่า ณ บัดนี้ตรงซุ้มบานบุรีที่ออกดอกเหลืองสว่างไสวสลับกับใบสีเขียวเรียวสวยของมันนั้น การเลิศกำลังยืนหิ้วของอันหนักอึ้งเต็มถุงร้านสะดวกซื้อใบใหญ่ แล้วยืนแอบเถาไม้เลื้อยนิ่งอยู่
อันที่จริง วันนี้เขากลับมาตั้งแต่เช้ามืด และก็เพิ่งเดินออกไปร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน เพื่อซื้อบุหรี่ เบียร์กระป๋องและของแกล้มอีกนิดหน่อยมาตุนไว้สำหรับการขลุกขลุ่ยอยู่หน้าทีวีวันนี้ทั้งวัน เพราะเขาวันนี้สองแม่ลูกไม่อยู่บ้าน จึงไม่มีใครเรียกใช้ได้...
...แปลก ทีีเขาไม่เคยนึกที่จะเรียกใช้น้องสาวหรือพูดคุยกับน้องเป็นเรืี่องเป็นราวเลยสักครั้ง นับแต่อยู่บ้านเดียวร่วมกันมานานปี
ทีแรกเขาว่าจะเดินผ่านผู้หญิงสองคนนั้นเข้าบ้านไปเลย หรือจะแค่หยุดพยักหน้าทักทายให้กันตามมารยาทเสียหน่อยก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ถ้าสองคนนั้นเห็นเขาที่บ้านตอนนี้ ทั้งคู่ก็คงจะพากันไปที่อื่นเหมือนทุกครั้ง ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่เคยใส่ใจอีกเหมือนกัน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจในวันนี้ นั่นก็คือ เรื่องที่กิ่งหลิวกำลังคุยกับเพื่อนตอนนี้...
ประหลาด... ที่วันนี้อยู่ๆ เขาก็นึกสนใจใคร่รู้เรื่องที่น้องสาวกับเพื่อนคุยกันขึ้นมา
ก็คงด้วยท่าทีกิริยาของกิ่งหลิวที่เขาเห็นในตอนนี้ดูแปลกเปลี่ยนไป ซึ่งท่าทีแบบนี้ของน้องสาวเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ...ถ้อยคำต่างๆ นานาคำพูดคำจานั้นก็ด้วย มันดูแปลกไปหมด
...เกี่ยวอะไรกับญี่ปุ่น...
การเลิศได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว หัวคิ้วที่ยู่ย่นทำให้ใบหน้าของเขาซึ่งยับยู่ยี่ เพราะอดนอนและเพิ่งสร่างเหล้าหมาดใหม่นั้น ยับย่นลงมากไปกว่าเดิมอีก
ดังนั้นในเวลาต่อมาเขาจึงสะกดกลั้น อดทนยืนนิ่งๆ อยู่ตรงร่มเงาบานบุรีริมประตู ซึ่งมิดชิดพอดี เพื่อแอบฟังถ้อยคำเจรจาพาทีของสองสาวนั้นต่อไป...