ทางด้านในห้องครัว ป๊ากำลังผัดไก่ พริก ถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอี๊วขาวและน้ำมันงาให้เข้ากัน ส่วนพลีสรับหน้าที่จัดการเอาเกี๊ยวซ่าที่เพิ่งพับจีบเสร็จลงหม้อนึ่ง อาหารมื้อนี้มีทั้งไก่ผัดพริกเสฉวน เกี๊ยวนึ่ง เสี่ยวหลงเปา เต้าหู้ทรงเครื่องสไตล์เสฉวน และหมูสามชั้นตุ๋นผักกาดดอง ใช้เวลาไม่นานทุกจานก็ได้ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนต่างตักกินอาหารเลิศรสอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนน้องฟิล์มก็นอนหลับอุตุอยู่ในเปลนอนเก่าของพลีสสมัยยังเป็นเด็กทารก
“นี่ม้ายังเก็บเปลไว้อีกเหรอคะ”
“อืม ถึงมันจะเก่า แต่ก็ยังใช้ได้”
ได้ยินอย่างนั้นพลีสก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ คีบหมูสามชั้นพร้อมกับผักกาดดองเข้าปากเคี้ยวอย่างเพลิดเพลิน ขณะที่ป๊าแอบมองชายหนุ่มด้วยหางตา ทันทีที่เขากำลังคีบไก่เข้าปากก็ได้เอ่ยถามขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้างล่ะ งานกำกับอะไรของลื้อน่ะ เก็บเงินไปถึงไหนแล้ว”
“ก็…เก็บได้เยอะอยู่ครับ” เธียเตอร์หยุดชะงักและคีบไก่ลงในชามเหมือนเดิม
“งั้นเหรอ”
“ครับ คือว่า...ถ้าผมขออะไรบางอย่าง คุณอาจะยอมไหมครับ” เธียเตอร์ตัดสินใจเอ่ยพูดในสิ่งที่ติดค้างในใจมานาน
“ยอมอะไร” ชายวัยกลางถามด้วยความสงสัย ขณะที่พลีสและม้าก็มองมาด้วยเช่นกัน
“คือ...คือว่า ผมอยากจะขอลูกสาวคุณอาแต่งงานน่ะครับ” เมื่อเธียเตอร์ได้พูดอย่างนั้น
ป๊าวางชามข้าวในมือพร้อมกับตะเกียบลงบนโต๊ะ กอดอกตัวเอง “จะขอลูกสาวอั๊วแต่งงานอย่างนั้นรึ”
เธียเตอร์พยักหน้ายืนยัน ก่อนจะอีกฝ่ายจะถอนหายใจออกมา
“ถ้าอย่างนั้นลื้อก็พาพ่อแม่ลื้อมาที่บ้านอั๊ว จะได้พูดคุยกัน”
สิ้นคำพูดนั้นทั้งพลีสและเธียเตอร์ต่างก็หันมายิ้มกันอย่างดีใจ
“นี่ป๊ายอมรับเขาแล้วเหรอคะ” พลีสถามด้วยความประหลาดใจ
“อืม ระหว่างที่ลื้อท้องอยู่ก็ไม่มีข่าวจากลื้อว่ามันออกนอกลู่นอกทางเลยนี่ ก็ต้องยอม ๆ ไป ลื้อรักของลื้อมากขนาดนี้ อั๊วคงไปห้ามลื้อไม่ได้แล้วละ จริงไหมอาพลีส”
“หนูรักป๊าจังเลย ในที่สุดก็ยอมเข้าใจหนู” พลีสเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นพ่อด้วยความดีใจ ท่านจึงยกมือขึ้นมาลูบหัวลูกสาวอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะครับป๊า” เธียเตอร์กล่าวขอบคุณจากใจจริง
“แต่บอกไว้ก่อนนะ ถึงแม้พวกเราจะยอมให้ลื้อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแล้ว แต่ถ้าลื้อทำลูกสาวอั๊วเสียใจเมื่อไรก็รับลูกซองซะ” ม้าพูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉยและคีบเกี๊ยวนึ่งที่จิ้มจิ๊กโฉ่วเข้าปาก
“ครับ ผมสัญญา”
พลีสเดินไปสวมกอดเขาด้วยความดีใจที่ป๊าและม้ายอมรับเขาสักที จากนั้นทุกคนก็กลับมานั่งกินข้าวกันอีกครั้ง บรรยากาศเป็นไปด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น กำแพงที่ผู้ใหญ่ทั้งสองมีต่อลูกเขยดูเหมือนจะลดน้อยลงไปมากแล้ว
ผ่านไปไม่กี่วันเธียเตอร์ก็มาที่บ้านของพลีสอีกครั้งพร้อมกับพ่อแม่ ทางผู้ใหญ่ต่างพูดคุยกัน ทั้งเรื่องสินสอด และเรื่องลูกของสองฝ่าย ส่วนเธียเตอร์กับพลีสกำลังเลี้ยงลูกอยู่อีกห้องหนึ่ง เธอจัดการเปลี่ยนแพมเพิสให้เจ้าตัวน้อย โดยมีเขายืนมองให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ
...
ห้าเดือนต่อมา วันแต่งงานของพลีสและเธียเตอร์ถูกจัดขึ้นในรูปแบบประเพณีจีนผสมไทย พลีสกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องเจ้าสาว โดยมีม้าเป็นคนจัดการเรื่องแต่งตัวให้ หญิงสาวดูสวยงดงามเป็นพิเศษ ทว่าใบหน้าที่ถูกประทินโฉมอย่างประณีตกลับดูกังวลเล็กน้อย จนม้าต้องถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึ อาพลีส ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“ไม่มีไรหรอกค่ะม้า ก็แค่กังวลนิดหน่อย”
“ไหน บอกม้าซิ ว่ากังวลเรื่องอะไร”
“หนูกลัวทำงานแต่งตัวเองล่มแค่นั้นเอง ตื่นเวทีน่ะค่ะ”
“โถ ลูกสาวของม้า ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ลื้อไม่ต้องกังวลไปหรอก ยิ้มเข้าไว้ วันนี้เป็นวันแต่งงานของลื้อกับอาเธียเตอร์นะ”
ได้ยินอย่างนั้นพลีสก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว และยิ้มออกมาให้เห็นเด่นชัด ส่วนทางฝั่งเธียเตอร์นั้นกำลังต้อนรับแขกผู้ใหญ่อยู่ภายในงาน อาหารที่ถูกจัดเสิร์ฟเลี้ยงแขกมีทั้งผัดวุ้นเส้น เห็ดหอมทอดกระเทียม ขนมกุ้ยช่ายนึ่ง ผัดผักเกาฮะไฉ่ สลัดหัวใจหมู ไส้หมูพะโล้ ตับทอดกระเทียม ปลานึ่งซีอิ๊ว ปูทะเลนึ่ง ไก่ต้มน้ำปลา ทุกอย่างล้วนเป็นของมงคลในงานแต่งจากร้านของพลีสทั้งสิ้น รสชาติที่ยอดเยี่ยมมีแต่ร้านของครอบครัวนี้เท่านั้น
เมื่อถึงฤกษ์งามยามดีแล้วนั้น ดนตรีหวานซึ้งก็ถูกบรรเลงขึ้น เธียเตอร์ในชุดแต่งงานสีขาวยืนมองเจ้าสาวอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงกำลังควงแขนคนเป็นพ่อเดินเข้ามา แขกทุกคนต่างยืนมองเธอเป็นตาเดียวกัน จนร่างบางมาหยุดอยู่ตรงหน้า ป๊าก็ปล่อยแขนลูกสาวและส่งมอบให้กับเธียเตอร์
“ดูแลลูกสาวอั๊วดี ๆ ล่ะ”
“ครับป๊า”
หลังจากนั้นพ่อเจ้าสาวก็เดินขึ้นไปบนเวทีและนั่งลงข้าง ๆ ภรรยาบนโซฟา จากนั้นเธียเตอร์ก็ได้พาพลีสขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำพิธีต่อไป หนึ่งคำนับฟ้าดิน สองคำนับเจ้าที่ในบ้าน สามคำนับบรรพบุรุษ สี่คำนับพ่อแม่ และสุดท้ายคำนับแก่กันเอง เพื่อบอกกล่าวถึงทั้งคู่ต่างได้แต่งงานกันแล้ว ต่อมาเป็นพิธียกน้ำชา บ่าวสาวค่อย ๆ คุกเข่าคลานเข้าไปหาผู้ใหญ่พร้อมกับถือถาดน้ำชาส่งให้กับทั้งสองฝ่าย จากนั้นสองครอบครัวก็ได้ให้ศีลให้พร ขอให้ทั้งคู่มีความสุข รักกันยาวนาน ช่วยกันเจริญก้าวหน้า ไม่ทอดทิ้งกันในยามลำบาก และได้มอบเงินใส่ไว้ในถาด เพื่อให้ได้เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างราบรื่น ก่อนที่ทั้งคู่จะผลัดกันป้อนขนมบัวลอยจีน กระทั่งเสร็จสิ้นพิธีการ จากนั้นทุกคนก็ได้ถ่ายรูปร่วมกันโดยมีเจ้าตัวน้อยนั่งอยู่บนตักของเจ้าสาว
ถึงแม้ว่าอดีตเธียเตอร์จะทำเรื่องผิดพลาดกับพลีสมาหลายหน แต่เธอก็ยังคงมอบโอกาสให้เขาได้ปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนหญิงสาวก็ยังคงรักชายหนุ่มไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาก็ตาม และในที่สุดความฝันของพลีสก็เป็นจริง ได้แต่งงานกับคู่ชีวิตของตัวเอง ส่วนเธียเตอร์ปรับปรุงตัวตามที่สัญญาไว้ ไม่คิดจะเจ้าชู้หรือแอบไปมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนอื่นนอกจากพลีสผู้เดียว อีกทั้งยังตั้งใจขยันทำงานเป็นพิเศษ เรียนรู้แล้วว่ารักแท้ที่มีนั้นสำคัญเพียงใด ทั้งสองต่างให้คำมั่นสัญญาแก่กันว่านับจากนี้จะไม่มีวันทอดทิ้งกันไปตราบจนสิ้นลมหายใจ
จบบริบูรณ์
……