หลังจากวันนั้นที่พลีสยอมให้โอกาสเธียเตอร์อีกครั้ง เขาก็ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความเจ้าชู้ของตนทันที ถึงแม้จะมีแอบส่องสาวในทวีตลับอยู่บ้างก็ตาม ทางด้านกิ่งแก้วนั้นก็ไม่ยอมเลิกรา ส่งข้อความข่มขู่เขามาทางไลน์
“คิดว่าจะทิ้งกันได้ง่าย ๆ เลยเหรอ ทั้งที่พวกเราแอบมีอะไรกันนานแล้วด้วยเนี่ยนะ เดี๋ยวนายได้โดนไล่ออกแน่”
เธียเตอร์ยอมรับชะตากรรม เขากดบล็อกแชตกิ่งแก้วทันทีและทักข้อความไปหาบ๊วย เพื่อนอีกคนที่เป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์สยองขวัญ เพื่อขอเข้าร่วมทำงานด้วย ซึ่งทางนั้นกำลังขาดผู้กำกับอยู่พอดี จึงกลายเป็นโชคดีของเขาที่สามารถมีงานรองรับได้อย่างรวดเร็ว
วันต่อมาชายหนุ่มเดินทางไปที่บริษัทและยื่นซองขาวลาออกให้กับฝ่ายบุคคล หลังจากนี้กิ่งแก้วจะไม่สามารถเก็บคลิปนั้นมาเป็นคำขู่ได้อีกต่อไป ก่อนจะออกจากบริษัทเขาเห็นเธอยืนมองอยู่ที่ไกล ๆ จึงทำการโบกมือลาอย่างไม่ไยดี ราวกับทิ้งของเล่นที่ไม่จำเป็นแล้ว ส่วนพลีสจะยังคงทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้นและรอรับเงินเดือนเดือนนี้เสียก่อน
เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์พลีสได้พาเธียเตอร์กลับไปที่บ้าน ผู้ใหญ่ทั้งสองจ้องมองแฟนของลูกด้วยสายตาโกรธเคือง ไม่ค่อยชอบตั้งแต่ที่ลูกสาวคบหาเป็นแฟนในรอบที่สอง เธียเตอร์นั่งเกร็งจนเหงื่อเต็มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรออกมา กระทั่งแฟนสาวเดินกลับมานั่งที่เก้าข้าง ๆ ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเงียบขรึม เธอหันหน้ามองดูทั้งสองฝ่ายและทำหน้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะยื่นมือไปจับมือึนข้างกายไว้
“อือ!! มือนะมือ” ป๊ากระแอมออกมาเบา ๆ สายตามองไปยังมือของลูกสาวที่จับมือแฟนหนุ่มอยู่
“หนูแค่จับมือเองนะคะป๊า”
“ก็นั่นแหละ เอาออก”
“โหป๊า นี่แฟนหนูนะ”
“รู้แหละว่าเป็นแฟนลื้อ อั๊วไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมลื้อถึงรักมันนักหนา ทั้ง ๆ ที่มันก็ทำลื้อเสียใจมาหลายครั้งมากแล้ว ไหนจะอาการไฟช็อกหน้าลื้ออีก อย่าลืมนะว่าอาการมันกลับมาได้อีก ลื้อไม่ได้รักษาด้วยการผ่าตัด” ป๊าร่ายประโยคยาวด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับลุกขึ้นมาชี้นิ้วไปทางชายหนุ่ม แต่สายตายังคงมองลูกสาวสุดที่รักอยู่
“เจียวจิ้น ลื้ออย่าโมโหร้ายขนาดนี้สิ เดี๋ยวโรคหัวใจจะกำเริบเอานะ” ม้าพูดพร้อมกับลุกขึ้นมายืนบ้าง ก่อนจะประคองให้สามีลงมานั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม
“โทษที ๆ อั๊วเห็นแล้วอดโมโหไม่ได้”
“เอิ่ม...ป๊าครับ...” เธียเตอร์ยังไม่ทันจะพูดต่อ ชายวัยกลางคนก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“ใครป๊าลื้อ อย่ามาทะลึ่งเรียกมั่วซั่ว อั๊วยังไม่ยอมรับลื้อมาเป็นลูกเขยหรอกนะ” ป๊าพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาทางเขา
“ป๊า ใจเย็นก่อน ปล่อยให้เขาพูดอะไรสักหน่อยเถอะค่ะ” พลีสพยายามประนีประนอม
“ก็ได้ ลื้ออยากพูดอะไร พูดมา” คนเป็นพ่อยอมอ่อนลง ทว่ากลับแผ่รังสีอำมหิตออกมา ทำให้เธียเตอร์รู้สึกเกร็งมากกว่าเดิม เขาหันมองหน้าคนรักสลับกับผู้ใหญ่ทั้งสอง สักพักจึงพูดบางอย่างออกมา
“คือ ผมขอโทษจริง ๆ ครับ ที่ผมดูแลลูกสาวคุณอาคุณน้าไม่ดีพอ ตั้งแต่ที่คบกันแรก ๆ แล้วละครับ ผมขอโทษจริง ๆ”
“ทั้งไม่ใส่ใจ เจ้าชู้อะนะ อันนี้อั๊วยอมไม่ได้สุด ๆ อั๊วไม่ยอมยกลูกสาวให้แน่ ๆ”
“ป๊า แต่ครั้งนี้ป๊าน่าจะยอมได้นะคะ”
“อาพลีส ลื้อหมายความว่ายังไง อั๊วกับม้าลื้อคอยดูแลส่งเสียจนเรียนจบมาได้ขนาดนี้ เพื่อยกลื้อให้คนไม่เอาไหนอย่างมันเนี่ยนะ”
“ค่ะ ถึงเขาจะไม่ค่อยเอาไหน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เจ้าชู้ ไม่รู้จักประหยัดเหมือนที่ป๊ากับม้าสอนหนูตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็มีด้านดีอยู่อย่างหนึ่งนะคะ” คำพูดของพลีสชวนให้พวกท่านสงสัย จนม้าต้องเป็นฝ่ายถามขึ้น
“แล้วด้านดีของอาเธียเตอร์นี่มันอะไรล่ะ อั๊วยังไม่เคยเห็นเลย มีแต่ด้านแย่ ๆ”
“เขารับผิดชอบค่ะ” พลีสตอบพร้อมกำมือเขาแน่น ทั้งสองเผยรอยยิ้มให้กัน ยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองทำหน้าสงสัยกว่าเดิม เธียเตอร์จึงตัดสินใจพูดความจริงออกไป
“ครับ ผมทำพลีสท้องครับ”
“เมื่อกี้ลื้อพูดจริงเหรอ” ป๊าถามด้วยสีหน้าตกใจ ขณะที่ม้าได้แต่ตะลึงพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
เธียเตอร์พยักหน้าตอบอย่างหนักแน่น “ผมจะรับผิดชอบครับ นับจากนี้ผมจะตั้งใจเก็บเงินเพื่อเลี้ยงดูพลีสกับลูกในอนาคตครับ”
หลังจากม้านิ่งอึ้งไปนาน ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นบ้าง “ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว ก็คงต้องยอมแหละ แต่ถ้าลื้อคิดจะทิ้งลูกสาวอั๊วเมื่อไร เตรียมตัวรับลูกซองจากอั๊วได้เลย”
พลีสพลันนึกถึงรูปถ่ายสมัยสาว ๆ ของม้าที่เคยเรียนยิงปืน อีกทั้งยังเป็นตำรวจ ก่อนจะลาออกจากราชการมาเปิดร้านอาหารกับป๊า
“ครับ ผมไม่ทิ้งลูกสาวคุณน้าแน่ ๆ ครับ เพราะผมรักเธอจากใจจริง ๆ”
“หึ รักจากใจจริงอย่างนั้นเหรอ อาพลีส ลื้ออย่าไปเชื่อปากมันมาก มันพยายามหลอกให้เชื่อใจ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องตลกทิ้งลื้อเหมือนเดิมนั่นแหละ” ป๊าพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด
“ไม่ต้องห่วงค่ะป๊า ถ้าเขาทิ้งหนูไปแอบมีคนอื่นอีก คราวนี้เขาตายแน่ค่ะ” พลีสพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้เขาเห็น
(ครอบครัวนี้โหดทั้งบ้านเลยว่ะ ตัดสินใจถูกหรือผิดวะเนี่ยกู) เธียเตอร์นึกในใจพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับแฟนสาวไป