ตอนที่ 2
เสน่หานางรำ
ปริชญ์อุทานออกมาอย่างลืมตัว ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังนางรำคนนั้น ดวงหน้าหวานแสนคุ้นตาและลีลาร่ายรำงดงามอ่อนช้อยสะกดใจได้ชะงัดนัก หล่อนช่างเหมือนใครบางคนที่เขาไม่เลยลืมเลือนไปจากใจ เหมือนเสียจนคิดว่าลฎาภาตัวจริงมาปรากฏกายต่อหน้าเขาราวเกิดปาฏิหาริย์
“เธอเป็นใครนะ”
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสติกลับคืน หลังจากที่เผลอจับจ้องดวงหน้าและลีลาการร่ายรำของหล่อนราวคนละเมอ ใบหน้าของหญิงคนรักเข้ามาวนเวียนในห้วงความทรงจำอีกครั้ง ลฎาภาคือรักเดียวที่ใจของเขาได้เก็บเอาไว้จนเต็มทุกห้อง หากแต่ว่าความจริงในวันนี้เขากลับได้สัมผัสหล่อนเพียงแค่ในความฝันเท่านั้น หล่อนจากเขาไปโดยการการกระทำอัตวิบากกรรมตนเอง เพียงเพราะเข้าใจผิดในความรัก ลาจากเขาไปโดยไม่ทันได้เอ่ยคำล่ำลากัน ทั้งๆ ที่กำลังจะจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีกไม่นาน
หล่อนตัดสินใจจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ เพียงเพราะความตั้งใจของกลุ่มคนบางกลุ่มที่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น รอยแค้นบาดลึกฝังอยู่ในใจเขาไม่มีวันลืมเลือนไปจากใจที่แสนด้านชาได้
เสียงบรรเลงแสนไพเราะเงียบลงไป บรรดานางรำต่างเดินลงมาจากเวทีเพื่อเตรียมตัวกลับเพราะหมดหน้าที่ของตนแล้ว จะมีอยู่บ้างที่ถูกตาต้องใจบรรดาเสือผู้หญิงทั้งหลายที่มาในงานนี้ พวกเขาเรียกตัวพวกเธอเหล่านั้นให้มาร่วมโต๊ะ รวมทั้งหญิงสาวหน้าเหมือนลฎาภาด้วย เธอถูกนักธุรกิจคนหนึ่งเชิญให้มานั่งร่วมโต๊ะหลังจากลงมาจากเวที และเพียงได้มองหล่อนในมุมใกล้ แผงคิ้วเข้มของปริชญ์ถึงกับขมวดเข้าหากัน
หากยิ่งมองเขากลับยิ่งคุ้น ในบางมุมคล้ายกับเขาเคยพบหล่อนมาก่อน สมองของชายหนุ่มประมวลย้อนกลับไป พยายามนึกถึงผู้หญิงมากมายที่เขาได้พานพบ ชั่วขณะที่เธอคนนั้นหันมาสบตากับเขาเข้าโดยบังเอิญ ปริชญ์ถึงกับอุทานออกมาเบาๆ
“แคท!”
เขาแน่ใจว่าใช่ไม่น่าจะผิดตัว แม้จะมีความสัมพันธ์กันเพียงค่ำคืนเดียว เพราะหลังจากนั้นเขาไม่เคยติดต่อไปอีกเลยเพราะงานยุ่ง แต่รอยยิ้มแก้มบุ๋มของหล่อนเขาจำได้ มันคือเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาใครเลียนแบบได้ยากยิ่ง
ด้วยใบหน้าของหล่อนเมื่อยามแต่งแต้มเครื่องสำอาง บังเอิญละม้ายคล้ายกับคนรักเก่าของเขา ประกอบกับเคยมีความ สัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน ทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการเหมือนเด็กหวงของเล่นขึ้นมาทันที
ร่างสูงลุกพรวดขึ้นโดยไม่มีรอ เดินตรงไปยังโต๊ะที่อยู่ติดกัน ก่อนเดินอ้อมไปยังเป้าหมายทั้งสอง
“แคทลียา”
“คุณริท!”
แคทลียาสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงด้วยแววตาตื่นตระหนก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้ามาทักก่อน เพราะคิดอยู่เสมอว่าตนคงไม่มีค่าอะไรในสายตาของเขา
มือแกร่งแตะลงบนหัวไหล่กลมมนอย่างถือวิสาสะ ก่อนเผยยิ้มเขี้ยวเสน่ห์ให้กับชายหนุ่มข้างๆ แคทลียาอย่างเป็นมิตร แล้วเอ่ยถึงจุดประสงค์ของตนให้เพื่อนร่วมอาชีพได้รู้
“บังเอิญว่าเธอคือผู้หญิงของผม หากคืนนี้ผมจะพาเธอไป คุณคงไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหม”
เพียงได้ฟังความประสงค์แบบตรงไปตรงมาของหนุ่มรุ่นน้อง อีกฝ่ายจึงรีบส่งยิ้มกลับ เข้าใจในความหมายของคำพูดนั้นได้ดี
ในเมื่อกล้าเดินหน้าเข้ามาบอกว่าหญิงสาวคนนี้คือผู้หญิงของตน เขาเองก็ไม่คิดที่จะยุ่งกับเธอคนนี้อีกต่อไป เนื่องด้วยไม่อยากมีเรื่องมีราวเพราะไปยุ่งกับเด็กมีเจ้าของนั่นเอง
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้ว่าน้องคนนี้กับคุณริทรู้จักกัน”
“ไม่เป็นไรครับ”
ปริญช์ยิ้มกลับ ก่อนส่งสายตาเป็นเชิงบังคับให้แคทลียารีบลุกขึ้นเพื่อไปกับตน
“ขอตัวนะครับ”
มือใหญ่ยื่นมารอคนที่กำลังทำท่าละล้าละลัง เนื่องจากกำลังงุนงงว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ท่าทีพร้อมแววตาสื่อความหมายของเขาก็ทำให้หล่อนรีบลุกขึ้น เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตามากไปกว่านี้
หากเลือกที่จะต้องไป หล่อนขอเลือกที่จะไปกับคนที่ทั้งหนุ่ม ทั้งหล่อกว่า แม้ผลลัพธ์จะไม่ต่างกันก็ตามที ยามนี้แคทลียาคิดเพียงเท่านี้จริงๆ ในขณะที่ใจหนึ่งก็โล่งอกที่สามารถหลุดพ้นมาจากบรรยากาศอันแสนอึดอัดบนโต๊ะอาหารเมื่อสักครู่นี้ได้
“กลับกันเถอะ”
อุ้งมือแกร่งบีบกระชับมือเล็กเอาไว้ ก่อนที่เขาจะรีบก้าวเดินนำหน้าพลางบังคับให้หล่อนรีบเดินตามเขาออกไปจากห้องจัดเลี้ยง
“เดี๋ยวค่ะ คุณริท”
“อะไรของเธออีกล่ะฮึ”
ร่างสูงหยุดกึก ก่อนเอามือล้วงกระเป๋าแล้วหมุนกายกลับมามองด้วยสายตาคล้ายเป็นคำถาม
“แคทไม่ไปกับคุณได้มั้ยคะ”
แคทลียามองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาเว้าวอน เพราะรู้ดีว่าถ้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับตนบ้าง อีกทั้งยังเป็นห่วงมารดาที่นอนป่วยอยู่บ้าน หล่อนจึงค่อนข้างลังเล แม้การไปในครั้งนี้จะได้รับค่าตัวกลับมาอย่างคุ้มค่าก็ตามที
“ทำไม…”
แววตาคมกล้าหรี่มองอย่างคาดคั้น ใบหน้าเริ่มฉายถึงความไม่พอใจที่เห็นว่าหล่อนกล้าปฏิเสธผู้ชายอย่างเขา
“เอ่อ…คือ…แคท…”
“สาวน้อย ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าปฏิเสธฉัน แล้วทำไมเธอถึงเลือกที่จะทำเช่นนั้น บอกฉันหน่อยสิ…หืม...”
ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามายืนประจันหน้า มันแนบชิดเสียจนลมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน
“แคทต้องรีบกลับบ้านค่ะ”
“เป็นเด็กติดบ้านหรือยังไง หึ หึ”
ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้าพลางเผยรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก รอยยิ้มที่ทำให้คนมองแทบละลาย
“แคทมีเหตุผลส่วนตัวที่บอกคุณไม่ได้ค่ะ”
หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ ไม่อยากให้เขาซักไซ้มากไปกว่านี้ ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องมารับรู้เรื่องราวในครอบครัวของเธอ เงินก้อนโตที่ได้มาจากเขาคราวก่อน ช่วยยื้อชีวิตมารดา เป็นค่ายาค่าหมอที่ต้องใช้จ่ายทุกๆ เดือน
แต่มันต้องแลกมาด้วยความสาวของตนที่สูญสิ้นไป ค่าตัวหลักล้านของหล่อนคงไม่มีค่าอะไรในสายตาของเขาแม้สักนิด แต่หล่อนจำต้องกล้ำกลืนฝืนทนทำทุกอย่างเพื่อยื้อชีวิตมารดามารดา
เพียงสังเกตเห็นแววตาคู่สวยที่เศร้าหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัด ปริชญ์จึงเปลี่ยนความคิดที่จะพาหล่อนไปคอนโด แต่เขาก็จะไม่ยอมให้หล่อนกลับไปอย่างง่ายๆ เช่นเดียวกัน...หัวใจของเขาร้องบอก ควรจะยื้อเวลาเอาไว้ให้มากที่สุด กักขังหล่อนเอาไว้แม้จะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ ก็ตามที
“แค่ไปดินเนอร์ต่อกับฉัน แล้วฉันจะพาเธอไปส่งถึงหน้าบ้าน โอเคไหมแคท”
“เอ่อ…”
‘เราเป็นอะไร ยอมลดตัวมายืนง้อเธอเพียงเพราะมีบางมุมเหมือนกับภาอย่างนั้นเหรอ บ้าน่า’
ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองในใจ ขณะยืนรอคำตอบ
“ว่ายังไง ทำไมคิดนานจัง มีผู้หญิงมากมายอยากออกเดทกับฉัน แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ฉันจะมายืนง้อใครแบบเธอเลยนะ”
“แค่ดินเนอร์อย่างเดียวแน่นะคะ”
แคทลียายังคงมีท่าทีลังเล ไม่รู้หรอกว่าการแสดงออกมาเช่นนี้คือการยิ่งทำให้อีกฝ่ายอยากเอาชนะ เพราะมันคือการบอกเป็นนัยๆ ว่าเสน่ห์ของเขาใช้ไม่ได้กับผู้หญิงทุกคนเสียแล้ว โดยเฉพาะกับเธอคนนี้
“อืม…”
ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ มือใหญ่เชยคางมนของหล่อนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนพินิจพิจารณาใบหน้าของหล่อนจนทั่วทุกมุม
“ทำไมคืนนั้นฉันไม่สังเกตเห็นนะ ว่าเธอเหมือน…”
“คะ…”
แคทลียาทำหน้างง เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าก็พูดจาแปลกๆ ออกมา
“ช่างเถอะ…เอาเป็นว่า เธอรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะนะ ฉันจะนั่งรอเธอตรงลอบบี้”
“ค่ะ”
“อย่าช้านะ ฉันไม่ชอบรอใครนานๆ”
ชายหนุ่มเอ่ยตามหลังร่างสมส่วนพลางมองตามไปจน กระทั่งลับสายตา ตั้งแต่พบกันคราวก่อนเขาเพิ่งจะมารู้ตัวว่า นักศึกษาสาวที่กำลังสวยสะพรั่งคนนี้ยิ่งมองยิ่งเหมือนคนรักที่ตายไปแล้ว เพียงแค่ใจของเขาเชื่อว่าเธอคือลฎาภา ก็ทำให้เขามีความคิดที่จะสานสัมพันธ์กับเจ้าหล่อน ขณะที่เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ายังมีวิมลยาอยู่ทั้งคน และกำลังคุยกันถึงเรื่องการแต่งงาน
“แต่งงานเหรอ หึ คุณได้แต่งสมใจแน่วิ แล้วคุณจะได้รู้ว่านรกมีจริง”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว ก่อนที่เขาจะปล่อยความคิดให้จมอยู่เรื่องราวอันแสนเจ็บปวดในอดีตอีกครั้ง จวบจนกระทั่งแคทลียาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินกลับมาหาเขาตามที่ได้นัดกันเอาไว้ ทั้งสองจึงพากันเดินออกไปด้านนอกโรงแรม
“ไหนบอกว่าจะมาทานข้าวไงคะ”
แคทลียาเหลียวมองไปรอบกาย หันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคล้ายเป็นคำถาม เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ทำอย่างที่ปากพูดเอาไว้ตั้งแต่ทีแรก แต่กลับมัดมือชกพาหล่อนมายังสถานบันเทิงแห่งหนึ่งแทน
“เธอคงต้องทำความเข้าใจกับฉันใหม่ว่าฉันชอบดื่มไปพร้อมกับการทานอาหาร”
เสียงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มขณะถอดเสื้อสูทออกชั้นหนึ่ง ก่อนพับแขนเสื้อเชิ๊ตขึ้นไปจนถึงข้อศอก เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าเป็นทางการมากเกินไป
“ลงมาสิครับ”
แคทลียายังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อน ขณะที่อีกฝ่ายลงจากรถไปแล้ว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวในรถยังคงนั่งนิ่ง ชายหนุ่มจึงเดินอ้อมมาเปิดประตูรถเป็นเชิงบีบบังคับไปในตัว
หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาบางเบาเมื่อเห็นเขาจับประตูรถรออยู่ จำต้องลงมาจากรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าคงขัดเขาไม่ได้อย่างแน่นอน
“นายหารถกลับไปก่อนนะ ฉันจะขับรถคันนี้กลับเอง”
ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปสั่งคนขับรถ เมื่ออีกฝ่ายลงมาจึงยื่นมือไปรับกุญแจรถมาใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ จากนั้นจึงโอบกอดหญิงสาวข้างกายเข้าไปด้านใน
เพียงเห็นคนที่เดินควงหญิงสาวไม่คุ้นหน้าเข้ามาในร้าน พนักงานรีบปราดเข้ามาต้อนรับแขกวีไอพีอย่างรู้หน้าที่ ด้วยรู้ดีว่าปริชญ์คือลูกค้าประจำของร้าน และจากการที่คอยเทคแคร์เขานั้น พนักงานมักจะได้ทิปหนาจากเขาอยู่เสมอ
ส่วนเรื่องที่เขาชอบควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามาที่ร้านนี้เป็นประจำพนักงานที่นี่ต่างคุ้นชินกันเป็นอย่างดี และไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกในสายตาของพวกเขาแต่อย่างใด
เครื่องดื่มและอาหารถูกนำมาเสิร์ฟในเวลาต่อมา...เมื่อรินเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานจึงออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่ เพื่อปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ตามลำพัง
“ทำไมถึงไม่แตะอะไรเลยล่ะแคท”
หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควร ปริชญ์เอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างกายยังคงไม่ยอมแตะต้องอาหารแม้เพียงหนึ่งคำ มีเพียงเครื่องดื่มที่หล่อนยกขึ้นจิบอยู่เป็นระยะ คล้ายมีเรื่องกังวลอยู่ภายในใจ
“แคทไม่คอยหิวน่ะค่ะ”
“ตามใจ ไม่หิวฉันก็จะไม่บังคับ เพราะฉันก็ไม่ชอบเซ้าซี้ใครเสียด้วยสิ”
ชายหนุ่มวางแก้วของตนลงบนโต๊ะ ก่อนดึงแขนของหล่อนพื่อรั้งร่างนุ่มนิ่มให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ ท่อนแขนแข็งแรงโอบกอดร่างนั้นเอาไว้ข้างหนึ่ง
“ขยับมานั่งใกล้ๆ ฉันก็ได้ หากเธออยู่กับฉันแล้วทำตัวแข็งแบบนี้ มันจะทำให้เธอดูน่าเบื่อมากที่สุดเลยรู้มั้ย”
“ถ้าจะเบื่อก็แล้วแต่คุณริทเถอะค่ะ”
แคทลียาจำต้องโอบกอดกายแกร่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมือแกร่งจับแขนของหล่อนให้พาดกอดเกี่ยวเอาไว้
“เธอไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอหากฉันจะเบื่อเธอขึ้นมาจริงๆ”
“อย่างแคทมีสิทธิ์เลือกได้ด้วยเหรอคะ หากคุณริทจะเบื่อนั่นก็เป็นสิทธิ์ของคุณ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“หากเธอเอาใจฉันให้มากๆ ทำให้ฉันติดใจ ไม่แน่นะ ฉันอาจถูกใจจนถึงขั้นเลี้ยงดูเธอก็เป็นได้”
จมูกคมสันฝังลงบนกลุ่มผมหอมนุ่มราวหวงแหน ชายหนุ่มลอบมองเครื่องหน้าของคนในอ้อมกอดที่กำลังซุกหน้าอยู่กับอกแกร่งของตนพลางพินิจพิจารณา เพราะยิ่งใกล้ชิดเขากลับยิ่งรู้สึกว่าหล่อนคือตัวแทนของลฎาภา หญิงสาวที่กระชากหัวใจของเขาออกไปจากร่าง เอาไปพร้อมกับร่างที่ไร้วิญญาณของเธอ
เชื่อถึงขนาดเอ่ยปากขอเลี้ยงดู มันไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะกล้าเอ่ยคำนี้ออกมา ไม่รู้มีอะไรดลใจให้เขาพูดออกมาแบบนั้น ปริชญ์เฝ้าถามตัวเองด้วยความแปลกใจ
“อย่าเลยค่ะ แคทไม่อยากรบกวนคุณมากไปกว่านี้”
แคทลียาตัดสินใจเอ่ยออกมา หลังจากที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ราวกับกำลังชั่งใจ
“ฉันถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม อย่าหาว่าฉันดูถูกเลยนะ หากจะต้องพูดกันตรงๆ ฉันอยากรู้ว่านอกจากฉันแล้ว เธอรับงานประเภทนั้นกับใครอีกหรือเปล่า”
ชายหนุ่มหมายถึงจ๊อบพิเศษของผู้หญิงหลายคนที่มักหาเงินใช้ด้วยการยอมไปนอนกับผู้ชาย เพื่อแลกกับค่าตัวที่จะได้รับกลับมา
“คุณริทอยากรู้ไปทำไมคะ”
คนฟังชาวาบไปทั้งร่างกาย ไม่คิดว่าเขาจะกล้าเอ่ยมันออกมา แท้จริงแล้วหล่อนไม่อยากพูดถึงเรื่องราวน่าอายคืนนั้นให้ต้องเจ็บปวดอีก
“ฉันอยากรู้ ไม่ใช่ให้เธอมาย้อนถาม”
“ทุกชีวิตก็ต้องดิ้นรนกันไป มันไม่ผิดใช่ไหมคะหากแคทจะรับงานแบบนั้นกับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ เพราะผู้หญิงแบบแคทนั้นไม่มีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว”
แคทลียาเลี่ยงที่จะตอบตามตรง แท้จริงแล้วหล่อนไม่เคยรับงานทำนองนี้กับใคร นอกจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็กล้ำกลืนฝืนทนมากพอแล้ว หากให้รับงานลักษณะนี้กับคนอื่น ชาตินี้คงต้องอยู่แบบอัปยศอดสูไปจนวันตาย
อีกอย่างค่าตอบแทนเพื่อแลกกับความสุขในการที่จะลิ้มลองสาวพรหมจรรย์เขาก็จ่ายให้มาอย่างคุ้มค่า มันมากพอจนคิดว่าชาตินี้คงไม่มีปัญหาหาเงินได้มากขนาดนั้นจากการประกอบอาชีพธรรมดาอย่างแน่นอน
คำตอบแบบไม่อ้อมค้อมช่างกระแทกใจคนฟังยิ่งนัก น่าแปลกที่จู่ๆ เขาก็นึกหวงหล่อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เพียงคิดไปถึงว่าที่ผ่านมาหล่อนอาจอยู่บนเตียงกับใครสักคนที่ไม่ใช่เขา หัวใจของเขาถึงกับวาบหวิวอย่างประหลาด
‘หวงเธอเพราะคิดว่าเป็นภาอย่างนั้นเหรอ บ้าจริงเรา’
ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ในใจ ขณะปลายนิ้วแกร่งไล้เส้นผมอ่อนนุ่มเล่นอย่างเพลิดเพลิน
“หากฉันจะขอร้องให้เธอเลิก ห้ามไปกับคนอื่นอีกนอกจากฉันคนเดียว ได้ไหม”
“เพื่ออะไรคะ”
แคทลียาเงยหน้าขึ้นไปสบกับแววตาจังจริง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเขาว่าจะมาไม้ไหนกับตนกันแน่
คงไม่ใช่เพราะเขาคิดอะไรเกินเลย วันนั้นคงไม่มีวันมาถึง...หญิงสาวพยายามย้ำเตือนตัวเอง รู้ดีว่าสังคมของหล่อนกับเขานั้นต่างกันมากเกินไป หากไม่มีเรื่องบนเตียงเข้ามาเกี่ยวข้อง วันนี้หล่อนคงไม่ได้มาอยู่ในอ้อมกอดของซีอีโอหนุ่มแห่งเคพี อินเตอร์กรุ๊ปอย่างแน่นอน
“เพื่ออะไรคะ แคทอยากรู้”
“เอาเถอะ ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกันนะ”
ชายหนุ่มรีบตัดบทหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ แท้จริงแล้วเขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะมารองรับว่าทำไมถึงบอกไปแบบนั้น
“แคทไม่รับปากนะคะ”
“ทำไม! เธออยากจะเป็นนักใช่มั้ย ผู้หญิงที่เขาตราหน้าว่าขายตัวน่ะ”
อารมณ์ของชายหนุ่มเพิ่มดีกรีความร้อนขึ้นมาทันที เมื่อหญิงสาวในอ้อมกอดเอ่ยถ้อยคำที่สวนกับความตั้งใจของเขาออกมา ฝ่ามือแกร่งเผลอบีบต้นแขนเล็กจนแน่นอย่างลืมตัว
“คุณริท แคทเจ็บ”
หญิงสาวพยายามแกะมือแข็งราวคีมเหล็กออกไปให้พ้นตัว ราวปริชญ์จะรู้ตัวว่ากำลังแสดงท่าทีไม่เหมาะสมออกมา ชายหนุ่มจึงค่อยๆ คลายมือออกจากต้นแขนเรียว
“ฉันขอโทษ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องการเงินมากขนาดนั้น ไหนลองบอกฉันมาสิเผื่อฉันจะช่วยเธอได้”
“ก็…ใช้จ่ายทั่วไปค่ะ”
“แค่ค่าใช้จ่าย? ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าแค่นำไปใช้จ่ายจะทำให้เธอยอมขายตัวให้กับฉัน”
“แคทสงสารที่บ้าน ไม่อยากรบกวน เพราะคุณแม่ก็ทำงานไม่ไหว หากแคทไม่ทำแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เพราะแคทเพิ่งเรียนจบยังหางานไม่ได้เลยค่ะ”
แคทลียาเลือกที่จะไม่บอกความจริงทั้งหมดว่ามารดาของหล่อนป่วยต้องใช้เงินมาก ไม่อยากให้เขาเข้าถึงตัวตนมากไปกว่านี้
“ทำไม…แม่ของเธอเป็นอะไร”
คล้ายหัวใจจะไหววูบลงไปเพียงได้รับทราบข้อมูลในอีกแง่มุมหนึ่งที่เขามองข้ามมันไปก่อนหน้านั้น คิดเพียงแค่ว่าหล่อนคงอยากหาเงินไปซื้อของแบรนด์เนมมาใช้เพื่ออัพเกรดตัวเอง เพื่อที่จะได้มีที่ยืนในวงสังคมที่เต็มไปด้วยภาพลวงตา
“บอกฉันมาสิแคทว่าเธอเดือดร้อนอะไร”
ปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา รู้สึกอยากร่วมรับรู้ชีวิตในครอบครัวของหล่อนขึ้นมาในทันใด ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทุกเรื่องที่หล่อนเอ่ยออกมานั้นคือความจริงหรือเรื่องหลอกลวงกันแน่
หล่อนอาจกุเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกความเห็นใจ หวังสูบเงินจากเขาอย่างที่คนอื่นเคยทำ แต่กับเธอคนนี้เขากลับไม่คิดเช่นนั้น แววตาของหล่อนที่มองมา เขารับรู้ได้ว่าหล่อนไม่โกหก
“เอ่อ…ทำไมเราถึงไม่คุยเรื่องอื่นคะ มาผ่อนคลายจะคุยเรื่องเครียดกันทำไมนะ”
แคทลียารีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มจะซักไซ้มากขึ้น หญิงสาวเผยรอยยิ้มแก้มบุ๋มขณะรินเครื่องดื่มใส่แก้วของเขาเพื่อเติมให้เต็ม หลังจากที่พร่องลงไปก่อนหน้านั้น
“แล้วเธออยากคุยเรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องที่ทำให้คุณริทตื่นเต้นไงคะ”
มือนุ่มหยิบแก้วเครื่องดื่มของเขาขึ้นมาถือเอาไว้ ก่อนนำไปจ่อตรงริมฝีปากได้รูปอย่างเอาใจ...ปริชญ์ยิ้มอย่างพึงใจเมื่อหญิงสาวในอ้อมกอดเริ่มรู้จักที่จะเอาใจเขาขึ้นมาบ้างแล้ว มือแกร่งเคลื่อนมากอบกุมมือนุ่มเอาไว้ขณะกำลังละเลียดวิสกี้จากแก้วที่หล่อนบรรจงป้อนให้อย่างนุ่มนวล
“ฉันจะส่งเธอเรียนต่อโทดีมั้ย ฉันอยากให้เธอมีความรู้ติดตัวเอาไว้ แต่มีข้อแม้ว่าระหว่างนี้เธอต้องเลิกรับงานเหมือนอย่างที่เคยทำแล้วมาเป็นผู้หญิงของฉันแทน อดีตที่ผ่านมาฉันจะไม่สนใจ ฉันจะมองแค่ว่าปัจจุบันฉันสนใจเธอก็พอ”
“คุณริท พูดเล่นใช่มั้ยคะ”
แคทลียามองคนตรงหน้าคล้ายไม่เชื่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีถึงขนาดที่จู่ๆ เขาก็ยื่นข้อเสนอที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ออกมา
“ฉันพูดจริง”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”
แคทลียาลอบผ่อนลมหายใจเมื่อสมองกำลังสับสนอย่างหนัก หากหล่อนยอมรับข้อเสนอที่ว่านี้นั่นแสดงว่าหล่อนตัดสินใจเดินเข้าสู่กรงขังที่เขาเปิดเอาไว้รอท่า รู้ดีว่ามันเป็นแผนการอย่างหนึ่ง ที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างแยบยล แผนการเพื่อที่จะผูกมัดเอาไว้ แลกกับการได้หาความสุขจากร่างกายที่ของหล่อนเท่านั้น