องค์รัชทายาทนั่งมองธิดาดอยที่นั่งอยู่บนเตียงนิ่ง ตอนนี้สมองของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง สับสนและไม่เข้าใจ ภาพที่เห็นตอนนกหงส์หยกแปลงกายเป็นคนยังติดตา เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจอหรือเกิดขึ้น ถ้าเขาไม่เห็นด้วยตาตัวเอง เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง องค์รัชทายาทมีความคิดว่า เธอเป็นภูตผีปีศาจ ไม่เช่นนั้นคงทำเช่นนี้ไม่ได้
เป็นภูตผีปีศาจที่น่าจับทำเมียมากที่สุด
“ท่านจะมองข้าอีกนานไหม”
ธิดาดอยเริ่มทนไม่ไหวกับสายตาของเขา แม้ว่าจะเป็นสายตาอัดแน่นไปด้วยความใคร่รู้ ทว่ามันกลับแฝงด้วยเพลิงปรารถนาที่เธอสัมผัสได้
“ก็เจ้าน่ามอง” เขาบอกตรงๆ ธิดาดอยถึงกับเขิน หน้าแดงระเรื่อ
“ท่านไม่คิดจะหาเสื้อผ้าให้ข้าใส่ใช่ไหม”
“จะใส่ทำไม อยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว” องค์รัชทายาทตอบหน้าเปื้อนยิ้ม “ว่าแต่เจ้าเป็นภูตผีปีศาจใช่ไหม”
ธิดาดอยไม่รู้จะตอบเขาให้เข้าใจอย่างไรดี จะบอกว่าตนมาจากอนาคตอันไกลโพ้น ข้ามมิติมายุคโบราณเขาจะเชื่อหรือไม่ เขาคงหาว่าตนบ้าแน่นอน จะบอกว่าเป็นภูตผีปีศาจก็ไม่ได้ เพราะเธอไม่ใช่ ไม่ได้เหาะเหินเดินอากาศหรือหายตัวได้ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ เป็นนกหรือเป็นคน ช่างเป็นการหาคำตอบที่ยากยิ่งที่สุด
“ข้าพูดไปท่านก็ไม่เชื่อหรอก เผลอๆ จะหัวเราะเยาะข้า หาว่าข้าบ้า”
“เจ้าลองพูดมาก่อนสิ ข้ามีเวลาทั้งคืนที่จะฟังเจ้า” เขาไม่พูดเปล่า ย้ายตัวเองมานั่งข้างธิดาดอยที่ขยับตัวหนีด้วยความตกใจ
“ท่านมานั่งทำไมตรงนี้”
“ข้าจะได้ฟังเจ้าใกล้ๆ ไง เจ้าชอบพูดเสียงดัง ชอบทำเสียงตกใจ หลิวกงกงยิ่งหูดีอยู่ ได้ยินเสียงเจ้าเดี๋ยวก็มาถามอีก ข้าไม่อยากโกหก มานั่งใกล้เจ้า ฟังเจ้าใกล้ๆ ดีกว่า” องค์รัชทายาทให้เหตุผล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ธิดาก็เห็นด้วย
“แต่ท่านไม่ต้องนั่งชิดข้าแบบนี้ก็ได้” ธิดาดอยเสียงสั่น
“นั่งใกล้ๆ แบบนี้แหละดีแล้ว เจ้าจะได้ไม่ต้องออกเสียงดัง” เขาก็มีเหตุผลเช่นเดิม “อีกอย่างเจ้าจะได้อุ่นกายเมื่ออยู่ใกล้ข้า อากาศตอนกลางคืนมันหนาว เจ้าไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามีแค่ผ้าห่มผืนเดียวปิดกาย นั่งชิดแบบนี้ดีที่สุด”
องค์รัชทายาทพูดอีกก็ถูกอีก ตอนนี้เธอเริ่มหนาวแล้วจริงๆ เป็นความหนาวที่ไม่ได้มาจากอากาศด้านนอกเพียงอย่างเดียว หนาวจากสายตาและท่าทางหื่นจัดขององค์รัชทายาทร่วมด้วย
คนอะไรท่าหื่นยังหล่อ...
“แต่ท่านไม่ต้องนั่งเบียดข้าอย่างนี้ก็ได้ ถอยไปหน่อย”
“เจ้าอย่าเรื่องมากได้ไหม รีบพูดเรื่องที่เจ้าอยากพูดได้แล้ว” องค์รัชทายาทสั่ง “ถ้าเจ้าไม่รีบพูด ข้าจะทำอย่างอื่นแทนนะ”
ธิดาดอยหันขวับมองหน้าผู้พูดที่จ้องมองเธอไม่วางตา และรับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขาตามลำพังโดยเฉพาะเวลานี้ เวลาที่ทั้งตัวไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น หากองค์รัชทายาทปลุกปล้ำเธอจริง ธิดาดอยคิดว่า คงสู้แรงเขาไม่ได้ เอ...หรือไม่สู้ดีหว่า ช่างเป็นความคิดที่สับสนเหลือเกิน
“ท่านอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ข้าจะพูดแล้ว” ธิดาดอยรีบห้าม
“ก็พูดมาสักทีสิ ชักช้าข้าปล้ำนะ” องค์รัชทายาทเริ่มเผยธาตุแท้ออกมา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่นี่ข้าเป็นอะไรกันแน่ระหว่างนกกับคน เพราะตอนกลางวันข้าเป็นนก แต่พอเวลานี้น่าจะค่ำแล้วข้ากลับเป็นคน” ธิดาดายเริ่มพูด “แต่ที่ที่ข้าจากมา ข้าเป็นคน พอลื่นล้มตกลงน้ำ ขาดีดตัวขึ้นมาเหนือน้ำข้าก็ย้อนอดีตมาที่นี่กลายเป็นนกหงส์หยกทั้งสีและขนาดตัวเหมือนนกที่พ่อข้าเลี้ยงไม่มีผิด สงสัยข้าอาฆาตแค้นมันมากไปหน่อย สวรรค์จึงลงโทษข้าแบบนี้ คนสวยชีช้ำ”
องค์รัชทายาทมองหน้าคนพูด เขาไม่เข้าใจคำพูดของเธอสักเท่าไหร่ ที่ที่ข้าจากมา มันคือที่ไหน ลื่นล้มตกน้ำแต่มาโผล่ที่นี่ มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ ลื่นอีกที่มาโผล่อีกที่ เวลานี้หัวสมองเขามึนไปหมด
“เจ้าพูดว่า ที่ที่เจ้าจากมา มันคือที่ไหน” เขาถามจุดที่ค้างคาใจ ธิดาดอยถอนหายใจก่อนตอบ
“ที่ที่ข้าจากมาในยุคของข้าจะเรียกที่นี่ว่าอดีต ในยุคของท่านจะเรียกมันว่าอนาคต” ธิดาตอบ แต่ดูเหมือนว่า คำตอบของเธอยิ่งทำให้องค์รัชทายาทงงหนักมากขึ้น ดูได้จากใบหน้าเขายังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “เอาเป็นว่า ข้าข้ามมิติมาที่นี่ก็แล้วกัน”
“ข้ามมิติมาที่นี่อย่างนั้นหรือ” องค์รัชทายาททวนคำพูดแม่นกน้อย “เจ้าจะบอกข้าว่า พอเจ้าตกน้ำจากที่ของเจ้า แล้วทะลึ่งตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เจ้าก็มาโผล่ในเมืองของข้า แถมจากคนกลายเป็นนกด้วยงั้นรึ”
“ใช่ ท่านเข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม แล้วไม่คิดว่าข้าบ้าด้วยใช่ไหม”
“ข้าเข้าใจเรื่องอดีต ปัจจุบันและอนาคต แต่ก็ยังไม่เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของเจ้าดีมากนัก ข้าบอกตรงๆ ว่าข้ายังสับสนและงงอยู่” องค์รัชทายาทพูดตามความคิด “ส่วนเรื่องที่เจ้ากลัวว่าข้าจะหาว่าเจ้าบ้า คนอื่นฟังอาจไม่เชื่อ แต่ข้าเชื่อเพราะข้าเห็นกับตาว่า เจ้ากลายร่างเป็นคน เป็นเรื่องที่ข้าไม่เคยได้ยินและพบเห็นมาก่อน ข้าถึงถามเจ้าไงล่ะว่า เจ้าเป็นภูตผีปีศาจใช่หรือไม่”
“จะว่าไป ข้าเองก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่เจอกับตัว ข้าไม่คิดนะว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง”
ธิดาดอยเคยดูในละคร ในภาพยนตร์และอ่านหนังสือนิยายที่พระนางข้ามภพข้ามกาลเวลาไปยุคต่างๆ ตอนที่เธอดูและอ่านก็ยังคิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครข้ามทะลุมิติย้อนกลับไปอดีตหรือข้ามเวลาไปอนาคต ทว่าตอนนี้เธอเชื่อแล้ว เชื่อว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง
“แล้วทำไมเจ้าถึงได้กลายเป็นคนล่ะ” คำถามนี้ธิดาดอยจนด้วยคำตอบ เธอมองหน้าองค์รัชทายาทที่ทำหน้าครุ่นคิดนิ่ง หรือว่าตอนกลางวันเจ้าจะเป็นนก แล้วพอพระอาทิตย์ตกดินเจ้าก็กลายเป็นคน”
องค์รัชทายาทสันนิษฐาน เขาประติดประต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเจอนกหงส์หยกตัวนี้ในช่วงเที่ยงของวัน ซึ่งก็เป็นนกมาถึงตอนเปลี่ยนเวลาเป็นยามราตรี นกหงส์หยกได้กลายเป็นคน
“ถ้าเป็นไปตามที่ท่านว่ามา พรุ่งนี้เช้าข้าก็ต้องกลายเป็นนกน่ะสิ” เธอเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดเขา
“ทางเดียวที่จะรู้ว่า เป็นไปตามที่ข้าคิดไหมก็ต้องรอดูวันพรุ่งนี้”
“อืมจริง”
“ข้าว่าตอนนี้เรามานอนคุยกันดีกว่านะ” ธิดาดอยมองหน้าผู้พูด ใจเริ่มเต้นแรง
“นอนคุย” ธิดาดอยพูดเสียงหลง มองคนหื่นจัดด้วยความหวาดกลัว “ทำไมต้องนอนคุย นอนคุยเรื่องอะไร”
“ก็ข้าขี้เกียจนั่งคุย อีกอย่างเวลานี้ก็เป็นเวลานอนของข้า ข้าง่วงแล้ว...หาว” องค์รัชทายาทเล่ห์เหลี่ยมเยอะแกล้งหาว “เวลาข้าง่วงข้าต้องนอน ข้าเลยชวนเจ้านอนคุยไงล่ะ คุยๆ คุยมาจะได้หลับเลย”
“แต่ข้ายังไม่ง่วง ตอนที่ข้าอยู่เมืองของข้า กว่าข้าจะนอนก็ต้องค่อนคืน” ธิดาดอยไม่ยอม
“ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ที่ของเจ้านะ เจ้าอยู่ต่างเมือง ต่างเวลาด้วย เจ้าก็ต้องทำตามข้าสิ ไม่ใช่ทำตามเจ้า” เขาเองก็ไม่ยอม “ถ้าเจ้าไม่รีบนอน เจ้าระวังผีนะ ผีที่นี่ดุ ใครไม่นอนจะมาหลอกหลอน”
ผีบ้าผีบออะไรจะมาหลอกคนไม่นอน เกิดมาธิดาดอยไม่เคยได้ยิน...ธิดาดอยคิดในใจ
“ท่านไม่ต้องมาหลอกข้า นี่ยังไม่ดึกเลย”
“เจ้ายังไม่รู้อะไร เจ้าเพิ่งมาที่นี่เป็นวันแรก เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่บ้าง เวลา สถานที่หรือแม้แต่กฎระเบียบเจ้าก็ไม่รู้ แล้วเจ้าจะมาเถียงข้าทำไม” น้ำเสียงเขาติดดุเล็กน้อย “ถ้าเจ้าไม่รีบนอน ข้าจะทำอย่างอื่นนะ”
“ทะ...ท่านจะทำอะไร”
ธิดาดอยเสียงสั่นอีกครั้ง
“ผู้หญิงแก้ผ้าตรงหน้าแบบนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ” คนหื่นตอบกลับ ยิ้มน้อยๆ โลมเลียเธอด้วยสายตาที่ธิดาดอยไม่รู้สึกเลยว่า เขาทำสายตาน่าเกลียดใส่ ตรงกันข้ามกลับทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบในอกขึ้นมา
“ท่านอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” ธิดาดอยกำผ้าห่มที่คลุมกายตนไว้แน่น เขยิบตัวหนีร่างสูงใหญ่
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องนอนคุยกับข้านะ ไม่งั้นข้าจะทำ” เขาต่อรอง
“ก็ได้” ธิดาดอยจำใจรับคำ “แต่ท่านต้องสัญญาว่าอย่าทำอะไรข้านะ”
“สัญญา” องค์รัชทายาทกล่าวเสียงหนัก “นอนเถอะ ง่วงแล้ว ข้าไม่อยากถูกผีหลอก...หาว”
แกล้งหาวเสร็จชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอน ตบที่นอนข้างๆ เพื่อให้ธิดาดอยเอนตัวลงนอนบ้าง เธอมองที่นอนว่างเปล่านั้นด้วยใจเต้นระทึก เกิดมาไม่เคยนอนกับผู้ชาย แถมเป็นผู้ชายที่หล่อและหื่นจัดด้วย หลังจากเธอล้มตัวลงนอนก็ต้องมีเหตุให้ตกใจ
“ท่านกอดข้าทำไม เอาแขนออกไปนะ”
คนที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีแต่ผ้าห่มผืนเดียวคลุมกายถึงกับตกใจ เมื่อเขาพลิกตัวมากอดตน
“อย่าพูดเสียงดังไปสิ เดี๋ยวหลิวกงกงได้ยินก็จะมาถามอีก ข้าไม่อยากโกหก แล้วที่ข้ากอดเพราะเจ้าเอาผ้าห่มข้าไปห่ม ข้าก็ต้องกอดเจ้าสิ” องค์รัชทายาทมีคำตอบ “ถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้ากอด เจ้าก็ต้องแบ่งผ้าห่มให้ข้าห่ม เราสองคนจะได้ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันไง”
ยิ่งแล้วใหญ่ ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันงั้นหรือ ไม่เอา ไม่เอาดีกว่า...ธิดาดอยพร่ำในใจ
แล้วเหมือนธิดาดอยจะจนด้วยคำพูดหรือคำค้าน จะให้เขาใช้ผ้าห่มร่วมกับตนก็กระไรอยู่ มีหวังมือเขาอยู่ไม่ซุกแน่ แต่ถ้าให้เขากอดเพื่อคลายหนาว อย่างน้อยเธอก็มีผ้าห่มกั้นขวาง ไม่ได้เนื้อแนบเนื้อ ทว่าคิดไปคิดว่า ตนก็เสียเปรียบอยู่ดี
“ข้าให้ท่านกอดก็ได้”
ธิดาดอยอยู่ในสภาวะจำยอม องค์รัชทายาทอมยิ้ม นอนกอดเธออย่างสบายใจ แต่คนที่ไม่สบายกายคือธิดาดอยที่นอนตัวเกร็ง ตื่นเต้นและหวาดระแวงคนหื่นจัด
“เจ้าเล่าเรื่องที่ที่เจ้ามาให้ข้าฟังหน่อยสิ ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นที่ใด”
“สถานที่ที่ข้าจากมาเรียกกันว่าประเทศไทย...” ธิดาดอยเล่าเรื่องราวของตนที่ไม่รู้ว่า องค์รัชทายาทจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเธอก็ไม่ได้เจาะลึกอะไรมาก เล่าในส่วนครอบครัวตนให้เขาฟังมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องนกหงส์หยกณัชชา ไม่เบื่อไม้เมาประจำบ้าน ที่เธออยากจะหักคอจิ้มน้ำพริกวันละหลายรอบ
องค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อนอนฟังเรื่องที่ธิดาดอยเล่าด้วยความสุขใจ เป็นความสุขที่เขาหาจากหญิงใดไม่ได้ เขานอนกอดผู้หญิงมาเยอะ แต่ไม่มีหญิงงามคนใดทำให้เขาเกิดความสุขทางหัวใจได้เลย เพียงแค่ได้กอด ได้ชิดใกล้ยังรู้สึกถึงความสุขได้มากถึงเพียงนี้ หากทำอย่างอื่นเขาคงไม่สำลักความสุขตายหรอกหรือ หมิงหยางเต๋อเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาทันใด ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนกายสาว เขารู้สึกได้ถึงไฟเสน่หาสุมกาย
จะทนได้กี่คืนกัน...คืนนี้จะรอดไหม จะรอดหรือเปล่า
องค์รัชทายาทยับยั้งชั่งอารมณ์เต็มที่ หากไม่สัญญาไว้เมื่อครู่ รับรองว่า ป่านนี้เขาจับนางทำเมียไปแล้ว
เฮ้อ...คืนอื่นยังมี แม่นางคนสวยไม่รอดมือเขาแน่นอน