เรื่องมหัศจรรย์ 2.3

1907 คำ
           ระหว่างทางที่หมิงหยางเต๋อเดินไปตำหนักพระชายารอง นกเหมยเหมยตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ของวังหลวง ที่นี่มีตำหนักเยอะมาก แถมยังมีฝ่ายต่างๆ หรือที่เมืองไทยเรียกว่ากระทรวงอยู่ในวังหลวงครบทุกฝ่าย ไม่กระจัดกระจายอยู่คนละที่เหมือนบ้านเมืองที่เธอจากมา ยังแอบคิดในใจว่า โชคดีที่ตนเองกลายเป็นนก ไม่ต้องใช้ขาเดิน ไม่เช่นนั้นคงเหนื่อยและเมื่อย แต่จะว่าไปบินก็เหนื่อยเหมือนกัน สู้เกาะบ่าองค์รัชทายาทดีที่สุด           และเมื่อเสด็จถึงตำหนักดังกล่าวก็พบว่า มีการเตรียมต้อนรับองค์รัชทายาท ราวกับเจ้าของตำหนักรู้ว่า พระองค์ต้องเสด็จมา           “ถวายบังคมเพคะองค์รัชทายาท” หมี่ฮั้ว นางกำนัลคนสนิทของพระชายารองที่ยืนรออีกฝ่าย ทำความเคารพตามธรรมเนียม           “ฮุ้ยเตียวเป็นอะไร” องค์รัชทายาททรงตรัสถาม           “ให้พระชายารองตอบพระองค์เองดีกว่าเพคะ” หมี่ฮั้วมีลับลมคมใน องค์รัชทายาทตวัดสายตามองคนพูดเพียงนิด ก่อนก้าวเข้าไปในตำหนัก พอก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ก็พบว่า พระชายารองฮุ้ยเตียวนั่งรออยู่บนเก้าอี้เข้าชุดกับโต๊ะไม้เนื้อดี           ‘สวยแฮะ’ นกหงส์หยกเหมยเหมยพูดในใจเมื่อเห็นความงามของพระชายารอง ที่ทั้งสวยและสง่าสมกับตำแหน่งที่ได้รับ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่นางสวมใส่ก็ประณีตงดงาม ส่วนบนศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผม ติดกิ๊บรูปดอกไม้อันโตๆ เหมยเหมยเพิ่งเห็นกับตาตัวเองว่า การแต่งกายของสมัยจีนโบราณเป็นอย่างไร มีส่วนคล้ายกับในหนังซีรี่ย์จีนที่ตนเคยดู แต่พอมาเห็นกับตาตัวเอง ธิดาดอยยอมรับว่าทึ่ง           “ถวายบังคมเพคะเสด็จพี่” ฮุ้ยเตียวทำความเคารพสามีสูงศักดิ์ที่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้           ‘เสียงหวานเชียว ท่าทางจะอ้อนเก่ง’ นกเหมยเหมยพูดในใจ รู้สึกหมั่นไส้พระชายารองขึ้นมาตงิดๆ           “เจ้าเป็นอะไร” องค์รัชทายาทตรัสถาม น้ำเสียงไม่ได้บอกให้รู้เลยว่า อยากรู้จริงๆ           “หม่อมฉันว่า เสด็จพี่จิบชาก่อนดีกว่าเพคะ หม่อมฉันได้ชาดีมาจากเมืองถัง เป็นชาขึ้นชื่อมากเพคะ มีกลิ่นหอมของดอกไม้ด้วยเพคะ” ฮุ้ยเตียวพูดจบก็พยักหน้าให้ซิงเทียนไปนำชาที่เตรียมไว้มาให้ ซึ่งไม่นานเกินรอ หลังจากชุดถ้วยชาถูกนำมาวางบนโต๊ะ ฮุ้ยเตียวรีบรินให้สามีทันที ขณะยื่นจอกชาให้หนุ่มรูปงาม นางได้ชม้อยชายตาไปด้วย นำความหมั่นไส้มาให้นกเหมยเหมยมาก องค์รัชทายาทหยิบจอกชาขึ้นจิบ ก่อนวางมันลง “ทีนี้บอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าเป็นอะไร” องค์รัชทายาทเริ่มรำคาญฮุ้ยเตียวที่ไม่ยอมตอบคำถามเขาสักที แล้วดูเหมือนว่า เขาคงไม่ได้รับคำตอบ เนื่องจากนางกำลังสนใจนกหงส์หยกที่เกาะบนบ่าตน “นกหงส์หยกตัวนี้น่ารักจังเพคะ เสด็จพี่เลี้ยงมันตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ” “นกของข้าก็ต้องน่ารักสิ แล้วข้าก็รักของข้าด้วย” องค์รัช-ทายาทหันไปพูดกับนกหงส์หยกในประโยคท้าย ก่อนหันมาพูดกับเจ้าของตำหนัก “ว่าแต่เจ้าเมื่อไหร่จะตอบคำถามข้า” ด้วยกระแสเสียงที่ฮุ้ยเตียวรู้ดีว่า องค์รัชทายาทกำลังหงุดหงิด นางจึงตอบคำถามโดยเร็ว “เมื่อคืนหม่อมฉันรู้สึกเวียนหัวและอาเจียนหลายรอบเพคะ เช้านี้หม่อมฉันจึงเรียกหมอหญิงมาดูอาการ หมอหญิงบอกหม่อมฉันว่า หม่อมฉันไม่ได้ป่วย อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการแพ้ท้องเพคะ” คำตอบของฮุ้ยเตียว ทำให้องค์รัชทายาทอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง มองหน้าฮุ้ยเตียวที่ฉีกยิ้มกว้าง “หม่อมฉันกำลังมีทายาทให้เสด็จพี่เพคะ” “จริงหรือฮุ้ยเตียว เจ้ากำลังมีลูกให้ข้าจริงใช่ไหม” องค์รัชทายาทควบคุมความดีใจของตนเองไม่อยู่ รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้า ดีใจที่ตนเองจะได้มีทายาทเสียที เป็นการรอคอยมาหลายปี สุดท้ายเขาก็สุขสมหวัง มีทายาทสืบต่อ “จริงเพคะ เรากำลังมีลูกเพคะ” พระชายารองตอบ ฉีกยิ้มให้องค์รัชทายาท ดีใจที่เห็นรอยยิ้มและความดีใจของสามี ซึ่งเป็นโอกาสดีของนางที่จะทำแต้มเหนือพระชายาอีกสองคน นางจึงไม่รีรอที่จะออดอ้อนสามี “ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกเวียนหัวมาก เสด็จพี่พาหม่อมฉันไปนอนในห้องได้ไหมเพคะ” ฮุ้ยเตียวมีจริต นางเอียงคอเล็กน้อย ยกมือขึ้นแตะลงตรงขมับ ส่งสายตาออดอ้อนสามี นกเหมยเหมยเห็นแล้วอยากจะเบ้ปากและกรอกตาบนถ้าทำได้ หมั่นไส้จริตของฮุ้ยเตียวที่ดูยังไง นกตัวน้อยก็มองว่า เป็นมารยานางมารร้าย น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด อุ้ย...เธอคิดอะไรเนี่ย คิดแบบนี้ได้ยังไงกันนะ... “ได้สิ ข้าจะพาเจ้าไปพักนะ” องค์รัชทายาทไม่ขัดข้อง ลุกขึ้นประคองฮุ้ยเตียวเข้าไปในห้องบรรทม แล้วเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้อง ฮุ้ยเตียวก็เติมมารยาหญิงใส่ทันที “เสด็จพี่เพคะ หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่ได้อุ้มท้องทายาทของเสด็จพี่” ฮุ้ยเตียวกอดองค์รัชทายาท ซบหน้าลงบนอกอบอุ่น “เสด็จพี่อยู่เป็นเพื่อนหม่อมฉันได้ไหมเพคะ หม่อมฉันอยากให้เสด็จพี่อยู่ใกล้ๆ เมื่อคืนนี้หม่อมฉันแพ้มากเลยเพคะ อยากนอนสักงีบแล้วก็อยากให้เสด็จพี่นอนกับหม่อมฉันด้วย เราจะได้นอนพร้อมหน้าพร้อมตากันไงเพคะ สามคนพ่อแม่ลูก” ฮุ้ยเตียวส่งสายตาอ้อนวอนให้สามี หวังให้เขาเห็นใจและใช้ลูกในท้องเป็นเครื่องมือฉุดรั้งให้องค์รัชทายาทอยู่กับตน “นะเพคะเสด็จพี่ หม่อมฉันจะรู้สึกอบอุ่นมากหากเสด็จพี่นอนเป็นเพื่อนหม่อมฉัน” ‘ทำไมหมั่นไส้ผู้หญิงคนนี้จังเลย ขัดหูขัดตาไปหมด ดูสิดู ส่งสายตาอ้อนด้วย แหมๆๆ มันน่าตบเหลือเกิน’ นกเหมยเหมยส่งเสียงจิ๊บๆ ธิดาดอยอยากให้องค์รัชทายาทฟังภาษานกออกเหลือเกิน เขาจะได้รู้ว่า ตนกำลังพูดอะไรอยู่ แต่นี่ไม่มีใครฟังออก นอกจากเธอคนเดียว ‘ถ้าท่านนอนที่นี่กับนาง แล้วข้าล่ะ ข้าไม่ต้องนั่งเฝ้าท่านนอนกับหญิงอื่นหรือ ไม่เอานะ ไม่เอา อยากทำตามที่นางบอกเด็ดขาด’ “ได้สิ ข้าจะนอนเป็นเพื่อนเจ้า” ‘โอ๊ย ขัดใจจัง’ นกเหมยเหมยพูดกับตัวเอง อยากจะกลายร่างเป็นคน แล้วเดินเข้าไปตบจอมมารยาหญิงให้หายคันไม้คันมือ หายหมั่นไส้ แต่แล้วก็ต้องฉุกใจคิด ‘เอ...เราเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้’ “ขอบพระทัยเพคะที่เห็นใจหม่อมฉัน” ฮุ้ยตียวลูบอกองค์รัชทายาทเบาๆ เงยหน้าจุมพิตปลายคางเขา ก่อนไล่ไปตามแนวคาง เลื่อนสูงสู่ผิวแก้ม ไต่มาเรื่อยๆ จนถึงริมฝีปาก ในขณะนั้นมือของฮุ้ยเตียวได้เลื่อนมาวางบนบ่าแกร่งที่มีนกหงส์หยกเกาะอยู่ นกเหมยเหมยที่เห็นว่า ฮุ้ยเตียวเริ่มเล่นหนังสด นกตัวน้อยจึงบินมาขอบเก้าอี้ โดยที่องค์รัชทายาทไม่ทันสังเกต เพราะตอนนี้กำลังหลงเข้าไปบ่วงเสน่หาของฮุ้ยเตียว ‘เฮ้ย! จะทำอะไรกัน ’ นกเหมยเหมยตกใจ เมื่อสองร่างเอนตัวลงบนที่เตียงนอน และทำท่าว่าจะมีอะไรกันต่อหน้านกตัวสวย ‘ตายล่ะหว่า เล่นหนังสดกันตอนกลางวันแสกๆ เลย แถมไม่สนใจเราอีกต่างหาก’ นกเหมยเหมยเหมือนทนดูต่อไปไม่ได้ ซึ่งเธอเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่า เหตุใดจึงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ และไม่คิดจะดูองค์รัชทายาทหลับนอนกับสตรีอื่นให้เป็นตากุ้งยิงเปล่าๆ นกตัวน้อยจึงตั้งใจบินหนีภาพบาดตาบาดใจ แต่จะออกไปทางไหนนี่สิ ในเมื่อประตูกับหน้าต่างก็ปิด แต่แล้วก็หาช่องทางบินออกไปจนได้ นกเหมยเหมยบินลอดลายฉลุตรงหน้าต่าง ซึ่งมันใหญ่กว่าตัวเธอเล็กน้อย สามารถบินออกไปได้สบายๆ บินไปสำรวจวังหลวงดีกว่าดูหนังสดในห้องนี้เป็นไหนๆ เชอะ...คนอะไร ได้ผู้หญิงก็ลืมนก แถมเป็นนกที่สวยที่สุดในโลกด้วย... นกหงส์หยกบินไปบ่นไป ความที่นกเหมยเหมยบินออกไปจากห้อง นกน้อยจึงไม่รู้ว่า เหตุการณ์ในห้องเป็นเช่นไร มันไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคาดคิด ขณะที่ฮุ้ยเตียวเป็นฝ่ายเริ่ม องค์รัชทายาทที่กำลังเคลิบเคลิ้ม เขาหวนนึกถึงนกน้อยที่กลายร่างเป็นคน ภาพความงามยามเหมยเหมยเปลือยกายต่อหน้ายังติดอยู่ในตา ฝังอยู่ในความทรงจำ “เหมยเหมย” อยู่ๆ องค์รัชทายาทก็เรียกชื่อนกน้อย และนั่นทำให้เขารู้สึกตัว เขาดันร่างฮุ้ยเตียวเบาๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง “ใครกันเพคะเหมยเหมย” ฮุ้ยเตียวระงับความไม่พอใจและหึงหวงเต็มที่ เมื่อได้ยินชื่อสตรีหลุดจากปากสามี ทำให้นางอยากรู้ว่า เจ้าของชื่อนี้คือใครถึงทำให้สามีของตนนึกถึง “ชื่อนกของข้าเอง นกหงส์หยกของข้าชื่อเหมยเหมย” เขาตอบ “เจ้าพักผ่อนเถอะ เจ้าท้องอยู่ พักผ่อนให้มากๆ ล่ะ” “เสด็จพี่จะไปไหนเพคะ อยู่กับหม่อมฉันนะเพคะ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปตามหานกของข้า ไม่รู้บินไปไหนแล้วเนี่ย” ตอนนี้องค์รัชทายาทนึกถึงแต่นกเหมยเหมย เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องก็ไร้ร่างนก เขาจึงก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว นำพาความงุนงงและไม่พอใจทิ้งไว้ให้ฮุ้ยเตียว “นกนั่นมีอะไรดี เสด็จพี่ถึงได้เห็นมันดีกว่าข้า” “อะไรเพคะพระชายารอง ทำไมองค์รัชทายาทถึงได้เดินออกไปจากห้องล่ะเพคะ แล้วที่พระชายารองพูดเมื่อกี้หมายความว่าไงเพคะ” หมี่ฮั้วที่เข้ามาในห้อง และได้ยินคำพูดฮุ้ยเตียว นางจึงเอ่ยถาม “ก็เสด็จพี่น่ะสิ อยู่ๆ ก็พรวดพราดออกจากห้องไป จะไปตามหานกเหมยเหมย” “องค์รัชทายาทเห็นนกดีกว่าพระชายารองหรือเพคะ” “เจ้าไม่ต้องมาย้ำ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ข้าอุ้มท้องลูกของเสด็จพี่อยู่แท้ๆ แต่ทำไมเสด็จพี่ถึงสนใจข้าน้อยกว่านกตัวนั้น ข้าทั้งเจ็บใจและไม่เข้าใจ” ยิ่งคิดฮุ้ยเตียวยิ่งโมโห เผลอตัวใช้กำปั้นทุบลงบนที่นอน ในความรู้สึกนึกแค้นใจนกหงส์หยกขึ้นมาจับจิตจับใจ หมี่ฮั้วเห็นอารมณ์คนเป็นนายแล้วไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ นางได้แต่ยืนมองฮุ้ยเตียวที่ระบายอารมณ์ลงบนที่นอนอยู่เงียบๆ   ทางด้านองค์รัชทายาท หลังออกจากตำหนักแพยอง เขาก็เที่ยวเดินตามหานกตัวสวยของตน ทว่าวังหลวงนั้นกว้าง แล้วไม่รู้ว่านกเหมยเหมยบินไปที่ใด จะจากเขาไปหรือไม่ ความกลัวปะปนกับความกังวลว่า นกน้อยแปลงร่างเป็นคนได้จะไม่กลับมาหาตน “เจ้าอย่าจากข้าไปไหนนะ ไม่งั้นข้าใจสลายแน่...เหมยเหมย” องค์รัชทายาทพูดผ่านลม หวังว่าลมจะนำคำพูดเขาไปเข้าหูนกน้อย ที่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่า เธออยู่ที่ใด  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม