เรื่องไม่คาดคิด 1.3

1219 คำ
ยามอิ้ว (อิ่ว) (เวลา 17.00 น. – 18.59 น.)          พระชายาเสี้ยวหลานเสด็จมาหาองค์รัชทายาทที่ตำหนัก ประสงค์หลักคือมาพูดเรื่องการสร้างพระตำหนักในเมืองเจียงยาง แต่จะมาพูดตรงๆ ก็เกรงว่าองค์รัชทายาทจะสงสัย เพราะนางไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง นางจะช่วยฮองเฮาดูแลฝ่ายในมากกว่า เสี้ยวหลานจึงมาพร้อมยาบำรุงสมุนไพรที่นางมักนำมาถวายองค์รัชทายาทบ่อยๆ ซึ่งประกอบด้วย โสม ถั่งเช่า ตังกุยและแปะก๊วย ซึ่งนางนำมาให้พระองค์บ่อยๆ          “ทุกครั้งที่ข้าได้ดื่มยาบำรุงของเจ้า ตื่นเช้ามาข้ารู้สึกสดชื่นมีกำลังวังชาขึ้นมาก ข้าขอบใจเจ้ามากนะ” องค์รัชทายาทกล่าวจากใจ ดื่มยาบำรุงในถ้วยจนหมดแล้ววางลงบนชามรองตามเดิม          “เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันที่ต้องดูแลเสด็จพี่เพคะ หม่อมฉันช่วยเรื่องการเมือง เรื่องราชการไม่ได้ เรื่องที่หม่อมฉันช่วยได้คือ ช่วยให้เสด็จพี่มีพลานามัยแข็งแรงเพคะ” พระชายาเสี้ยวหลานตรัส “วันนี้หม่อมฉันไปเยี่ยมท่านแม่มา ได้ยาบำรุงจับซาไท้เป้ามาหลายชุด ถ้าพระชายารองได้ดื่มยาบำรุงนี้จะส่งผลดีต่อพลานามัยทั้งแม่และลูก แต่ก่อนจะต้มให้พระชายารองดื่ม หม่อมฉันจะให้หมอหลวงตรวจดูก่อนว่า ยาชุดนี้พระชายารองทานได้หรือไม่ กันไว้เพคะ”          “ขอบใจเจ้ามานะที่เป็นห่วงฮุ้ยเตียวกับลูกของข้า” เขามองเสี้ยวหลาน สตรีผู้เลอโฉม ที่เขาน่าจะตกหลุมรักนางได้ไม่ยาก แต่น่าแปลกที่หัวใจของเขากลับด้านชา ไร้ความรักมีแต่ความสิเน่หายามต้องการ “หม่อมฉันเต็มใจเพคะ” เสี้ยวหลานต้องทำตัวให้องค์รัชทายาทเห็นว่า ตัวเองไม่เคยให้ร้ายหรือคิดทำร้ายฮุ้ยเตียว ตรงกันข้ามกลับเอาใจใส่ดูแลฮุ้ยเตียว เผื่อวันหนึ่งที่ฮุ้ยเตียวแท้งลูก เสี้ยวหลานจะได้ไม่ตกเป็นเป้า “เจ้าสบายดีนะ ช่วงนี้ข้ายุ่งๆ เลยไม่ได้ไปหาเจ้าที่ตำหนัก” “หม่อมฉันเข้าใจเสด็จพี่เพคะ” คำพูดแม้ว่าจะฟังแล้วเหมือนเข้าใจ ทว่าในอกกับตรอมตรมที่สามีเมินเฉย แต่ก็ยิ้มรับด้วยความขมขื่นใจ นางพักเรื่องเศร้าไว้ก่อน และเริ่มเข้าประเด็นหลัก “วันนี้หม่อมฉันไปโรงเตี้ยมเอ่อเหลามาเพคะ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องซาลาเปา ท่านแม่หม่อมฉันชอบกินมากเพคะ หม่อมฉันเลยแวะซื้อให้ท่านแม่ แล้วบังเอิญได้ยินขุนนางที่นั่งอยู่ในร้าน เรื่องแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่พวกเขาถกเถียงกันน่าดูเพคะ” องค์รัชทายาทเลิกคิ้วสงสัย มองหน้าผู้พูด “พวกเขาเถียงกันทำไม แล้วเถียงกันว่าอะไร” องค์รัชทายาทถามทันที นั่นเท่ากับว่า เขาตกหลุมพรางพระชายาเสี้ยวหลาน “หม่อมฉันได้ยินว่า พวกเขาอยากให้เสด็จพี่สร้างตำหนักใหม่ เพราะการสร้างพระตำหนักใหม่ของฮ่องเต้คนใหม่คือธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านาน ถือเป็นเกียรติและบารมีขององค์ฮ่องเต้พระองค์นั้น อย่างเสด็จพ่อของเสด็จพี่ก็ได้สร้างพระตำหนักใหม่หลายแห่ง ส่วนพระตำหนักเก่าก็นำไปใช้ประโยชน์ให้ชุมชนนั้นๆ แล้วแต่ว่าจะทำอะไร เสด็จพ่อมีรับสั่งให้ใช้พระตำหนักยู่ที่สร้างในเมืองเจียงยาง เป็นโรงหมอรักษาราษฎรที่เจ็บไข้ได้ป่วย การที่เสด็จพี่ยกเลิกการสร้างตำหนัก นั่นเท่ากับว่า เสด็จพี่ขัดธรรมเนียมปฏิบัติ พวกเขาเชื่อเรื่องโชคลาง กลัวว่าจะเกิดอาเพศกับราชวงศ์เพคะ” พระชายเสี้ยวหลานพูดอย่างมีเหตุผล องค์รัชทายาทชะงักไปเล็กน้อย ตวัดสายตามองพระชายาเสี้ยวหลาน “ข้าเห็นว่ามันสิ้นเปลือง ไม่ได้คิดขัดธรรมเนียมปฏิบัติ ตำหนักเสด็จพ่อก็ยังคงดีอยู่ ข้าไปเมืองเจียงยางไปพักที่นั่นก็ได้ ไม่เห็นต้องสร้างใหม่เลย” องค์รัชทายาทบอกความจริงกับเสี้ยวหลานไม่ได้ เขาจึงหาข้อแก้ต่างไปเรื่อย “นั่นมันก็ถูกเพคะ” เสี้ยวหลานไม่คิดค้าน แต่ขอออกความคิดเห็น “หม่อมฉันรู้ว่า ไม่ควรก้าวก่ายเรื่องราชกิจของเสด็จพี่ แต่หม่อมฉันขอออกความคิดเห็นได้ไหมเพคะ” “ได้ ว่ามาสิ” “จริงอยู่ที่พระองค์กลัวสิ้นเปลืองงบประมาณ แต่หม่อมฉันอยากให้เสด็จพี่สร้างพระตำหนักใหม่ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมา ส่วนพระตำหนักเก่าก็ให้ใช้ประโยชน์ด้านอื่นที่หม่อมฉันเห็นว่า มีหลายอย่างเพคะ ใช้เป็นโรงเรียนสำหรับลูกหลานชาวบ้านที่อาศัยในเมืองนั้นก็ได้นะเพคะ ลูกชาวบ้านไม่มีโอกาสได้เรียนเหมือนลูกหลานคนมีเงินที่ต้องเสียเงินเรียนกับนักปราชญ์หรือบัณฑิต การที่เสด็จพี่ทำเช่นนี้เท่ากับว่า ได้ทำตามเรื่องทำกันมา แถมยังให้ประโยชน์กับชาวบ้านด้วย ถ้าหากความคิดของหม่อมฉันไม่ดีหรือทำให้เสด็จพี่ไม่พอพระทัย หม่อมฉันขอประทานอภัยด้วยเพคะ” หากไม่ติดว่า การสร้างพระตำหนักใหม่มีผลประโยชน์ของเหล่าขุนนางฉ้อโกงเข้ามาเกี่ยวข้อง องค์รัชทายาทจะไม่สั่งยกเลิกให้มีการสร้างพระตำหนัก ทว่าคำพูดของพระชายาเสี้ยวหลานก็มีเหตุผล บิดาเขาก็สร้างพระตำหนักใหม่ และมีคำสั่งให้ใช้ประโยชน์กับพระตำหนักเก่า องค์รัชทายาทถึงกับคิดหนัก สีหน้ามีความหนักใจ ในขณะที่องค์รัชทายาทกับพระชายเสี้ยวหลานกำลังสนทนากัน ก็เป็นเวลาที่นกหงส์หยกเหมยเหมยต้องบินกลับพระตำหนักขององค์รัชทายาทพอดี นกเหมยเหมยบินมาเกาะบ่าของเจ้าของตำหนักที่ยิ้มกว้าง เอื้อมมือไปจับตัวนกน้อยไว้ในอุ้งมืออย่างทะนุถนอม “กลับมาแล้วเหรอเหมยเหมย วันนี้เจ้าบินไปซนที่ไหนมา” เขาคุยกับนกเหมยเหมย ลืมเสี้ยวหลานไปชั่วขณะหนึ่ง “จิ๊บๆ” นกเหมยเหมยตอบกลับด้วยภาษานก “ไปเที่ยวมาทั้งวันคงจะหิวสิท่า วันนี้ข้าจัดสำรับชุดใหญ่ให้เจ้าเลยนะ” องค์รัชทายาทคงลืมไปว่า ตอนนี้พระองค์ไม่ได้อยู่ตามลำพังกับนกน้อย ยังมีพระชายาเสี้ยวหลานที่ฉงนกับคำพูดของเขา “นกเหมยเหมยร่วมเสวยอาหารกับเสด็จพี่หรือเพคะ” “ก็ใช่น่ะสิ อาหารมีเยอะข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก ข้าเลยแบ่งให้เหมยเหมยกินด้วย” “หม่อมฉันได้ยินมาว่า เสด็จพี่เสวยพระกายาหารค่ำในห้องบรรทม ทำไมไม่เสวยในห้องนี้ล่ะเพคะ” เสี้ยวหลานใจกล้าถามคำถามที่ไม่ใครกล้าถาม “ข้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง กินในที่เดิมๆ มันก็เบื่อทำให้กินไม่ลง ไปกินในห้องนอนเจริญอาหารกว่าเยอะเลย เจ้าลองบ้างสิ” องค์รัชทายาทมีคำตอบ และเป็นคำตอบที่เคยตอบหลิวกงกงมาแล้ว “ใกล้พระอาทิคย์ตกดินแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะ ส่วนเรื่องการสร้างตำหนัก ข้าขอคิดดูก่อนล่ะกัน”          “เพคะเสด็จพี่” เสี้ยวหลานมีความหวังว่า เรื่องที่ตนพูดจะเปลี่ยนความคิดองค์รัชทายาท นางมองสวามีที่เดินอุ้มนกน้อยหงส์หยกไปยังห้องบรรทมด้วยความรู้สึกอิจฉานกตัวนั้น ทั้งที่ความอิจฉาไม่น่าจะเกิดขึ้นกับนกเหมยเหมย นางตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเช่นกัน  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม