หมิงหยางเต๋อไม่เคยคิดว่า ตนเองจะเกิดความรู้สึกกระวนกระวาย กังวลใจและกลัว เพราะไม่มีสิ่งใดหรือใครทำให้ตนรู้สึกเช่นนี้ได้ ทว่าวันนี้มีแล้วและเกิดความรู้สึกนั้นมากด้วย ต้นเหตุของความรู้สึกทั้งหลายคือ นกน้อยหงส์หยกที่บินออกไปจากห้องพระชายารองจนป่านนี้ยังไม่บินกลับมาหาตน
นี่ก็ใกล้เวลาตะวันลาลับขอบฟ้าเต็มทน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่านกน้อยเหมยเหมยจะบินกลับรัง และนั่นยิ่งทำให้องค์รัชทายาทกระวนกระวายใจมากขึ้น กลัวว่านกน้อยจะไม่กลับมาหรือกลายเป็นคนต่อหน้าคนอื่น หากคนอื่นที่ว่านี้เป็นบุรุษ ความกลัวเกิดขึ้นในจิตใจเขาทันที ทั้งสวยและมีสรีระสวยงามเช่นนั้นคงไม่รอดมือคนได้ยลโฉมแน่นอน แค่องค์รัชทายาทนึกคิด เขาถึงกับทนไม่ไหว ใจมันร้อนรุ่มดังไฟสุม
องค์รัชทายาทไม่ได้อยู่นิ่งเฉยรอให้นกน้อยกลับมา เขาสั่งขันทีและเหล่าทหารหลายสิบนาย ไม่ใช่สิต้องบอกว่านับร้อยนายน่าจะเหมาะกว่า พวกเขาเที่ยวออกตามหากนกหงส์หยกเหมยเหมยตัวโปรด มีคำสั่งเด็ดขาดที่ว่า ถ้าไม่เจอนกของเขาคนที่ถูกสั่งให้ออกตามหาจะต้องถูกตัดหัว สร้างความปั่นป่วนและหวาดกลัวต่อคนรับคำสั่ง วิ่งวุ่นตามหานกน้อยหงส์หยกจ้าละหวั่น ในวังมีแต่ขันทีและเหล่าทหารวิ่งวนกันเต็มไปหมด เป็นที่แตกตื่นกับคนที่พบเห็น นึกว่าเกิดเหตุร้ายในวังหลวง
หลิวกงกงไม่เข้าใจว่า เหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้เป็นห่วงเป็นใยนกน้องหงส์หยกมาก มากถึงขั้นออกคำสั่งประหารชีวิตหากตามหานกไม่เจอ ทั้งที่นกตัวนี้เพิ่งมาอยู่กับองค์รัชทายาทได้เพียงสองวัน ไม่น่าจะรักและผูกพันถึงขั้นขาดกันไม่ได้ หรือว่านกตัวนี้จะมีอะไรดี
ความที่องค์รัชทายาทอารมณ์ไม่สู้ดี ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจึงสั่งระงับราชกิจทั้งหมด ใครมาขอเข้าเฝ้าต่างถูกปฏิเสธ แม้แต่พระชายาใหญ่มาเข้าเฝ้าก็ยังล่าถอยกลับพระตำหนัก พกความไม่เข้าใจกลับไปด้วยหลังจากได้ฟังเหตุผลที่พระสวามีหงุดหงิด
นกหงส์หยกตัวเดียว ทำให้ทั่วทั้งวังวุ่นวาย...
“เจ้าไปไหนนะเหมยเหมย เจ้าไปไหน” องค์รัชทายาทพูดกับตัวเอง ขณะเดินไปเดินมาตรงศาลาข้างสระบัว จุดที่เขาเจอเหมยเหมยครั้งแรก “เจ้ากลับมาหาข้านะ กลับมาหาข้า”
เขาหวังเหลือเกินว่า สายลมจะพัดพาคำพูดไปเข้าหูนกหงส์หยกเหมยเหมยที่ตอนนี้อาจบินอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเมืองหลวง แล้วเมื่อนกน้อยได้ยินจะได้กลับมาหาตน
ส่วนนกที่ทุกคนออกตามหาบินออกจากบ้านอำมาตย์หลี่ฮั้วพร้อมกับเรื่องสำคัญ นกหงส์หยกได้บินสำรวจไปเมืองหลวงเพราะอยากรู้ว่า ชาวบ้านใช้ชีวิตกันอย่างไร เป็นความแปลกใหม่ที่นกน้อยอยากเรียนรู้ ซึ่งทุกอย่างที่เห็นล้วนตื่นตาตื่นใจตามประสาคนไม่เคยเห็นของจริง เห็นแต่ในหนังและในซีรี่ย์ที่แน่นอนว่า จำลองของจริงทุกเรื่อง
‘ตายล่ะหว่า ใกล้ค่ำแล้ว’
เพราะมัวแต่สนใจนั่นนี่จนลืมเวลา พอเห็นว่าดวงตะวันเริ่มเคลื่อนตัวลงต่ำ ทำให้นกน้อยจอมซนรู้ตัวว่า ถึงเวลาต้องกลับไปหาคนเมียเยอะ เพราะที่นั่นเป็นสถานที่เดียวที่ปลอดภัยยามตนเปลี่ยนรูปกาย ปลอดภัยจากคนอื่น แต่อาจไม่ปลอดภัยจากคนหื่นกาม นกน้อยจึงบินกลับวังหลวง กะเวลาแล้วทันก่อนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
‘โห ทำไมมีแต่ทหารเต็มเลย หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น’
นกหงส์หยกเหมยเหมยพูดกับตัวเอง เมื่อก้มมองไปยังเบื้องล่างก็พบว่า ทหารหลายนายรวมทั้งขันทีหลายคนเดินกันไปมา บ้างก็วิ่ง พร้อมกับร้องเรียกอะไรสักอย่างที่นกน้อยไม่ได้ยินเนื่องจากบินค่อนข้างสูง ด้วยความสอดรู้สอดเห็นนกน้อยจึงบินต่ำลงเพื่อให้ได้ยินประโยคที่คนเหล่านั้นพูด
“นกเหมยเหมย นกเหมยเหมยอยู่ไหน นกเหมยเหมยกลับไปหาองค์รัชทายาทด้วย” ทหารคนหนึ่งตะโกนเรียก
“นกเหมยเหมย กลับไปหาองค์รัชทายาทด้วย” ขันทีอีกคนพูด
“ถ้าตามหานกเหมยเหมยไม่ได้ มีหวังตายกันหมดนี่แน่ๆ” ทหารร่างสูงพูดกับทหารอีกคน
“นั่นสิ หามาหลายชั่วยามแล้วนะยังหาไม่เจอเลย ตายแน่ๆ พวกเรา” ทหารอีกคนกล่าวอย่างเป็นกังวล สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“นกตัวนี้โชคดีจังที่องค์รัชทายาททั้งรักทั้งห่วง ไม่งั้นไม่เกณฑ์คนตามหาแบบนี้หรอก” ขันทีที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นบ้าง
“นั่นสิ ว่าแต่พวกเราออกตามหากันต่อเถอะ ถ้าหาไม่เจอก่อนพระอาทิตย์ตก ตายกันหมดนี่เลย” พูดจบ ทหารและขันทีก็ออกตามหานกน้อยเหมยเหมย
‘โห...พี่โหดถึงกับสั่งตัดหัวทหารและขันทีหากตามตัวเราไม่เจอเลยเหรอเนี่ย ไม่ได้แล้วต้องไปหาพี่โหดก่อน ไม่งั้นคนพวกนี้ตายเพราะนกแน่ๆ’ นกน้อยเหมยเหมยไม่คิดว่า องค์รัชทายาทจะออกคำสั่งเช่นนี้ นกน้อยรีบบินไปยังพระตำหนักขององค์รัชทายาททันที
…………………………………
คนเฝ้ารอก็ยังคงกระวนกระวายใจเช่นเดิม แล้วดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นดวงตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า เวลากำลังจะเปลี่ยนเป็นยามราตรี ทว่าไร้วี่แววที่นกหงส์หยกตัวสวยของเขาจะบินกลับมา ความเป็นห่วงโถมเข้ามาในจิตใจขององค์รัชทายาท ห่วงไปต่างๆ นานา ห่วงว่าตอนนี้นกน้อยจะเป็นเช่นไร ถูกคนหรือสัตว์อื่นรังแกหรือไม่ หากนกน้อยของเขาไม่กลับมาก่อนเปลี่ยนเวลา แล้วมีคนเห็นนกเหมยเหมยเปลี่ยนรูปกายเป็นคนในสภาพเปล่าเปลือย และคนที่เห็นเป็นบุรุษผู้มีจิตใจต่ำช้า อะไรจะเกิดขึ้นกับนกตัวสวยบ้าง เขาไม่อยากคิด ไม่อยากเดาใดๆ ทั้งสิ้น แค่คิดใจองค์รัชทายาทร้อนไม่ต่างกับไฟสุม
‘จิ๊บๆ’ เสียงนกร้องที่ดังอยู่ด้านหลังองค์รัชทายาท เป็นเสียงนกที่เขาคุ้นหู หมิงหยางเต๋อรีบหันไปทางต้นเสียง ความรู้สึกที่แบกไว้ตลอดครึ่งวันหายไปปลิดทิ้ง สีหน้าบึ้งตึงที่พร้อมเหวี่ยงใส่ข้าทาสบริพารเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มแห่งความดีใจที่เห็นนกน้อยเหมยเหมย
“เหมยเหมย เจ้าไปไหนมา รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงแค่ไหน” คนพูดปรี่เข้ามาหานกน้อย จับมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนยกสูงขึ้นระดับใบหน้า “ข้าใจไม่ดีเลยรู้ไหมที่เจ้าบินหนีข้าไป ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ”
หลิวกงกงโล่งใจที่เห็นนกเหมยเหมย แล้วเกิดแปลกใจที่เห็นทีท่าและน้ำเสียงขององค์รัชทายาท ที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน วาจานุ่มนวล รอยยิ้มขององค์รัชทายาทเป็นอีกเรื่องที่หลิวกงกงไม่เคยเห็นนานแล้ว และจำไม่ได้ว่า ครั้งสุดท้ายเคยเห็นเมื่อไหร่ ไม่น่าเชื่อว่า นกหงส์หยกตัวนี้จะทำให้องค์รัชทายาทเปลี่ยนไป
นกน้อยหงส์หยกสะบัดหน้าใส่องค์รัชทายาทที่ทำเป็นพูดดี พูดให้คิดว่าเป็นห่วงเป็นใยตน เพราะถ้าห่วงจริงคงไม่ทำอะไรต่อมิอะไรกับเมียต่อหน้าตน อย่างน้อยๆ ก็น่าจะคิดว่า ตนไม่ใช่นกเต็มร้อย เป็นนกกลางวันเป็นคนกลางคืน ย่อมรู้การกระทำของเขา
แต่ไม่รู้ทำไม เวลาเห็นหน้าองค์รัชทายาท เห็นสายตาออดอ้อน ได้ยินวาจาหวานๆ ที่น้ำเสียงต่างกับตอนพูดกับพระชายารอง มันทำให้ความโกรธและไม่พอใจในจิตใจของนกน้อยหมดไป
เฮ้อ...ให้อภัยเพราะความหล่อนี่แหละ
“ข้าว่า เรารีบเข้าห้องกันดีกว่านะ พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว”
พูดจบ องค์รัชทายาทได้นำนกมาวางบนบ่าของตน ก่อนก้าวเดินกลับพระตำหนักอย่างเร่งรีบ เขาต้องกลับก่อนเข้าสู่ยามราตรี ยามราตรีที่เขาคิดจัดการบางอย่างกับนกน้อยที่กลายร่างเป็นคน