คู่อรินกหงส์หยก

2022 คำ
“นี่แม่คุณ ม้าเรียกจนปากจะถึงรูหูแล้ว แต่ธิดาดอยก็ไม่ตื่นจากบรรทม นอนอุตุนิยมวิทยาจนตะวันจะตรงหัวแล้ว ตกลงธิดาดอยเกิดมาเพื่อนอนใช่ไหม”           “เลิกเรียกธิดาดอยซะทีได้ไหม มีชื่อเล่นก็เรียกชื่อเล่นสิ เรียกอยู่ได้ธิดาดอย” คนพูดทำหน้างอนใส่           “อ้าว ก็ชื่อธิดาดอยนี่ จะให้เรียกอะไร ธิดาขี้เซารึไง” พี่ชายกวนกลับ           “ม้านะม้า ชื่อมีออกตั้งเยอะตั้งแยะที่ดีกว่านี้ทำไมไม่ตั้ง มาตั้งชื่อธิดาดอย ไม่เข้ากับเฮียเลย เฮียชื่อพยัคฆ์ เจ้ชื่อณัฐระพี แต่ทำไมเหมยถึงได้ชื่อธิดาดอยล่ะ” คนไม่ชอบชื่อจริงของตัวเองหน้างอ           “อย่าเรื่องมาก ชื่อไหนก็เหมือนกันแหละ อีกอย่างชื่อธิดาดอยก็เพราะดีออก ไม่เหมือนใครด้วย” พี่ชายปลอบใจ “ไปอาบน้ำได้แล้ว ป๊ากับม้ารอกินข้าว บาปกรรมแค่ไหนเนี่ยต้องให้พ่อแม่คอยกินข้าว”           ธิดาดอยแลบลิ้นใส่พี่ชาย ก่อนหมุนตัวเข้าไปในห้อง อาบน้ำอาบท่า แต่งชุดนักศึกษาลงมาจากชั้นบน เพื่อทานมื้อเช้าในตอนเกือบสิบเอ็ดโมงพร้อมครอบครัว ………………………………..           เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ธิดาดอยหน้ายุ่งเมื่อเห็นเฉิน บิดาเชื้อสายจีนกำลังนั่งหยอกล้ออยู่กับนกหงส์หยกที่บิดาเลี้ยงไว้ แถมยังเอากรงนกมาวางบนโต๊ะ ราวกับว่าให้มันร่วมทานอาหารด้วย           “ว่าไงจ้ะณัชชาของป๊า หิวไหมเอ่ย มามะป๊าจะให้อาหารนะ” เฉินเปิดกรงนก นำอาหารนกไปวางอยู่ในช่องเล็กๆ ที่ใส่อาหารให้นกตัวโปรด ธิดาดอยมองนกหงส์หยกด้วยความอิจฉาที่ชื่อก็เพราะกว่า แถมบิดายังเอาใจอย่างกับลูก           “ป๊า เหมยถามจริงเถอะ ตอนตั้งชื่อเหมย ป๊าเมาหรือเปล่าถึงได้ตั้งชื่อเหมยว่าธิดาดอย แต่ดันตั้งไอ้นกตัวนี้ว่า ณัชชา ชื่อนี้น่าจะเป็นชื่อจริงของเหมยมากกว่านะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธิดาดอยวีนเรื่องชื่อจริงที่แปลกไม่เหมือนใคร เธอโวยตั้งแต่เพื่อนล้อซึ่งก็ผ่านมาหลายปี อยากเปลี่ยนชื่อก็เปลี่ยนไม่ได้           “ป๊าไม่ได้เมา ป๊ามีเหตุผล”           “เหตุผลอะไรป๊า”           “ก็ตอนนั้นป๊ากับม้าไปเที่ยวภูกระดึง และที่นั่นทำให้เหมยเกิดมา เหมยเป็นลูกสาวความหมายคือธิดา ภูกระดึงเป็นภูเอามารวมกับธิดาก็เป็นธิดาภู แต่ชื่อธิดาภูมันฟังดูแปลกๆ ป๊าก็เลยตั้งชื่อว่า ธิดาดอยแทน เห็นไหมว่ามีเหตุผล เพราะจะตายไป”           “ใช่ เฮียก็ว่าเพราะออก ไม่ซ้ำใครด้วย” พยัคฆ์พูดขึ้นบ้าง อมยิ้มจนแก้มป่อง           “เฮียก็พูดได้สิ ชื่อจริงเฮียออกจะเพราะ” ธิดาดอยหน้าเง้า “ชื่อไอ้นกบ้ายังเพราะกว่าเหมยเลย” “เออเว้ย อิจฉาแม้กระทั่งนก” พยัคฆ์พูดติดตลก “มันก็แค่นกที่มีชื่อเพราะกว่า แล้วป๊าก็รักมากกว่า แถมตัวก็สวยกว่า แค่นี้ต้องอิจฉาด้วยเหรอ” “อิจฉามันตายล่ะ จะจับมันย่างกินสักวัน” ธิดาดอยหันไปพูดใส่กรงนกหงส์หยก และทุกคนที่ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับธิดาดอยก็ต้องหัวเราะออกมา เมื่อนกหงส์หยกแสนฉลาดพูดประโยคหนึ่ง “ขี้อิจฉา ขี้อิจฉา” “ไอ้นกบ้าว่าฉันเหรอ เดี๋ยวแม่จับแล่เนื้อซะดีไหม” คนพูดให้ไปแยกเขี้ยวใส่นกหงส์หยกในกรงที่นับวันจะยิ่งไม่ชอบหน้า ถ้าวันไหนทนไม่ไหวจะจับมันไปปล่อยไกลๆ เฉินรีบย้ายนกตัวโปรดไปไว้บนเก้าอี้ข้างตัวทันที ราวกับกลัวว่าลูกสาวคนเล็กจะทำเช่นนั้นจริงๆ ระหว่างที่ทานอาหาร ธิดาดอยมองนกน้อยของบิดาเป็นระยะ นึกอิจฉาที่ชื่อมันเพราะกว่า อยากจะสลับชื่อกันเสียจริง  นกหงส์หยกชื่อเพราะถูกเฉินเลี้ยงดูเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา วันนั้นนกตัวนี้บินมาหลบฝนอยู่บนเครื่องซักผ้าหลังบ้าน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เฉินวิ่งไปเก็บผ้าที่ตากไว้ เมื่อเห็นนกตัวน้อยเปียกปอนไปด้วยฝน และชื่นชอบนกเป็นการส่วนตัว เฉินจึงเลี้ยงดูนกหงส์หยกตัวนี้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ และนับตั้งแต่วันแรกที่ธิดาดอยรู้ว่า เฉินตั้งชื่อให้นกเร่ร่อนตัวนี้ว่าณัชชา เธอก็ไม่ชอบมันทันที เวลาไม่มีใครอยู่บ้านหรือทีเผลอ เธอก็มักจะมาแกล้งมันเป็นประจำ ใช้ไม้เขี่ยตามตัวมันบ้าง แกล้งดึงขนมันบาง บางครั้งก็ตบหัวมันเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ ถ้านกณัชชาพูดได้ มีความรู้สึก มันก็คงอยากเอาคืนคนชอบแกล้งบ้าง ………………………………..           ธิดาดอยเดินมานั่งบนม้าหินหน้าคณะ หน้าเธอง้ำงอผลพวงจากหงุดหงิดเจ้านกณัชชามาตั้งแต่ที่บ้าน ขณะยืนรอรถเมล์ รถมอเตอร์ไซร์ได้เบียดมาทางซ้ายและขับค่อนข้างเร็ว ส่งผลให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ตรงท่อกระเซ็นใส่ตัว เท่านั้นยังไม่พอรถประจำทางสายที่ต้องขึ้นก็มาช้าเหลือเกิน คันแรกเธอไม่ได้ขึ้นเพราะรถเต็มจนไม่มีที่ยืนหายใจ เธอจึงรอรถเมล์อีกคันที่ทิ้งห่างนานครึ่งชั่วโมง พอได้ขึ้นก็เกิดเหตุอีก เมื่อมีเด็กที่นั่งเบาะด้านข้างเกิดเมารถ อาเจียนลงบนพื้น ดีนะที่เธอใช้ความไวลุกขึ้นยืนทัน ไม่เช่นนั้นคงได้เลอะตัวเธอแน่นอน           “แกเป็นอะไรเหมย หน้าบูดอย่างกับตูดลิง” เพตราถามเพื่อนสนิทเมื่อเห็นสีหน้า           “อยากฆ่านก” ธิดาดอยพูดจากใจ “และเมื่อกี้ก็อยากฆ่าเด็ก”           เพตรายิ้มกับคำพูดของเพื่อน ได้ยินคำว่า อยากฆ่านก เธอก็รู้แล้วว่า ธิดาดอยหมายถึงนกณัชชาตัวจ้อยแสนน่ารัก ที่ไม่รู้ว่าเป็นอริกันตั้งแต่ชาติปางไหน เพื่อนเธอถึงได้จงเกลียดจงชังเช่นนี้ หรืออาจเป็นเพราะอิจฉานกที่ชื่อไพเราะกว่า           “แกนี่ก็เก่งกับนกณัชชาเนอะ มันทำอะไรให้ ฉันก็เห็นว่ามันน่ารักดีออก พูดก็เก่ง เชื่องด้วย”           “ตกลงแกเป็นเพื่อนฉันหรือเพื่อนไอ้นกบ้านั่น ถึงได้พูดอย่างนี้” ธิดาดอยเริ่มวีนเพื่อน           “ฉันก็เพื่อนแกน่ะสิ แต่ที่ฉันพูดเพราะอยากให้แกทำใจ มันก็แค่นก นกตัวเล็กๆ น่ารัก จะเทียบกับคนได้ยังไง อีกอย่างนกมันมีอายุไม่กี่ปีเดี๋ยวมันก็บินขึ้นไปสวรรค์แล้ว ทนอีกนิดนึงน่า” เพตราปลอบเพื่อน           “แล้วนี่แกอ่านอะไรอยู่ เล่มหนาอย่างกับหมอน” ธิดาดอยเปลี่ยนเรื่องคุย           “ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง”           “อ่านทำไม เราไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ซะหน่อย”           “อาม่าที่ฉันดูแล ท่านชอบให้ฉันอ่านหนังสือประวัติศาสตร์จีนให้ฟัง ฉันอ่านมาหลายเล่มแล้ว แต่เห็นว่าเล่มนี้น่าสนใจดีเลยยืมอาม่ามาอ่านให้จบ” ฐานะบ้านเพตราไม่ดีนัก เธอต้องทำงานพิเศษเพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว แล้วงานพิเศษของเธอคือ ดูแลคนแก่บ้านเศรษฐีที่อยู่ต้นซอย เพตราต้องไปทุกวันตั้งแต่หกโมงเช้ายันสองทุ่ม แต่ถ้าวันไหนมีเรียนก็จะไปตามตารางเรียน และกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ “มันน่าสนใจยังไง” ธิดาดอยแกะซองขนมแล้วหยิบมันทานหลังถามจบ “น่าสนใจตรงที่ว่า องค์รัชทายาทผู้เหี้ยมโหดที่เป็นฮ่องเต้ในอนาคตกลายเป็นบุรุษผู้มีใจอ่อนโยนในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เชื้อพระวงศ์และคนในราชสำนักต่างพากันสงสัย แต่ก็ไม่มีใครหาคำตอบได้ ฉันชอบตรงนี้มากเลย องค์รัชทายาทเลี้ยงนกหงส์หยกไว้ตัวนึง มันจะเกาะบนบ่าขององค์รัชทายาทไปทุกที แถมพูดเก่งด้วยนะ ฉอเลาะมากเลย องค์รัชทายาทมักพูดกับมันบ่อยๆ แล้วที่น่าแปลกก็คือ ตั้งแต่เลี้ยงนกตัวนี้ องค์รัชทายาทสั่งปลดนางกำนัลถวายตัวทั้งหมด เหลือเพียงตำแหน่งพระชายาที่มีกันอยู่สามคน แต่ก็ไม่ไปหาใครเลยนะ อยู่กับแต่นกหงส์...” เสียงเพตราหยุดลงเมื่อเสียงธิดาดอยขัดขึ้น “พอเลย ไม่ต้องเล่าแล้ว ฉันเบื่อฟังเรื่องคนที่ชอบเลี้ยงนกหงส์หยก สมัยก่อนมีสัตว์เลี้ยงตั้งเยอะแยะ ดันมาเลี้ยงไอ้นกตัวนี้” เรื่องมันก็ชวนติดตาม แต่พอได้ยินว่า องค์รัชทายาทเลี้ยงนกหงส์หยก เธอก็ไม่อยากฟังขึ้นมาทันใด “ขึ้นตึกเถอะ นั่งตรงนี้ร้อน” เพตราไม่พูดอะไร ปิดหนังสือที่ตัวเองกำลังอ่าน ก่อนเก็บใส่กระเป๋าสะพายที่นำมันมาคล้องบนบ่า จากนั้นก็เดินขึ้นตึกเรียนพร้อมกับธิดาดอย ……………………….           ตอนเย็นวันเดียวกัน           ธิดาดอยอารมณ์ดีเดินเข้ามาในบ้าน ในมือถือถุงใส่ขนมหวานเจ้าอร่อยเจ้าประจำที่วันนี้โชคดีซื้อทัน เย็นนี้จึงตั้งใจว่าจะทานให้อยาก หลังจากชวดซื้อไม่ทันมาหลายวัน เธอวางกระเป๋าสะพายและถุงขนมลงบนโต๊ะกินข้าว เดินไปหยิบถ้วยเพื่อมาใส่ขนม หลังจากเทขนมใส่ถ้วยจึงรู้ว่าลืมหยิบช้อนมาด้วย ธิดาดอยจึงต้องเดินกลับไปเอาช้อนในครัว           ขณะนั้นนกหงส์หยกที่เฉินปล่อยให้บินอยู่ในบ้าน ได้บินมาเกาะตรงขอบถ้วยขนมในลักษณะหันหางเข้าหาขนมในถ้วย แล้วมันทำในเรื่องที่ไม่สมควรทำคือ ถ่ายใส่ขนม ช่างเป็นเวลาที่เหมาะสม เจ้าของขนมได้ทันเห็นขี้นกตกใส่ขนมหวานของตนพอดี มันไม่ได้ขี้แค่ก้อนเดียว แต่ไหลเป็นน้ำเลย           “ไอ้ณัชชา ไอ้นกบ้า แกขี้ใส่ชามขนมฉันทำไม” ธิดาดอยโกรธจัด ตะเบ็งเสียงใส่นกณัชชาที่บินขึ้นไปเกาะบนตู้ มองมายังธิดาดอยที่เดินมายืนเท้าเอวหน้าตู้โชว์ “แกลงมาเลยนะ ฉันจะจับแกต้ม แกบังอาจขี้ใส่ขนมที่ฉันอยากกิน”           พูดจบ เธอหันไปหยิบเก้าอี้มาวางหน้าตู้โชว์ ก่อนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เพื่อจับนก นกหงส์หยกแสนฉลาดเหมือนจะรู้ว่า กำลังถูกปองร้าย มันเลยบินหนี ธิดาดอยไม่ยอมแพ้ วิ่งตามมันออกไปนอกบ้าน มันเหมือนจะแกล้งธิดาดอย นกหงส์หยกบินต่ำๆ ให้ธิดาดอยกระโดดจะจับมัน ซึ่งคนตามล่านกก็ไม่ลดละ ตามมันไปเรื่อยๆ จนถึงเลียบคลองที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ซึ่งคลองแห่งนี้ไม่มีขอบกั้น จะมีแค่ปูนก่อนขึ้นมาเท่าขนาดของอินบล็อคกั้นไว้เท่านั้น           “อย่าบินหนีสิวะ จับได้แม่จะต้มโคล้งนกกิน” ธิดาดอยวิ่งไปพูดไป ความที่สนใจแต่นกที่บินอยู่เหนือหัวตน ทำให้เธอไม่ได้มองพื้นว่า มีเปลือกกล้วยตกอยู่ และบังเอิญว่าตอนนี้ฝนได้ตกลงมาโปรยปราย ซึ่งก่อนหน้านี้มันตกลงมาโครมใหญ่ ถนนที่เธอกำลังวิ่งอยู่นี้จึงเปียกไปด้วยน้ำ เมื่อใจมุ่งมั่นจะจับนกหงส์หยกนามว่าณัชชา ดวงตามองมัน เท้าก็ออกวิ่ง ความประมาทจึงเกิดขึ้น เธอเหยียบเปลือกกล้วยบนพื้น ความลื่นทำให้เธอทรงตัวไม่อยู่ เอนไปเอนมา เธอไขว้คว้ามือในอากาศ แต่แทนที่จะหงายท้องไปด้านหลัง เธอกลับเอนตัวไปยังคลอง ตอนนั้นคิดว่าถ้าหงายท้องตัวเองเจ็บตัวแน่ แต่ถ้าตกน้ำยังไม่เจ็บเท่าไหร่ ไม่นานนักร่างเธอก็ตกลงไปในน้ำ ตูม!  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม