พรุ่งนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของปีการศึกษาภาควิชาปกติของคณะอักษรศาสตร์
คืนนี้ก่อนเข้านอน ณภัทร จึงถูกลินดาผู้เป็นมารดาบังคับให้ใส่ชุดนักศึกษามาอวดโฉม หรือเรียกง่ายๆ อีกอย่างหนึ่งว่าบังคับแต่งกายมาให้แม่ตรวจระเบียบดูก่อนอย่างเข้มงวดกวดขัน
ชุดต้องไม่รัดรูปจนเกินไป กระโปรงสอบก็ห้ามสั้น กระโปรงพลีทจีบรอบก็ต้องไม่บางเกินไป กระดุมเสื้อต้องแน่นหนา ซิปห้ามปริ ผ่าหลังห้ามสูง ไม่ให้ใส่ผ่าข้างเห็นโคนขา
สรุปก็คือลินดาเป็นคุณมารดาเจ้าระเบียบระดับห้าดาว เป็นคุณแม่ที่เจ้ายศเจ้าอย่างตามแบบฉบับครอบครัวที่เติบโตมา ชอบความมีระเบียบชอบจัดการชอบบริหาร
เมื่อก่อนตั้งแต่เด็กอนุบาล ชั้นประถม มัธยมคอซอง จนกระทั่งเติบโตเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายถึงปีที่ห้า ณภัทรถูกลินดาคุมเข้มทุกอย่างตั้งแต่เรื่องกินเรื่องแต่งตัวแค่คนเดียว
แต่ต่อมาตั้งแต่มัธยมปลายปีที่หกจนถึงเวลานี้เธอถูกคุณพ่อซึ่งเป็นสามีใหม่ของแม่ช่วยคุมเข้มด้วยอีกคน
ดังนั้นสาวสวยวัยใสจึงต้องแต่งชุดนักศึกษาถูกระเบียบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามาให้ทั้งสองท่านตรวจการแต่งกายที่ห้องพักผ่อนดูทีวีของครอบครัว
เธอยิ้มเต็มหน้าจนเกิดลักยิ้มน่ารักที่ข้างแก้มขาว เรือนผมดำขลับเรียบลื่นปล่อยยาวสยายเคลียไหล่มน ผมหน้าม้ายาวจนต้องปัดออกไปด้านข้าง เผยดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอนยาว
ด้วยชุดที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ จึงคล้ายกับสามารถทำให้คนหนึ่งเปลี่ยนจากสาวน้อยวัยละอ่อนสู่การเติบโตอันยิ่งใหญ่กลายเป็นหญิงสาวเต็มวัยได้ในชั่วข้ามคืน
วิชัยสามีของลินดาขมวดคิ้วมอง สีหน้าเคร่งเครียด
“อืม....ยัยภัทรเปลี่ยนจากการถักผมเปียสวมชุด ม.ปลายเป็นนักศึกษาเต็มตัวแล้ว ผมคงต้องไว้หนวดดุๆ แล้วล่ะ จะทำตัวเป็นเสี่ยธรรมดาไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ที่รักพาผมไปเข้าคอร์สเสริมบุคลิกภาพมาดเจ้าพ่อเลยนะ เอาไว้ข่มขวัญหนุ่มๆ สักหน่อย”
ลินดาหันมาพูดยิ้มๆ “ได้เลยค่ะ”
สามีภรรยาวัยกลางคนสบตาและหัวเราะให้กันเหมือนเป็นคู่รักวัยขบเผาะแรกรุ่น
สายตาที่มองให้กันและกันอ่อนหวานหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความรักใคร่เสน่หาของคู่รักที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงฮันนีมูนมาหมาดๆ
ณภัทรยืนเอียงคอมองแม่แท้ๆ ของตัวเองกับพ่อเลี้ยงด้วยสองตานิ่งสงบแต่สองแก้มแดงมาก
ในความรู้สึกของเธอเหมือนกำลังดูฉากหนึ่งในซีรีย์แนวรักละมุนหวานแหววน้ำตาลละลายในน้ำผึ้งเดือนห้า
ครู่หนึ่งจึงแอบชำเลืองมองกรอบรูปขอบทองที่เพิ่งใส่รูปแต่งงาน ถัดกันยังเป็นกรอบสลักลายหัวใจที่ใส่ใบทะเบียนสมรส สิ่งของทั้งหมดตั้งอยู่บนตู้โชว์หรูหราทันสมัยริมห้อง เยื้องไปทางด้านข้างตรงมุมทีวีขนาดใหญ่
เธอมองทุกสิ่งอย่างเหม่อลอยอยู่บ้าง มองอย่างคนที่กำลังค้นพบว่า พวกคนที่เพิ่งมีความรัก ไม่ว่าอยู่ในวัยไหน อายุเท่าไหร่ โลกทั้งใบของพวกเขาก็คงเป็นสีชมพูสดใสเหมือนกันทั้งนั้น ขนาดทะเบียนสมรสยังตั้งโชว์โดดเด่นสะดุดตาอยู่กลางบ้านเลย
ทว่าถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่พวกท่านก็ยังไม่เคยลืมความเจ้าระเบียบที่มีในสายเลือด ทั้งสองมีนิสัยเจ้าระเบียบที่เหมือนกันคล้ายนัดหมาย โชคดีที่เธอเป็นคนเรียบร้อยเป็นนิตย์อยู่ในกฎเกณฑ์มีระเบียบทุกกระเบียดนิ้วอยู่แล้วอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือคับข้องใจอะไร
ระหว่างที่ณภัทรกำลังคิดในใจก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังมาจากมุมนั่งเล่นอีกฝั่ง เธอชำเลืองมองเล็กน้อย เสียงริงโทนดังอยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นเจ้าของโทรศัพท์จะกดรับเสียที ทั้งๆ ที่เขานั่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตนเองแค่เอื้อมนิ้วกดเท่านั้น กระทั่งแม่บ้านที่คอยดูแลเจ้าของโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ ต้องถามขึ้น
“คุณหนูให้พี่แววรับให้มั้ยคะ”
เจ้าของโทรศัพท์ตอบเสียงขรึม “อืม”
พี่แววกดรับ ฟังปลายสายครู่หนึ่งแล้วหันมาถามอีกฝ่าย “เขาบอกว่าชื่อแนทตี้ค่ะ อยากชวนคุณหนูไปดูหนังวันพรุ่งนี้”
“ไม่ไป”
พี่แววตอบกลับไปตามนั้น ซักพักก็หันมาถามเจ้าของมือถืออีกว่า “เธอบอกว่าแค่ไปกินข้าวก็ได้ค่ะ”
เจ้าของมือถือตอบเสียงราบเรียบ “รบกวนพี่แววปิดเครื่องแล้วเปลี่ยนเบอร์ให้ผมใหม่ด้วยครับ”
พี่แววพยักหน้ากดตัดสายก่อนจะปิดเครื่องตามคำสั่งอย่างที่เคยกระทำมาโดยตลอดตั้งแต่คุณหนูของเธอโตเป็นหนุ่มเต็มวัย
วิชัยมองคนหนุ่มเสน่ห์แรงของบ้านพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะกับลินดา “พรุ่งนี้เป็นวันแรกในรั้วมหาลัยของลูกสาวคนสวย ผมคิดว่าควรให้พี่ชายมาดดุร้ายไปส่งเข้าเรียนแล้วกันนะคุณ จะได้ไม่มีหนุ่มคนไหนกล้าเข้ามาขายขนมจีบตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน”
ลินดาหยุดหัวเราะทันใดแต่ยังคงรักษารอยยิ้มละไมเอาไว้ ทว่าเธอกลับไม่พูดอะไร ทั้งไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ นับเป็นการหยั่งเชิงกลายๆ อย่างแนบเนียน
วิชัยหันหน้าไปทางชายหนุ่มอีกคนที่นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟาอีกฝั่งของห้องนั่งเล่น “ว่าไงรัช พรุ่งนี้แกไปส่งน้องได้รึเปล่า?”
สิ้นคำถาม ณภัทรที่ละสายตากลับมามองพ่อกับแม่คุยกัน จำต้องเหลือบตามองพี่ชายสุดหล่ออีกครั้งทันที
เธอยังมีความผิดติดตัวเรื่องที่เมื่อวันก่อนตอนที่พ่อสั่งให้พี่ชายไปส่งเธอซื้อของแล้วบังเอิญเจอกลุ่มเพื่อน
เพื่อนๆ แย่งกันขอเบอร์โทรพี่ชายคนนี้แล้วเธอก็ให้ไป พวกนั้นโทรหาพี่ชายไม่เว้นวันจนปลายสายแทบไหม้ กระทั่งพี่ชายต้องเปลี่ยนเบอร์โทรใหม่เพื่อตัดรำคาญ
สุดท้ายเบอร์ใหม่ก็ยังเล็ดลอดออกไปอยู่ดี เห็นอยู่เมื่อกี้นี้ไง ยัยแนทตี้นั่นก็คือหนึ่งในเพื่อนของเธอ ซึ่งก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ ขนาดแยกย้ายกันไปเรียนต่อคนละที่แล้วเชียว ยังโทรมาหาแบบนี้
การให้เขาไปส่งเธอในสถานที่ที่อาจจะเจอเพื่อนของเธออีกคงไม่ปลอดภัยแน่ ๆ
หญิงสาวรีบกล่าวปฏิเสธอย่างลนลาน “ไม่ต้องหรอกค่ะ ภัทรไปเองได้สบายอยู่แล้ว เกรงใจพี่รัชนะคะ”
สิ้นเสียงปฏิเสธแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดของหญิงสาว แก้วน้ำที่อีกฝ่ายถืออยู่ก็ถูกวางลงบนโต๊ะกลางห้องนั่งเล่นจนเกิดเสียงดังแกร็กเข็ดฟัน แต่คนหล่อไม่พูดอะไร เอาแต่เงียบทำหน้านิ่งเหมือนฉาบปูนซีเมนต์เอาไว้ตลอดเวลา
หญิงสาวเหลือบมองจึงเห็นเพียงสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก และท่าทางเย่อหยิ่งเกินอัตราชายไทยส่วนใหญ่
สายตานิ่งๆ คมๆ ดุๆ มองณภัทรทีหนึ่ง
แค่ทีเดียวเท่านั้นแต่กลับเย็นชาหนักมาก ให้ความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ทะลุรูขุมขนทุกอณูผิวกายอย่างเหลือเชื่อ
สาวน้อยหลุบตาลง ยังคงเป็นเธอเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่กล้าจ้องมองพี่ชายสุดเนี้ยบคนนี้ได้นานเกินสามวินาที
พี่ชายตามกฎหมายกับพี่ชายในสายเลือดแตกต่างกันตรงนี้ ตรงที่เธอไม่เคยรู้สึกสนิทใจเมื่อจ้องตา
เขามองอย่างไม่ยี่หระปราศจากความใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอีกทางหนึ่งอย่างคนถือตัว ไม่แยแสใครทั้งนั้น เป็นอันสรุปว่าหากมีปัญญาก็เชิญไปเรียนเอง
เขาไม่ไปส่ง!
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอย่างประหลาด
วิชัยขมวดคิ้วบ่นอุบ “เจ้ารัชมันหยิ่งจองหองอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ใคร ๆ ก็ให้ฉายามันว่าคุณชายน้อยผู้เรียบร้อยสุดเนี้ยบ คุณกับยัยภัทรอย่าคิดมากเลยนะ คนที่หล่อร้ายกระชากใจสาวๆ เหมือนพ่อสมัยหนุ่มๆ ก็แบบนี้ ถ้าไม่หยิ่งไม่เชิดเอาไว้บ้าง บันไดบ้านไม่แห้งแน่ ๆ”
ประโยคติดตลกชวนขบขันแท้ๆ แต่ลินดากลับฝืนยิ้มเรียบๆ อย่างคนพยายามอารมณ์ดีไม่คิดมากอะไร ส่วนณภัทรเองก็พยายามยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน
พวกเธอสองคนแม่ลูกเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ในฐานะสมาชิกใหม่ของครอบครัวได้ไม่นาน หากสามีผู้เป็นเจ้าของบ้านบอกชัดว่าลูกชายของตัวเองหยิ่งจองหองและดื้อรั้นตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เพิ่งจะหยิ่งและมีนิสัยแข็งกร้าวอารมณ์ร้ายเมื่อมีแม่เลี้ยงเข้ามาในชีวิต พวกเธอก็ไม่มีอะไรจะเถียง
ลูกสาวกับพ่อเลี้ยงอาจไม่มีปฏิกิริยาเทียบเท่าแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงที่เป็นผู้ชาย เขาคัดค้านหัวชนฝาอยู่นานร่วมปีก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ว่าไม่ต้องการมีแม่ใหม่มาแทนที่แม่คนเก่า
กระทั่งเสี่ยวิชัยเลือกที่จะแต่งงานและจดทะเบียนสมรสโดยไม่สนใจลูกชาย เขาทำใจยอมรับไม่ได้แบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ลินดาจึงค่อนข้างระมัดระวังตัวกับลูกเลี้ยงเป็นพิเศษ
หากเธอกับลูกสาวอยากมีอนาคตที่ดีและสดใสจะต้องไม่มีเรื่องร้าวฉานเกิดขึ้นในบ้านสามีใหม่คนนี้โดยเด็ดขาด
ในชั่วขณะที่ลินดากำลังตระหนักและพะวงถึงการรับมือกับลูกชายคนเดียวของสามีใหม่ ณภัทรเองก็กำลังขบคิดถึงพี่ชายคนนี้อยู่เช่นกัน เธอไม่รู้ว่าคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า
ตั้งแต่กลับมาจากการเลี้ยงฉลองเรียนจบของเธอวันนั้น เธอรู้สึกว่าพี่รัชเหมือนจะหยิ่งมากกว่าเดิมอีกหลายขุม ทั้งถือตัวและดื้อรั้นมีอารมณ์ร้ายขวางโลกขวางคลองหนักข้อขึ้นทุกวัน ท่าทางเฉยเมยไม่เคยเห็นหัวใครและใบหน้านิ่งสงบไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ นั้น เธอเดาไม่ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงระมัดระวังให้มาก ทำตัวออกห่างเพื่อเว้นระยะอันเหมาะสมยิ่งขึ้น ใครจะไปรู้ วันดีคืนดีพี่ชายคนนี้อาจจะมีอารมณ์รุนแรงถึงขั้นลุกขึ้นมาฟาดงวงฟาดงาจนเธอกับแม่ต้องกลายเป็นคนไม่มีที่ซุกหัวนอนก็เป็นได้ อาจถึงขั้นต้องกลับไปมีชีวิตที่ลำบากเหมือนเมื่อก่อน