7 ไม่กล้าทำ

1376 คำ
นลินญาตกใจกับการกระทำของพาริช เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะยื่นแก้มมาให้เธอเองอย่างนี้ เธอใช้มือดันแผงอกแกร่งของเขา เธอรู้สึกว่าพาริชในเวลานี้ช่างทำตัวหน้าไม่อายเสียเหลือเกิน เธอเข้าใจว่าเขาจะโกรธแต่ที่ไหนได้เขากลับบอกให้เธอหอมแก้มทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งจะสารภาพไปและคิดว่าเขาควรจะโกรธ นอกจากเขาจะไม่โกรธเธอแล้วเขายังคะยั้นคะยอให้เธอหอมแก้มเขาอย่างหน้าไม่อาย ใช่สิ เพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอจึงไม่ได้มีผลต่อหัวใจของเขา แต่เธอไม่ใช่เพราะเธอคิดอะไรกับเขาไปไกลมากกว่านั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ทุกการกระทำของเขา ย่อมมีผลต่อหัวใจของเธอเสมอ สุดท้ายแล้วเธอเองก็ไม่กล้าทำ “อย่าล้อเอ๋ยเล่นสิคะพี่พ้อยต์” “ล้อเล่นอะไรคะ พี่ไม่ได้ล้อเล่นเลย น้องเอ๋ยอยากจะหอมก็บอกพี่ตรง ๆ ตอนน้องเอ๋ยเล็ก ๆ พี่ก็หอมน้องเอ๋ยออกบ่อย” มันเหมือนกันที่ไหน ตอนนั้นเธอเพิ่งจะกี่ขวบเอง แล้วตอนนี้เธออายุตั้งเท่าไหร่แล้ว การหอมกันในตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว นี่เขาไม่เคยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเลยสินะ “เอ๋ยไม่คุยกับพี่พ้อยต์แล้วค่ะ” นลินญารีบหันไปเปิดประตูแล้วลงจากรถทันทีขณะที่ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังเล็กของเธอไปเขาระบายยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปด้วย เขาเอ็นดูเธอมาก ยิ่งเห็นเธอมีอาการอย่างนี้เขาก็ยิ่งเอ็นดูเธอหนักมากขึ้น อีกอย่างพ้อยต์พึ่งจะพิจารณาจากการมองเธออยู่ตรงนี้เขาได้เห็นว่านลินญาตัวสูงขึ้น และเหมือนกับเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าน้องสาวของเขาคนนี้โตเป็นสาวแล้วจริง ๆ หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องเรียนแล้วนั่งลงที่โต๊ะประจำของเธอซึ่งเป็นฝั่งริมหน้าต่างด้านหน้าสุดเธอนั่งอยู่กับเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอที่ชื่อตะลิงปิง “กินหนมปังไหมเอ๋ย” ใบหน้ากลมเกลี้ยงของตะลิงปิงสองแก้มของเธอป่องไปด้วยอาหารที่อยู่ในปากราวกับลิงที่กำลังกักเก็บอาหารเอาไว้ในถุงแก้มเมื่อเห็นอย่างนั้นจากอาการที่คิดมากของนลินญาก่อนหน้านี้ทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาเพราะเพื่อนตัวเล็กของเธอคนนี้ชอบทำตลก ๆ ให้เธอได้ขำอยู่เสมอ “ไม่เอา” “ทำไมอ่ะ อร่อยออก นี่ขนมปังโฮลวีทเลยนะจิ้มนมข้นอร่อยมาก เด็ด” ตะลิงปิงพูดไปกินไปตามสไตล์สาวนักกินของเธอ “ถ้าปิงอยากกิน ไว้คราวหน้าฉันจะทำอาหารเช้าที่เป็นขนมปังมาให้กินเอาไหม” นลินญาเสนอว่าเธอจะทำอาหารเช้าให้ ตะลิงปิงก็ดวงตาแพรวพราวเธออยากกินฝีมือเพื่อนเธอมานานมากแล้วไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยกินหรอกนะเธอเคยกินแต่นลินญาทำมาให้เธอกินไม่บ่อยน่ะสิทั้ง ๆ ที่เพื่อนรักของเธอคนนี้ฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยมอย่าบอกใครเชียว “จริงเหรอ เอ๋ยจะทำให้ฉันกินจริง ๆ เหรอ~ แม่เทพธิดาของเพื่อน แม่นางฟ้านางสวรรค์ ฉันดีใจมากเลยนะพรุ่งนี้ขอสองเลยได้ไหม~ จะทำพรุ่งนี้เลยรึเปล่า” ตะลิงปิงรัวคำถามออกมาเป็นชุดส่งผลให้นลินญาที่เห็นท่าทางของเพื่อนน่ารักขนาดนี้ก็อดขำออกมาไม่ได้ เพื่อนเธอน่ารักขนาดนี้จะไม่ให้หลุดขำออกมาได้ยังไงทั้งสองคนคุยกันไปเรื่องสักระยะวิชาเรียนคาบแรกได้เริ่มต้นขึ้นทุกคนต่างก็ตั้งใจเรียนจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเวลาพัก “ปิงแกเคยมีรักแรกไหม” “ไม่เคยอ่ะ ถามทำไมอ่ะ แกเคยมีเหรอ” ตะลิงปิงถามกลับมาแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร นลินญาคิดว่าในเมื่อเพื่อนไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ ต่อให้เธอเล่าหรือปรึกษาอะไรไปเพื่อนก็อาจจะให้คำปรึกษาเธอไม่ได้เพราะขนาดบางคนที่อาจจะสามารถให้คำปรึกษาเธอได้ หรือมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้แต่ถ้าไม่ได้มาอยู่ในจุดเดียวกับเธอ ณ ตอนนี้เวลานี้คงจะเข้าใจความรู้สึกสับสนของเธอในช่วงวัยนี้ไม่ได้ “แล้วพรุ่งนี้วันเกิดแกนี่ ที่บ้านจัดเลี้ยงปะ” “จัดนะ แกจะไปไหมล่ะ” เพราะว่าตะลิงปิงไม่เคยไปงานวันเกิดของนลินญาที่บ้านของนลินญาเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านของเพื่อนเธอเป็นครอบครัวใหญ่ตะลิงปิงรู้สึกว่าเธอออกจากขวยเขินไปหน่อย เธอไม่ค่อยชอบเจอคนเยอะ ๆ จึงกลายเป็นว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมานลินญาจะต้องจัดงานวันเกิดถึงสองรอบ รอบแรกก็คือจัดกับครอบครัวของเธอ รอบที่สองก็คือกับตะลิงปิงเพื่อนรักเพียงแค่สองคน “ไม่เอาอ่ะ บ้านแกคนเยอะ ฉันทำตัวไม่ถูก” “งั้นก็เหมือนเดิมเนอะ” “ได้เลยสบายมาก นัดมาเลยเถอะพี่ปิงคนนี้ว่างให้น้องเอ๋ยเสมอเลยจ้ะ” สองสาวต่างก็กินข้าวกลางวันไปพูดคุยกันไปเรื่อยกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องไปเรียนอีกครั้งเธอทั้งสองคนก็เริ่มไปเรียนหนังสืออย่างปกติเหมือนที่เด็กมัธยมคนอื่น ๆ ทำกัน “พี่ชาร์ลีจะไปไหนครับ” พาริชถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชาร์ลีมีท่าทีรีบร้อนราวกับว่ากำลังเร่งรีบจะไปทำอะไรสักอย่าง ทว่าเมื่อชาร์ลีได้ยินคำถามของพาริชขึ้นมา เขาก็ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจอย่างมากที่พาริชลืมวันนั้นไปได้อย่างไร “อย่าบอกนะว่าลืม” พาริชยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่คิ้วของเขาตอนนี้เป็นปมใหญ่แล้วเมื่อชาร์ลีได้เห็นอย่างนั้นเขาจึงเข้าใจแล้วว่าพาริชคงจะลืมขึ้นมาจริง ๆ “อะไรเหรอครับ” “พรุ่งนี้วันเกิดจ๊ะเอ๋ย แกยังไม่ได้ของขวัญอีกเหรอพ้อยต์” แย่แล้ว! “ผมไปก่อนนะพี่” พูดจบพาริชรีบวิ่งออกไปทันทีโดยที่ชาร์ลีเองก็ยังคงงงกับพฤติกรรมของคนที่เปรียบเสมือนน้องชาย ชาร์ลีเป็นลูกชายคนกลางของชานนท์กับพลอยไพลิน พ่อแม่ของพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน และวันนี้ที่เขาได้เจอกันกับพาริชเป็นเพราะว่าพาริชไม่ได้ไปทำงานแต่แวะมาหาเขาที่ทำงานของเขาแทน ซึ่งเขาในตอนนี้ก็รับหน้าที่ดูแลกิจการแทนพ่อของตนเหมือนกัน “ตาย ๆ ตายแล้วตายอีก ตายซ้ำตายซ้อนแน่เลยกู” เขาลืมไปได้อย่างไรเนี่ยว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของนลินญาหากเขาไม่มีของขวัญให้เธอเขาก็คงมองหน้าเธอไม่ติดแน่ เพราะปกติแล้วในทุก ๆ ปีคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานวันเกิดให้นลินญาก็คือเขา แต่ในวันนี้เขากลับลืมไปได้อย่างไรเขานี่มันแย่มากจริง ๆ “พี่พ้อยต์ไปไหนน่ะพี่ชาร์ลี” “รีบไปซื้อของขวัญให้จ๊ะเอ๋ยมั้ง สงสัยมันลืมน่ะ” ใบพายน้องสาวของเขาเดินสวนกับพ้อยต์ตรงทางเดินระหว่างเข้ามาหาพี่ชายโดยที่พ้อยต์ก็ไม่ได้ทักทายเธอเหมือนทุกที “ตายแล้ว! อย่าให้จ๊ะเอ๋ยรู้เลยนะว่าพ้อยต์ลืมซื้อของขวัญน่ะ” “เรานั่นแหละเก็บปากดี ๆ เมาแล้วชอบพร่ำ” “พี่ชาร์ลี!” “น้ำส้มนี่ ของพี่หรือของใคร” “ไม่ต้องบอกแล้วไม่อยากรู้ เอามานี่พี่จะกินเอง!” ชาร์ลียื่นมือไปหยิบถุงน้ำส้ม และยกขึ้นกระดกดื่ม ไม่ใช่เพียงแค่พาริชคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกเครียด ตัวเขาเองก็ด้วยเพราะไม่รู้จะซื้ออะไรให้คนที่เปรียบเสมือนน้องสาวของเขาอีกคนดี!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม