“อยู่ทางโน้นมีเวลาทำอะไรกินเองด้วยหรือลูก”
ดวงทิพย์ถามหลังจากชายหนุ่มกลับออกไปอีก เพราะยังมีข้าวของที่บรรจุมาในลัง ในกล่อง และกระเป๋าอีกหลายใบ
“นานๆ ทีหรอกค่ะจะได้ทำ”
อนิลทิตาพยายามใส่ใจกับบทสนทนา แม้จะมีชายหนุ่มหุ่นชวนคิดอกุศลมาทำให้ใจวอกแวก
“อินชอบซื้อเครื่องครัว เป็นอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเจอชิ้นที่ถูกใจ ถ้าไม่ได้ซื้อเหมือนสันนิบาตจะกิน อย่างเครื่องแก้วก็มีหลายชุดนะคะ... น้องอิง เงียบนะ!”
หันไปเอ็ดหลานที่ส่งเสียงกรี๊ดขึ้นมาอีก เมื่อชูแขนให้บิดาที่กำลังจะเดินผ่านอุ้ม แต่ไม่ได้รับความสนใจ
เสียงเอ็ดดุๆ ของอนิลทิตาได้ผล ทำเอาผู้เป็นยายถึงกับหัวเราะ
“เอาละ เจอคนปราบจริงจังซะที”
“ร้ายมากหรือคะ เห็นตาแป๋วๆ ไม่น่าจะมีฤทธิ์เดชมากมาย”
“คงเพราะใครๆ ก็สงสาร เลยตามใจกันหมด ร้องแอะเดียว ไม่ใครก็ใครต้องอุ้ม ต้องโอ๋ ก็เลยเป็นอย่างนี้ แล้วก็ฉลาดด้วยนะ รู้ว่าต้องทำยังไงให้ได้รับความสนใจ”
“ไม่ได้การละ”
แม้จะส่ายหน้า แต่แววตาขณะมองหลานสาวตัวน้อยในชุดเอี๊ยมสีเหลืองสดใส ผมตัดไว้สั้นถูกรวบมัดเป็นจุกเล็กๆกลางกระหม่อม กลับมีแต่ความอ่อนโยน
“ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อีกหน่อยคงเสียนิสัยกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง”
“คงไม่ถึงอย่างนั้นหรอกจ้ะ เวลาผู้ใหญ่เอาจริงก็เงียบไปได้เหมือนกัน”
“แต่ก็คงไม่มีใครอยากดุจริงจังเพราะสงสารอย่างว่า” อนิลทิตาต่อให้ “แม่เองก็เถอะ เคยดุหลานบ้างหรือเปล่าอินยังสงสัย”
ดวงทิพย์ยิ้มไม่สนิท ตอบบุตรสาวเสียงอ่อย
“ก็... แม่เวทนานี่ลูก เวลาถูกแม่ดุแกจะหน้าจ๋อย ตาโศกไปทีเดียว”
อนิลทิตาส่ายหน้า หันไปอุ้มร่างเล็กขึ้นจากพื้น จับเข้ากับสะเอว จิ้มนิ้วที่หน้าผากเบาๆ
“ว่าไงฮึ เรา หน้าตาออกจะน่ารักทำไมนิสัยไม่น่ารักเลยล่ะ”
“รัก... รักยาย”
นอกจากเสียงตอบเล็กๆ เป็นคำๆ แม่หนูยังยิ้มแป้นโชว์ฟันซี่เล็กที่เพิ่งขึ้นไม่กี่ซี่ ส่งไปให้คุณยายได้ชื่นใจ
อนิลทิตาหัวเราะ พร้อมกับส่ายหน้า เมื่อได้ยินคำพูดประจบของหลานน้อย
“อย่างนี้ซี ยายถึงได้รักได้หลง จะเอ็ดจะดุเลยไม่กล้า”
เปลี่ยนจากกระเตงร่างเล็ก เป็นจับยกชูไปข้างหน้า ขณะมองหน้ารูปหัวใจดวงน้อย ปากก็พูดกับมารดาพร้อมกันไป
“แม่ว่าน้องอิงเหมือนอินจริงๆ หรือคะ”
“เหมือนอย่างกับแกะ หลอกคนไม่รู้จักว่าเป็นลูกสาวอินรับรองไม่มีใครสงสัย”
คนตอบไม่ใช่มารดา แต่เป็นบิดาของแม่หนูน้อยที่กำลังจะเดินแบกลังไปวางซ้อนรวมกันไว้ที่จุดเดียว
อนิลทิตาไม่เห็นสีหน้าคนพูด เพราะเดินผ่านไปแล้ว
มองมารดาเพื่อให้ช่วยยืนยันอีกคน ก็พบว่าผู้เป็นแม่มีสีหน้าคล้ายจะขบขัน แต่ก็ช่วยยืนยันคำชายหนุ่ม
“เหมือนอย่างกับแกะอย่างพ่อณัทว่า เป็นแม่ลูกกันได้สบายเลย”
ณัทธรเดินกลับมาพอดีได้ยินคำพูดอดีตแม่ยาย ก็ทำหน้ายิ้มๆ แต่ไม่ยอมสบใครเลย
อนิลทิตาเห็นว่าชายหนุ่มหน้าตาออกแดงๆ แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะออกแรงยกของมากกว่าอื่น ก็ไม่ได้ใส่ใจ
วันเวลาล่วงไป อนิลทิตาได้รู้ว่าหลานสาวตัวน้อยของเธอไม่ใช่เด็กร้ายกาจอะไรนักหนา เพียงแต่คนดูแลจะต้องใจแข็งหน่อย ไม่ใช่ร้องแอะก็วิ่งหาของเล่นประเคน อีกแอะก็อุ้มก็โอ๋กัน
เพียงสองอาทิตย์กว่า แม่หนูผู้ฤทธิ์มาก เอาแต่ใจ ก็กลายเป็นเด็กสุขภาพจิตดีอย่างสมบูรณ์
นิสัยไม่ได้ดังใจเป็นร้องกรี๊ดค่อยๆ หายไป เพราะรู้เสียแล้วว่ายิ่งร้อง จะยิ่งไม่มีใครสนใจ
ทั้งนี้เพราะน้าสาวที่นับวันแม่หนูจะติดเป็นตังเมนั้นเอง บอกแก่ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่บิดาของแม่หนูเอง ห้ามให้ความสนใจเวลาแม่หนูร้องกรี๊ดๆ เนื่องจากไม่ได้ดังใจ
ล่วงพ้นเดือนแรก เด็กหญิงพิมพ์ทิตาก็เลิกนิสัยลงดิ้นปัดๆ ส่งเสียงร้องกรี๊ดแสบแก้วหูหากไม่ได้ดังใจอย่างสิ้นเชิง
“อินนี่เก่งนะ เดือนเดียวก็ปราบยายหนูอยู่หมัด”
บิดาของเด็กหญิงชมขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อแวะมาหาบุตรสาวหลังเลิกงาน เพราะยังหาพี่เลี้ยงไม่ได้
“อินแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ แค่ต้องใจแข็งหน่อยเท่านั้นเอง ก็สงสารหรอกค่ะ เวลาเห็นแกร้องจนคอแหบคอแห้งแทบจะไม่มีเสียง แต่ถ้าเรายอมให้ตั้งแต่วันนี้ ต่อไปจะยิ่งสอนกันลำบาก”
“พี่เชื่อละ ถ้ามีลูกของตัวเองอินคงเป็นแม่ที่ดีเอามากๆ”
อนิลทิตาเงียบกริบ เบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนสีหน้าแววตา
ณัทธรมองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ผละไปเงียบๆ
เด็กหญิง พิมพ์ทิตามีนิสัยดีขึ้น รู้อยู่มากขึ้น แต่สถานการณ์ระหว่างบิดาของแม่หนู กับน้าสาวของแม่หนู กลับทำท่าว่าจะแปรผกผัน คือเป็นไปในทิศทางตรงข้าม
อนิลทิตาเป็นฝ่ายคอยหลบหน้าหลบตาอดีตพี่เขยก่อน ดูเหมือนณัทธรเองก็รู้
วันหนึ่งเขาพูดขึ้นด้วยถ้อยคำทำเอาเธอถึงกับสะอึกอึ้ง
“ไม่ต้องคอยหลบหน้าพี่หรอกอิน บอกคำเดียวไม่อยากเจอะเจอ พี่จะไม่มาให้เห็นอีก”
เธอไม่ได้บอกตามที่เขาแนะ แต่ณัทธรก็หายหน้าไปเลย พาลูกสาวตัวน้อยกลับไปอยู่ด้วยที่บ้านไร่ตามเดิม หลังจากให้แม่ยายกับน้าสาวของเด็กหญิงช่วยเลี้ยงทั้งกลางวันกลางคืนตลอดเดือนที่ผ่านมา
“งานที่ไร่ก็ฟังว่ากำลังยุ่ง แล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ พ่อณัทถึงมาขอเอาลูกกลับไปดูแลเอง แล้วพี่เลี้ยงที่ได้มาจะประสาหรือเปล่าก็ไม่รู้”
อนิลทิตาทำเหมือนไม่ได้ยินคำปรารภลอยๆ ของมารดา
กระทั่งมีคำถามตรงๆ ตามมา
“อินมีปัญหาอะไรกับพี่เขาหรือเปล่า ลูก”
“ปัญหาอะไร? ไม่มีนี่คะ”
ดวงทิพย์ทำท่าจะพูด แต่ก็ไม่พูด
ผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ ก็ยังไม่มีข่าวคราวจากทางไร่มณฑาธาร คุณยายผู้รักหลานอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
“อินไปดูให้แม่ทีเถอะ”
ดวงทิพย์พูดอย่างตั้งใจให้ฟังเป็นคำสั่ง
“เงียบหายไปอย่างนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ถึงว่าจะมียายหงิมเป็นหูเป็นตาช่วยกำกับเด็กพี่เลี้ยงอีกทีแม่ก็ไม่ค่อยไว้ใจ”
“ได้ค่ะ พรุ่งนี้สายๆ อินจะไปดูให้”
อนิลทิตาไม่เกี่ยงงอน ตัวเองก็คิดถึงหลานเต็มที คิดอยู่ว่าภายในวันสองวันนี้ถ้ายังเงียบหายก็จะโทรไปถามข่าวจากแม่สงิม