ตอนที่ 2 นางเงือก
เมยาวีเดินกลับมายังบ้านไม้สองชั้นค่อนข้างผุพังตามกาลเวลาบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ท้ายไร่ส้มโอของไร่พร้อมรัก ลักษณะก็คือเป็นบ้านพักของคนงานทั่วไปตั้งเรียงกันอยู่ห้าหลังแต่ในละแวกที่เธออยู่มีคนพักอยู่แค่สองหลังเท่านั้นก็คือหลังที่หนึ่งของใครก็ไม่ทราบและเธออยู่ท้ายสุดคือหลังที่ห้า
เงินหมื่นในมือเมยาวีแบ่งสันปันส่วนเรียบร้อยถึงแม้ในบ้านจะมีอุปกรณ์เช่นหม้อหุงข้าวและเตาแก๊สแต่ก็ต้องเสียเงินซื้อข้าวเติมแก๊สเองเวลามันหมด บางทีก็งงว่าตัวเองทำงานที่นี่มานานหรือพึ่งมาเพราะบ้านหลังเก่าเหมือนไม่มีคนอยู่มาสักพักแล้ว กว่าเธอจะทำความสะอาดให้กลับมาน่าอยู่ได้ก็เล่นเอาเหงื่อซก หนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำได้เพียงออกไปเก็บยอดผักบวบหรือยอดฟักทองที่เกิดมาตามธรรมชาติเพื่อมาลวกกินกับข้าวสวย ข้าวของเครื่องปรุงเหมือนเป็นของผู้อาศัยคนเก่าทั้งมีหมดอายุบ้างและยังไม่หมดรวมไปถึงข้าวสารที่มอดเจาะไปกว่าครึ่งกระสอบเวลาเลิกงานมาจากไร่ก็ต้องเอาข้าวมาผลัดและเลือกข้าวเม็ดดำออกก่อนนำไปหุงกิน
“อ้าว มาช้าจังล่ะ” แม่ค้าบนรถพุ่มพวงเอ่ยถามหญิงสาวที่ตัวเองเห็นว่าด้อม ๆ มอง ๆ อยู่นานแล้วแต่ไม่เดินมาพร้อมคนงานคนอื่น รอจนคนงานไปหมดค่อยเดินออกมาจากมุม
“มีอะไรเหลือบ้างจ๊ะ” เมยาวีมองตะกร้าว่างเปล่าทุกอย่างพลันนึกในใจแล้วว่าคงไม่พ้นต้องไปเก็บยอดผักมาลวกกินอีกแน่
“คนงานใหม่เหรอเรา ยังสวยยังสาวต้องมาทำงานในไร่ตากแดดตากลมแต่ก็นะพ่อเลี้ยงสิงห์ได้ชื่อว่าใจดีกับคนงานตัวเองมาก”
เมยาวีเริ่มคิดแล้วว่าเธอไม่ใช่คนงานของไร่นี้จริง ๆ ขนาดแม่ค้ายังทักว่าเธอเป็นพนักงานคนใหม่เลย แล้วเธอเป็นใครก่อนหน้านี้ทำงานที่ไหนแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ
“หมดแล้วสินะจ๊ะ” หล่อนเลือกที่จะไม่ตอบมองตะกร้าที่เคยเต็มไปด้วยของกินมากมายอย่างเศร้าใจ
“ยังหรอก เอ้านี่” หันไปเปิดถังน้ำแข็งข้างกายหิ้วถุงเนื้อสดออกมารวมไปถึงผักผลไม้อีกหลายถุง ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องเก็บไว้หรือเพียงเพราะเห็นสายตาเศร้าสร้อยเอาแต่แอบอยู่ข้างเสาของผู้หญิงตรงหน้า
รอยยิ้มสวยปรากฏขึ้นหลังเห็นพวกเนื้อไก่เนื้อปลาตรงหน้า หนึ่งเดือนที่อาหารประเภทเนื้อไม่ตกถึงท้องเธอเลยสักนิด
“ขอบคุณค่ะ”
เมยาวีมองเงินใบสีม่วงหายไปในพริบตาเดียวแต่เธอก็ได้ของมาตุนไว้กินไปอีกนานหลายวันอาศัยอยู่คนเดียวกินไม่เยอะเลยตัวผอมบางเหมือนคนขาดสารอาหารอยู่เหมือนกัน
“เมล็ดผักฉันไม่ได้ปลูกหรอก เอาไปปลูกสิ” แม่ค้ายื่นถุงสีขาวด้านในมีพืชพันธุ์ผักสวนครัวอยู่มากมาย
“จ่ายเงินก็ได้นะคะ” เมยาวีเตรียมหยิบเงินออกมาแต่โดนแม่ค้าห้ามไว้ซะก่อน
“ไม่ต้อง ๆ มันอยู่ตรงนี้มานานเป็นปีแล้วอาจจะหมดอายุไปแล้วด้วยซ้ำเอาไปปลูกใส่กระถางเผื่อมันเกิด”
“งั้นก็ขอบคุณนะคะ”
“อือ อาทิตย์หน้าจะมาซื้อไหม...จะได้เก็บไว้ให้”
เมยาวีพยักหน้าหงึกหงัก เป็นครั้งแรกที่มีคนมาพูดดีด้วยในไร่ถึงเป็นแค่แม่ค้าที่ผ่านมาขายของให้พนักงานในไร่อาทิตย์ละครั้งตามกฎของไร่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำงานอยู่ที่นี่อีกนานไหมแล้วทำไมตัวเธอเองถึงได้มาติดอยู่ที่นี่หวังว่าจะมีใครสักคนให้คำตอบข้อนี้ของเธอได้
เมยาวี เธอคงชื่อนั้นจริง ๆ เพราะเห็นหลายคนนินทาเธอในชื่อนั้นแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้คนทั้งไร่โกรธเกลียดหรือเพราะตอนนี้เธอจำอะไรไม่ได้เลยสมองขาวโพลนที่จำได้ก็มีแค่หนึ่งเดือนมานี้ว่าตัวเองถูกกระทำโหดร้ายแค่ไหนทั้งทางวาจาและการกระทำ
แต่ถ้ามัวแต่ก้มหน้าร้องไห้เธอคงตายไปตั้งแต่เจ็ดวันแรกที่ต้องกลายมาเป็นคนงานอย่างงง ๆ ก้มลงมองมือแตกด้าน บ้างก็เป็นหนองแตกไปแล้วก็มี มันเจ็บมากแต่เธอมีทางเลือกที่ไหนกัน พอครบหนึ่งเดือนกลายเป็นว่ามือที่เคยนุ่มของตัวเองตอนนี้กลายเป็นเนื้อด้านหยาบไปแล้ว
ที่มันแย่กว่านั้นก็คือเธอคิดไม่ออกว่าตัวเองเป็นใครไม่มีความทรงจำใด ๆ หลงเหลืออยู่เลย แค่อยากมีใครสักคนที่เธอรู้จักมักคุ้นคงจะดีไม่น้อย
ที่มันแย่กว่านั้นก็คือเธอคิดไม่ออกว่าตัวเองเป็นใครไม่มีความทรงจำใด ๆ หลงเหลืออยู่เลย แค่อยากมีใครสักคนที่เธอรู้จักมักคุ้นคงจะดีไม่น้อย
เมยาวีทำไก่ต้มน้ำปลาแค่สามน่องเท่านั้นโชคดีที่ตู้เย็นด้านนอกผุพังแต่พอเสียบปลั๊กใช้งานมันยังใช้ได้อยู่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะเอาพวกเนื้อไปแช่ไว้ไหนตอนซื้อก็ดีใจแค่คิดว่าจะได้กินลืมไปเลยว่าตัวเองไม่มีที่แช่ บุญยังพอมีตู้เย็นรุ่นเก่ายังใช้งานได้
หลังจากต้มน่องไก่ไว้เมยาวีก็เข้าไปอาบน้ำซึ่งมันก็มีสภาพเหมือนกันคือใช้งานอะไรแทบไม่ได้ขนาดเครื่องกรองน้ำยังพังจนได้ใช้ผ้าขาวสะอาดมามัดก๊อกน้ำไว้แล้วอาบจากในถังแทนจากฝักบัว แม้จะรู้สึกรับไม่ได้ด้วยจิตสำนึกด้านในแต่ถ้าไม่ทนอาบแล้วเธอจะไปอาบน้ำที่ไหนกัน
“อ้าว” เมยาวีอุทานออกมาเสียงเบาเพราะน้ำอยู่ดี ๆ ก็หยุดไหลมองน้ำเหลือก้นถังก็ได้แต่ลนลานเพราะหัวเธอยังฟูไปด้วยฟองยาสระผมอยู่เลย “เป็นอะไรเนี่ย” ตบก๊อกน้ำแต่เหมือนแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
ท้ายที่สุดแล้วเมยาวีก็ได้นุ่งกระโจมออกจากบ้านพักคนงานมือหิ้วตะกร้าอุปกรณ์อาบน้ำพร้อมขันหนึ่งใบตรงไปยังทะเลสาบท้ายไร่ส้มโอตอนนี้เธอแสบตาไปหมดแล้วไม่มีความกลัวอยู่ในหัวมาถึงก็เดินลงตรงไม่ลึกมากก่อนจะรีบล้างฟองยาสระผมออก
ซ่า!
เมยาวีโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำเอียงซ้ายขวาให้น้ำออกจากหูตัวเองเพราะความรีบและแสบตาทำให้ตอนนี้น้ำเข้าหูไปเรียบร้อย แต่ในขณะที่หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่นั้นท่าน้ำไม่ไกลจากตรงที่เธอยืนเหมือนจะมีคนอยู่ตรงนั้น เมยาวีเพ่งมองอยู่นานเพราะกลัวผีหลอกเพราะตอนนี้มันใกล้จะมืดแล้วด้วยแต่เพ่งมองอยู่นานกลับเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว
เมยาวีแหวกว่ายไปทางน้ำเพราะคิดว่าใกล้กว่าการที่เธอจะเดินขึ้นฝั่งแล้ววิ่งอ้อมเนินดินไปตรงจุดนั้น
“อ๊า ช่วยด้วย”
หมับ! ข้อมือเล็กถูกดึงไว้ทันก่อนที่จะดำดิ่งไปใต้น้ำจับตัวเด็กหมุนหันหน้าออกจากตัวเองใช้วงแขนล็อกตรงคอไว้ก่อนจะแหวกว่ายไปตรงท่าน้ำเมื่อขาถึงพื้นดินเมยาวีก็ช้อนร่างเล็กขึ้นไปบนปีกไม้เก่า ๆ
“เจ้าหนู” มือหยาบกร้านประคองแก้มอิ่มไว้เบา ๆ
“แค่ก ๆ” เจ้าหนูน้อยไอพ่นน้ำออกมาจนหน้าดำหน้าแดง หันไปมองคนด้านข้างสายตาพร่ามัวมองไม่ชัดเท่าไหร่
“เป็นอะไรไหมคะ”
เด็กน้อยส่ายหน้าไปมาเบา ๆ พยายามปรับสายตาเพ่งมองคนด้านข้างที่โผล่มาแต่หน้าตัวยังอยู่ในน้ำ
“ลืมไปเลย” เมยาวีอ้าปากเหวอก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าน่องไก่ทั้งสามของเธอยังคงอยู่ในหม้อนี่นา ประจวบกับเห็นไฟฉายส่องใกล้เข้ามาพร้อมกับเสียงตะโกนก้อง
เมยาวีลูบหัวเด็กน้อยเบา ๆ ครั้งสุดท้ายก่อนจะล่าถอยว่ายน้ำกลับไปทางเดิมที่มาจึงไม่เห็นว่ามีมือเล็กพยายามคว้าจากทางด้านหลังสายตาพร่ามัวพยายามมองตามแต่ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี สัมผัสอุ่นวาบบนศีรษะฝังลึกลงในความรู้สึกอย่างรวดเร็ว
“นายน้อย!” ลุงกานคือคนงานเก่าแก่ของไร่พร้อมรักวิ่งจากทางชันลงมาถึงตัวนายน้อยของไร่พร้อมรักหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มเรียบร้อย “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก”
เด็กน้อยส่ายหน้าไปมาเบา ๆ ขณะที่โดนอุ้มขึ้นมาพาดบ่าสายตายังคงทอดมองไปไกลหรือว่าตัวเองจะเห็นนางเงือกเหมือนในนิทานที่พ่อเลี้ยงชอบอ่านให้ฟังก่อนนอน
นางเงือกมีจริง!
“ไอ้แหลมรีบโทรหาพ่อเลี้ยงว่าเจอคุณเสือแล้ว” ลุงกานมองทะเลสาบขนาดกว้างเป็นแอ่งน้ำบนภูเขาจะเรียกว่าสวยก็สวยแต่ก็อันตรายมากเช่นกัน
ลุงกานเอี้ยวตัวไปมองที่ชานน้ำอีกครั้งมีเพียงปีกไม้ตอกตะปูยกสูงไม่น่าเชื่อว่านายน้อยจะปีนขึ้นมาได้เพราะทั้งตัวที่เปียกชุ่มทำให้เขามั่นใจเหลือเกินว่านายน้อยได้ตกลงไปในทะเลสาบแน่นอน
“ครับลุงกาน” แหลมรีบยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายหาพ่อเลี้ยงสิงหราชทันที
ร่างสูงก้าวเร็ว ๆ ไปทางลุงกานคนงานเก่าแก่ของไร่สีหน้าบึ้งตึงคิ้วขมวดเป็นปมเริ่มคลายออกเมื่อเห็นคนที่ตัวเองตามหามาทั้งบ่ายหลับปุ๋ยบนบ่าของคนงาน สองแขนแกร่งเอื้อมไปด้านหน้ารับตัวเด็กแสบมากอดไว้เอง
“เจอที่ทะเลสาบท้ายไร่ส้มโอครับ” ลุงกานมองตามด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กันแต่ไม่ได้บอกไปว่าใครเป็นคนช่วยขึ้นมาหรือคุณเสือขึ้นมาเองแม้ข้อหลังความเป็นไปได้มันจะน้อยนิดก็เถอะ
“ขอบคุณมาก” พ่อเลี้ยงสิงหราชเอ่ยขอบคุณก่อนจะอุ้มลูกชายตรงกลับไปยังบ้านหลังใหญ่
“พ่อ” เด็กน้อยปรือตาขึ้นมองพ่อของตัวเองมือเล็กเอื้อมไปจับแขนเสื้อผู้เป็นพ่อไว้ “ผมเจอนางเงือก”
“นางเงือก?” พ่อเลี้ยงสิงหราชขมวดคิ้วมุ่นคิดว่าตัวเองคงไม่ได้หูฝาดยกมือไปลูบผมนุ่มอย่างรักใคร่ ลูกชายเขาอาจจะป่วยเพราะตกน้ำแน่ ๆ เลย “นอนเถอะตื่นมาจะได้กินข้าวต้มกุ้งที่ลูกชอบ”
เด็กน้อยพยักหน้าวันนี้วิ่งซนทั้งวันทั้งยังตกน้ำทำให้ไม่มีแรงมาต่อล้อต่อเถียงกับผู้เป็นพ่อยอมปิดเปลือกตาแต่โดยดี พรุ่งนี้ยังมีโอกาสใหม่เสมอ
หลังลูกชายหัวแก้วหัวแหวนหลับไปแล้วพ่อเลี้ยงสิงหราชก็ยกหูหาผู้ช่วยของตัวเองแก้แค้นยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีจะได้ไม่ต้องทนมองหน้ากันนาน ๆ
เมยาวีเดินตามหลังชายแปลกหน้ามาอย่างงง ๆ แต่เพราะตอนทำงานเคยเห็นคนงานต่างก้มหัวเคารพทักทายเลยไว้ใจนิดหน่อย คุณคนนี้บอกว่ามีคนอยากเจอเธอทั้งที่ตอนนี้มันก็มืดค่ำแล้วช้ำใจจากน่องไก่สามน่องแล้วยังไม่ได้พักผ่อนทั้งที่พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว
“ถึงแล้วครับ”
“ที่นี่ที่ไหนคะ?” เงยหน้ามองบ้านขนาดใหญ่ไฟละลานตาสว่างเหมือนถนนหลวงในยามค่ำคืน
“ครับ?” ชาลีขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ หันไปมองบ้านหลังตรงหน้าก่อนจะตอบไป “บ้านของพ่อเลี้ยงสิงห์ครับ”
“ใครเหรอคะ?”