Chapter 13 : ปรับความเข้าใจ

1342 คำ
Chapter 13 : ปรับความเข้าใจ “อร่อยครับ ทานเยอะ ๆ นะ อาตั้งใจพามาทาน รับรองว่าจะเลี้ยงให้อ้วนเชียว” “อ้วนแล้วจะทำงานได้ไงคะ คุณอาก็...” ไอรีนดูแลตัวเองอยู่เสมอ ปกติแล้วเธอรับประทานอาหารคลีน เลี่ยงไขมัน มื้อนี้เธอกลับเจริญอาหาร คนตักแนะนำอะไรให้เป็นได้ชิมมันเสียทุกเมนู เส้นราเมนเหนียวนุ่ม น้ำซุปกระดูกหมูข้นถึงก้นชามสมราคาคุยของเจ้ามือ ได้ยินว่าร้านอาหารชื่อดังเป็นราเมนรถเข็นสไตล์ฮากาตะมาก่อนตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ไอรีนสามารถที่จะทานมันได้หมดแม้ว่าเธอชอบอาหารรสจัดมากกว่า “วันนี้อยู่ได้ถึงกี่โมงครับ จะซื้ออะไรไปฝากคุณแม่ไหม...?” “ไม่เกินสี่ทุ่มคงไม่เป็นไรมั้งคะ แม่รินกลับดึกเห็นว่ารับงานนอก แต่รินขอโทรบอกแม่ก่อน” “ได้ครับ อิ่มแล้วรีบโทรบอกแม่เลยนะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาระรื้น หนุ่มโสดคงดีใจไม่น้อยหากว่าเขาจะไม่ต้องนั่งเหงาคนเดียว แต่มีสาว ๆ อยู่เป็นเพื่อน เขาเรียกพนักงาน ชำระค่าอาหารด้วยบัตรเครดิต แล้วรอเธอคุยกับแม่อย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่เธอสีหน้าไม่ค่อยดีนัก มีท่าทีอึดอัดใจเหมือนมีเรื่องบางอย่าง ไอรีนกลับบ้านไม่เกินสองทุ่ม และไม่เคยทำให้แม่เป็นกังวล คุณอาแค่ในนามเลยต้องขออนุญาตคุยกับแม่บ้านเสียเอง จนเขาตัดสินใจโทรไปบอก “ผมจะอยู่เป็นเพื่อนน้องจนกว่าคุณนวลจะกลับบ้านนะครับ อยู่คนเดียวอันตรายกว่า ผมเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย” คราวนี้เป็นไอรีนที่หัวเราะออกมากับสุภาพบุรุษที่จับตูดเธอเมื่อวันก่อน แต่พอคุณอาเปลี่ยนเป็นคนละคนถามว่าเธอขำอะไรด้วยท่าทางสุขุมดุดัน เธอจึงยอมลุกตามเขาไปขึ้นรถกลับบ้าน หลังวางสายทางไกลจากต่างประเทศที่มาพร้อมข่าวดีว่าคนในครอบครัวคงมาเยี่ยมเยียนเขาถึงเมืองไทยไม่ได้สักพัก ตัวเขาอาจต้องกลับไปทำธุระที่ญี่ปุ่นเร็ว ๆ นี้ ศรัณย์วริศตั้งใจใช้วันหยุดของเขาเพื่อไปปรับความเข้าใจกับแม่บ้าน จากถนนสายหลักขับเข้าซอยไป ทาวน์เฮ้าส์สามชั้นรายเรียงมีที่จอดรถบ้านละคัน ลุงเพิ่มเล่าให้ฟังว่าหมู่บ้านนี้มีฐานะระดับหนึ่ง หลายครอบครัวไม่อยากย้ายไปไหนเพราะเป็นบ้านเก่ากว่าสามสิบปีตั้งแต่ข้างหน้ายังไม่มีถนนใหญ่ ร้านค้าสะดวกซื้อมากมายทั้งเจ้าใหญ่และเจ้าเล็ก ๆ ที่เรียกว่าร้าน ‘โชห่วย[1]’ ผู้คนละแวกนี้จึงมีของกินไม่ขาด เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก พวกเขาอาศัยแต่งเติมบ้านไปเรื่อย ๆ ไม่ให้มันเก่าจนทรุดโทรม ร่างสูงในเสื้อคอกลมสีดำสนิท กางเกงยีนสีเดียวกันนั่งพิงแผ่นหลังเหยียดตรง มือประคองกล่องลังกระดาษใบใหญ่ที่มีฟิกเกอร์การ์ตูนมากมายไว้บนหน้าตัก ชะโงกคอมองหาประตูรั้วเหล็กสีขาวที่นายสารถีว่า “หลังข้างหน้านี้แหละครับคุณศรัณย์ บ้านแม่นวลกับหนูริน เธอช่วยแม่ผ่อนมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วมั้งครับ” “ออครับ... ขอบใจนะลุง” เขาไม่ลืมขอบคุณคนนำทาง เกือบชมออกมาว่าบ้านของเธอดูดีกว่าที่คิดไว้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร รถแวนญี่ปุ่นคันใหญ่จอดเทียบบริเวณหน้าประตูรั้วเหล็กสีขาว เจ้าของบ้านออกมาเปิดประตูให้การต้อนรับโดยไม่ปล่อยให้แขกรอ ชายหนุ่มได้ทีบอกให้ลุงเพิ่มนำรถไปล้างเสียก่อนจึงหิ้วของฝากเข้าบ้านไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาหุ้มหนังกลางบ้านสะอาด ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายไร้ฝุ่นสมเป็นบ้านของแม่บ้าน “ผมเอาฟิกเกอร์ติดมือมาด้วยครับ โอโต้ซังฝากไว้ให้คุณนวลนะ...” “ขอบคุณนะคะ คุณศรัณย์ ฉันเกรงใจจัง... เอาเป็นว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลย” นอกจากคนขัดฟิกเกอร์คงมีแค่แม่บ้านคนนี้ที่ดูแลพวกมันมา นวลจันทร์รับกล่องไปจากเขาที่ช่วยประคองมันวางไว้บนโต๊ะกระจกรับแขกอย่างระวัง ซึ่งมันค่อนข้างหนักตามจำนวนฟิกเกอร์และกรอบกระจกอย่างดี หลายชิ้นราคาร่วมแสนสมฐานะโอตาคุรุ่นใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นของลูกชายแต่พินัยกรรมเล็ก ๆ เขียนอย่างน่ารักว่าให้เผื่อแม่บ้านสาวด้วยทำให้เธอหน้าตาระรื้น ในเมื่อมันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายหากคุณท่านจะนึกถึงแม่บ้านอย่างเธอ ที่คอยเป็นเพื่อนคุยเรื่องการ์ตูนบางโอกาส ศรัณย์วริศเล่าเรื่องนี้ให้แม่บ้านสาวฟัง ก่อนจะนึกถึงคนที่เขาตั้งใจมาหาเป็นการส่วนตัว “รินล่ะครับ? ตื่นหรือยัง...” พูดพลันชะเง้อคอมองไปทางบันไดไม้ บ้านหลังนี้ปูกระเบื้องทั้งหลัง แม้ว่าชั้นล่างจะไม่ได้ติดแอร์ อากาศรอบบ้านยังเย็นอยู่ตลอด เจ้าของบ้านฉีกยิ้มกว้างหวานบอก “เดี๋ยวก็ลงมาค่ะคุณศรัณย์ ดิฉันบอกลูกสาวแล้วล่ะว่าคุณจะมา” “ครับ... คุณนวล” ศรัณย์วริศไม่รู้ว่าควรแทนตัวเองยังไง เขาได้ยินมาว่าคุณแม่เพิ่งอายุสามสิบแปดปี จากการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางอ่อน เสื้อมีปกของแม่บ้านสีกรมท่ากางเกงเข้ารูปสีดำเพราะกำลังจะไปทำงานในช่วงสาย หากยืนเทียบกันแล้วสองแม่ลูกมีแต่คนทักว่าเป็นพี่สาวน้องสาว “ผมอยากมาคุยเรื่องลูกสาวคุณนวลน่ะครับ จะได้เข้าใจกัน... ไม่อยากให้แม่ลูกผิดใจกันเพราะผมเลยครับ” เขายกมือเป็นกำปั้นทำกระแอมไอในท้ายประโยค “อันที่จริงเราก็อายุไม่ห่างกันเท่าไร ผมน่าจะเป็นรุ่นน้องพี่สี่ปี” ลูกจ้างได้ยินชัดว่าเป็นพี่! ถ้าไม่รู้ตัวเลยคงแปลก... นวลจันทร์ไม่ใช่เด็กสาววัยใส เธอมีหนุ่ม ๆ มาทอดสะพานให้อยู่เรื่อย จึงชวนแขกคนสำคัญนั่งลงบนโซฟาในฝั่งตรงข้ามกัน “คือเมื่อวันก่อนที่พี่โทรไปตอนเธอทานข้าวกับคุณศรัณย์ พี่ไม่ได้ว่าอะไรลูกเลยค่ะ ยัยรินสิมาทำงอนแม่เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง...” “เรื่องอะไรครับ? ถ้าผมไม่ละลาบละล้วงจนเกินไป...” เขาถามทันที คุณแม่จึงเล่าให้ฟังว่าสนิทกับลูกสาวดีมีเรื่องอะไรมักปรึกษากันเสมอ เรื่องไม่เป็นเรื่องแค่มีคนบ่นว่าแม่คงเสียใจที่มีหนู... คุณแม่ต้องง้อลูกแล้วยังต้องมาง้อเจ้านายอีกคน “ตัวพี่ไม่ได้เรียนหนังสือยังท้องตั้งแต่อายุสิบแปด ลูกหลานญาติ ๆ ที่บ้านพี่เรียนม.ต้น มีฟงมีแฟนกันหมดละ แต่ยัยรินน่ะเป็นเด็กเรียนดี แบ่งเบาภาระแม่ทุกอย่าง สำหรับพี่แค่ลูกสาวเรียนจบมีการมีการทำ รินจะคบใครพี่ไม่เคยว่าลูก... เวลาลูกไปไหนมาไหนพี่แค่โทรถามเท่านั้นเองค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำของคนโตกว่า เขาทำอึกอักไปพลันนึกถึงบิดาขึ้นมา “ก่อนโอโต้ซังจะเสีย ท่านฝากให้ผมดูแลไอรีน... ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ผมอยากให้เธอสะดวกสบายกว่าเดิม ให้เธอเรียนหนังสือจบครับ” “โอ้...! งั้นหรือคะ?” คุณแม่ยกมือป้องปากหัวเราะอย่างดีใจ ตัวเธอเจอผู้เจอคนมาเยอะหนุ่มคนนี้แหละดี! “ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณศรัณย์ตามสบายนะคะ พี่ต้องออกไปทำงานก่อน...” “แม่ ๆ รินไปด้วยดิ แต่งตัวเสร็จแล้วรอก่อนแม่!” [1] โชห่วย ในความหมายของคนไทยคือ ร้านขายของชำ สันนิษฐานว่ามาจากภาษาจีนเขียนว่า **[1] ออกเสียงจีนกลางว่า "ชู ฮั่ว"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม