เสียงการไล่ล่ายังคงดังขึ้นไม่มีหยุดหย่อน ใบหน้านิ่งนั่งอยู่บนรถตู้คันหรู จ้องมองไปยังชายฉกรรจ์สองคนที่กำลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เหตุผลเพราะว่ามากู้เงินกับเขาเป็นจำนวนเงินห้าล้านบาท แต่ทว่าไม่มีปัญญาหาเงินมาคืน จึงจำเป็นต้องหนีหัวซุกหัวซุนและถูกเขาส่งลูกน้องตามไล่ล่าแบบนี้
"ไม่ต้องฆ่าพวกมันนะ และถ้าเหนื่อยก็พักก่อน มีแรงค่อยมาล่ามันต่อ"
เขาตะโกนออกไปนอกรถ ออกคำสั่งกับลูกน้องที่ยืนถือปืนอยู่ข้างนอก จากนั้นก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบจ้องมองเบื้องหน้าด้วยความเพลิดเพลิน การไล่ล่าเป็นของหวานสำหรับเขา คนรวยแบบคริสโตเฟอร์ เอริกัน ไม่ได้มีความอยากได้เงินคืน แต่การได้เห็นคนที่วิ่งหนีด้วยใบหน้าตื่นกลัว มันทำให้เขารู้สึกสนุกและคอยไล่ล่าไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุดพัก
ริมฝีปากหนาจิบไวน์ในแก้วอย่างเอร็ดอร่อย วางลงตรงที่วางก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดเล่นไปเรื่อยเปื่อย ระหว่างที่รอลูกน้องกลับมาที่รถ
เสียงประตูรถถูกเปิดออก พายัพลูกน้องคนสนิทที่สุดของเขายืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพนายใหญ่
"นายใหญ่ครับ"
"มีอะไร"
"ตอนนี้พวกมันหนีเข้าในเมือง ผมว่าอาจจะต้องหยุดการไล่ล่าแต่เพียงเท่านี้นะครับ"
"ไม่สนุกเลยให้ตายสิ บอกพวกมันถอยออกมาได้ละฉันจะกลับคฤหาสน์"
"ครับนายใหญ่"
คริสโตเฟอร์กดปิดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะหันไปสั่งให้คนขับรถขับออกไปในทันที ละครฉากใหญ่ได้จบลงแล้ว เขาเองก็เริ่มที่จะเบื่อหน่ายจึงจำเป็นต้องไปหาอะไรอย่างอื่นทำ ทุกวันนี้ชีวิตดูว่างถ้าไม่มีอะไรทำ แต่ว่ามีเงินใช้จ่ายสบายไปอีกสิิบชาติ ซึ่งเป็นชีวิตที่ใครหลายคนอิจฉา และพวกมาเฟียที่มีอิทธิพลใหญ่ๆ ก็เกรงใจเขาแทบทั้งนั้น บางคนกู้เงินจากเขาไปหลักร้อยล้าน แล้วก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยในทุกๆเดือน ซึ่งถ้าใครเบี้ยวก็ต้องเตรียมใจว่าจะพบจุดจบแบบไหน
เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆ รถหรูก็จอดแบบกะทันหัน เขาจ้องมองไปยังเบื้องหน้าและดูเหมือนว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นตรงนั้น
"เกิดอะไรขึ้น"
"ดูเหมือนว่าจะมีการไล่ยิงกันครับ ไม่รู้ว่าเป็นของพวกไหน นายใหญ่อยู่ในรถก่อนนะครับอย่าเพิ่งออกมา"
แทนลูกน้องคนสนิทอีกคนเอ่ยออกมา ก่อนจะถือปืนและค่อยๆเปิดประตูลงรถไป เขาสอดส่องมองดูอยู่สักพักก่อนจะจ้องมองไปยังชายคนหนึ่งที่กำลังพยายามคลานหนี สภาพร่างกายถูกยิงและดูท่าทางจะไม่ไหวแล้ว
"มีคนถูกยิงครับนายใหญ่"
"พวกไหนยิง"
"ไม่รู้เลยครับนาย เห็นแว๊บๆปิดหน้าปิดตามิดชิด นายจะลงไปดูสักหน่อยไหมครับ"
"อืม... เดี๋ยวฉันลงไปดูเอง"
เขาก้าวขาซ้ายลงจากรถหรู จากนั้นก็เดินตรงไปยังสถานที่เกิดเหตุเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างสงบลง ซึ่งตอนนี้มีชายที่ดูมีอายุนอนแน่นิ่งอยู่ ร่องรอยของกระสุนปืนที่ฝังอยู่บนผิวหนังของเขา ใบหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมานกับพิษของบาดแผล ให้ความรู้สึกน่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก
"เดี๋ยวฉันจะให้ลูกน้องเรียกรถพยาบาลให้"
"ผะ... ผม ไม่รอดแน่"
เสียงของเขาสั่นเครือ และรู้สึกได้เลยว่าคงเหลือเวลาอีกไม่นาน เขาฝืนตัวเองพยายามที่จะหยิบของบางอย่างขึ้นมาให้เขา กระสุนไม่ได้โดนจุดที่สำคัญแต่ทว่าโดนมาหลายแผล จึงทำให้ร่างกายเริ่มไม่ไหวแล้วเพราะว่าเลือดไหลออกมาไม่หยุด
"อะไร"
คริสโตเฟอร์รับอะไรบางอย่างจากมือของเขา จ้องมองภาพใบนั้นก่อนจะเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย
"คนนี้..."
"คุณช่วยปกป้องเด็กคนนี้ที อย่าให้ใครพาเธอไปได้เด็ดขาด เฮือก...!"
"แล้วทำไมฉันต้องปกป้องเด็กคนนี้"
"คุณคริสโตเฟอร์ผมรู้จักคุณ คุณเป็นคนเดียวที่จะช่วยเธอได้ ขอร้องนะคุณ ชะ...ช่วย... เฮือก!"
สิ้นเสียงเฮือกสุดท้ายเขาก็แน่นิ่งไปอยู่ในร่างไร้วิญญาณ เขาจ้องมองภาพเด็กผู้หญิงในมือ จะเรียกว่าเด็กก็ไม่ถูก เพราะว่าอยู่ในชุดนักศึกษาดูโตมากๆแล้ว เขาขยับตัวลุกขึ้นกำรูปใบนั้นไว้แน่น แล้วก็มาคิดว่าทำไมจะต้องเอาภาระมาใส่ตัวเอง
"เสียชีวิตแล้วครับนาย"
"โทรแจ้งตำรวจให้มาจัดการด้วย"
"แล้วเด็กคนนั้น..."
เขามองภาพในมืออีกครั้งก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กคนหนึ่ง ที่วิ่งตรงมาทางนี้ เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของชายที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น สวมกอดร่างนั้นอย่างน่าเวทนา
"พ่อ! ฮืออออ ทำไมต้องมาทิ้งหนูให้อยู่คนเดียวด้วย พ่อฟื้นขึ้นมาสิคะ"
หญิงสาวในชุดนักศึกษาวิ่งออกมาตามหาคุณพ่อของเธอเมื่อเสียงปืนสงบลง ท่านพาเธอไปซ่อนอยู่ที่ในโกดัง จากนั้นก็วิ่งออกมาหลอกล่อให้คนพวกนั้นไปอีกทาง เมื่อทุกอย่างเงียบสงบหญิงสาวจึงรีบออกมาตามหาคุณพ่อ แล้วก็มาเจอท่านในสภาพนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
"กรี๊ดดดด พ่อ...! ฟื้นขึ้นมาสิคะ ฟื้นสิ"
"หนวกหูเงียบๆ หน่อยได้ไหม"
คริสโตเฟอร์เอ่ยออกมาก่อนจะเอามือปิดหูตัวเองอย่างรู้สึกแสบหู เสียงของเธอมันแหลมจนทำให้เขารู้สึกรำคาญ ทิวาหันขวับไปมองชายตรงหน้า มองซ้ายขวาก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ ภาพลักษณ์ของเขาเหมือนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป และมีลูกน้องติดตามมาอีกหลายคนซึ่งแต่ละคนมีปืนอยู่ทั้งนั้น
"คุณใช่ไหมที่เป็นคนทำร้ายพ่อหนู...! คุณฆ่าพ่อหนูทำไมคะไอ้คนใจร้าย ไอ้ผู้ชายเฮงซวย"
หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้น ก่อนจะใช้ข้อมือเล็กทั้งสองข้างทุบตีเขาอย่างระบายอารมณ์ เธอเองแทบไม่มีสติ เพราะว่ากำลังช็อคที่คุณพ่อมาเสียชีวิตกะทันหัน และดูจากสภาพแล้วท่านถูกยิงจนเสียชีวิตคาที่ และมันจะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่คนที่อยู่แถวนี้ และมีปืนติดตัวอยู่
"อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะยัยเด็กบ้า ออกไปให้ห่างเลย"
ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย หญิงสาวแทบจะล้มลงพื้นก่อนจะหยิบภาพถ่ายที่อยู่ในมือขึ้นมาดูอีกครั้ง และคราวนี้เขาได้มองใบหน้าของหญิงสาวเต็มตา ภาพที่อยู่ในมือกับผู้หญิงตรงหน้า ใบหน้าละม้ายคล้ายกับเหมือนเป็นคนเดียวกัน เขาเก็บภาพใบนั้นใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะจ้องหน้าเธออย่างท้าทาย
"แล้วไง... ฉันต้องกลัวเธอไหม"
หญิงสาวกำมือแน่นอย่างโกรธจัด การที่เขาตอบแบบนั้นแสดงว่ากำลังยอมรับว่าเป็นคนที่ทำร้ายพ่อของเธอ ท่านเป็นคนดีไม่คิดร้ายต่อใคร ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนใจร้ายทำร้ายท่านแบบนี้
"ฉันจะฆ่าคุณ ฉันจะเอาคืนให้พ่อ"
สิ้นเสียงของเธอหญิงสาวก็ขยับตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปแย่งปืนที่ลูกน้องของเขา
"อย่าทำแบบนี้นะครับมันอันตราย"
ลูกน้องพยายามดันตัวหญิงสาวให้ออกห่าง ซึ่งตอนนี้เธอกำลังจะแย่งปืนจากเขาไป คริสโตเฟอร์เห็นแบบนั้นก็รู้สึกรำคาญตา ขยับตัวเข้ามาใกล้หญิงสาวก่อนจะจัดการอุ้มเธอขึ้นไว้พาดบ่า
"กรี๊ดดดด ปล่อยหนูนะ...!"
หญิงสาวดีดดิ้นออกมาอย่างรู้สึกกลัว การที่เขามาจับเธอไว้แบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ยังไงเธอเองก็จะไม่ยอมแพ้ หาวิธีเอาคืนเขาให้ได้ ตอนนี้ชีวิตเธอไม่เหลือใครแล้ว พ่อคนเดียวที่เหลืออยู่บัดนี้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณแล้ว
"เปิดประตูรถ ฉันจะเอายัยเด็กนี่กลับบ้าน"
"หนูไม่ไปนะ กรี๊ดดดดด ปล่อย...!"