ร่างใหญ่หมุนตัวกลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง หยิบแก้วที่มีน้ำเมาสีอำพันขึ้นมาจิบดื่ม เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ทำงานเต็มที่อย่างต้องการผ่อนคลาย แก้วเหล้าถูกหมุนคลึงเบาๆ ไปตามครรลองอารมณ์ที่เลื่อนลอยคิดไม่ตก
ในงานคืนนั้น...
เจียระไนเดินออกมาด้านนอกเพียงลำพัง เขาซึ่งจับตาสังเกตตั้งแต่แรกคิดว่าเธอคงลากลับไปก่อน เพราะดูหญิงสาวไม่ได้สนุกสนานเฉกเช่นเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เว้นระยะหลายนาที พนักงานชายคนหนึ่งก็เดินตามออกไป นั่นนำความสงสัยบางอย่างแก่คนจัดเจนศึกรักอย่างเขา แอบคิดว่าสองหนุ่มสาวอาจเป็นแฟนกันแล้วนัดไปอี๋อ๋อให้ไกลหูไกลตาผู้คน ใจตอนนั้นสารภาพเลยว่าหงุดหงิดงุ่นง่านพิลึก
ก็เป็นปกติของสมภารที่จ้องจะกินไก่วัด แล้วไก่มันเสือกมีคนเอาไปกินเสียก่อนนั่นแหละ แถมเป็นลูกน้องตัวเองอีก ใครจะอยากเก็บซากมาแทะต่อ ถึงจะถูกตาต้องใจก็เถอะ...นาทีนั้นขอบายดีกว่า
แต่แล้ว...มีหญิงสาวหน้าตาดีเดินฉับๆ ตามไปอีกคน ด้วยท่าทีร้อนรน โมโห...ทั้งที่สภาพของเธอมองดูก็รู้ว่าเมาได้ที่เลยทีเดียว มันทำให้เขาใครอยากรู้ประหนึ่งเป็นสัญญาณบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้
และมันอาจจะไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับเขาหากมันไม่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่เขาหมายตา เหมราชตัดสินใจลุกจากปาร์ตี้ตามพนักงานเหล่านั้นไปอีกคน ตั้งใจว่าหากเจอจะลองหยั่งเชิงซะหน่อย หรือถ้าไม่เจอก็จะกลับเลย
และนั่น...เป็นจุดหักเหให้เขาบรรลุปรารถนา และ...เผชิญหน้ากับสารพัดปัญหาในขณะเดียวกัน
เหมราชจำได้ว่าเขาเดินออกมาแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบตามความเคยชิน เหลือบแลรอบด้านไม่เห็นใครแล้ว แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เขาตั้งใจจะกลับเพราะนางที่หมายตาคงโบยบินไปแล้ว
ไม่เป็นไร...สืบให้แน่ก่อนว่าโสด แล้วค่อยตามไปโปรดทีหลังก็คงไม่สาย
แต่...
สายตาก็ต้องสะดุดกับร่างมึนเมาซึ่งเดินโซเซมามาจากทางเดินด้านขวามือเขา จิณณะนั่นเอง แม้ท่าทางจะเมามากแต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าจิณณะกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง รัศมีความเกรี้ยวกราดแผ่ซ่านรอบตัวจนรับรู้ได้ จิณณะชะงักเมื่อเห็นเขาและโค้งทำความเคารพตามมารยาทจากนั้นก็กลับเข้าไปในงานดังเดิม
จากนั้น...เสียงกรีดร้องที่ดังหวีดแหลมขึ้นก็เรียกให้เขารีบมุ่งหน้าไปยังทางทางที่จิณณะโซเซจากมาเมื่อครู่ รู้ด้วยสัญชาตญาณว่าสองสาวคงห้ำหั่นกันอยู่แน่ๆ ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาก็พอจะเดาออกว่าผู้หญิงที่ตัวเองหมายตาตกเป็นรองอย่างไม่ต้องสงสัย และบริเวณนี้ก็ไม่มีใครอีกแล้วด้วย หากเขาทำเฉยปล่อยไว้คงไม่ดีเท่าไหร่กระมัง
ชายหนุ่มรีบสาวเท้าไปยังต้นเสียงร้องวี้ดว้าย บางครั้งก็ครวญแสดงความเจ็บปวดปนเสียงกรีดร้องของผู้หญิงออกมา ภาพที่เขาเห็นเมื่อเข้าไปถึง ณ จุดเกิดเหตุ ด้วยระยะห่างเพียง 5 เมตรและไฟส่องสว่างโร่ ทุกอย่างจึงชัดเจน ร่างหญิงสาวที่ตามออกมาทีหลังคล้ายคนชักกระตุก เธอเอามือกุมหน้าอก ดวงตาเหลือกถลน และเซไปพิงราวระเบียงเหล็กดัดซึ่งมีความสูงกึ่งสะเอว
จากนั้น...ทุกอย่างก็อยู่เหนือความคาดหมาย
เขาพยายามวิ่งเข้าไปคว้าร่างซึ่งทิ้งตัวเอนเอียงไปยังด้านนอกระเบียงซึ่งมีเพียงธาตุอากาศที่ว่างเปล่า แต่ไร้ผล ร่างระหงนั้นตกลงไปเบื้องล่างต่อหน้าต่อตาก่อนที่ตัวเขาจะก้าวไปถึง
จบ...เละ ไม่ต้องสืบ
สายตาหันขวับมายังหญิงสาวอีกคนที่เหลือ เธอนั่งทรุดอยู่กับพื้น ตาค้าง หายใจหอบถี่ด้วยความตกใจสุดขีด มีรอยขีดข่วนและบาดแผลเล็กๆ แดงเถือกประปราย เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยการถูกทำร้าย
หัวใจเขาหล่นวูบในนาทีนั้น บอกกับตัวเองว่าไม่อาจละทิ้งให้เธอจมอยู่กับความหวาดกลัวอย่างเดียวดายได้ มันเลวร้ายเกินไป และยากนักจะทนรับความเป็นจริงได้
ร่างเล็กสั่นสะท้านถูกโอบกอดปลอบประโลมอย่างทะนุถนอม ค่อยๆ ประคองให้เธออยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นและพร้อมจะเป็นเกราะกันภัยจากความเลวร้ายทั้งปวงนับแต่วินาทีนั้น
หากแต่...ตัวเขาเองกลับหยิบยื่นสิ่งที่ 'เลว' หฤหรรษ์ยิ่งกว่าให้กับเธอในเวลาต่อมา
ไม่ใช่การซ้ำเติม มันคือการต่อรอง แลกเปลี่ยนและอีกเหตุผลอีกประการที่เขา...ไม่อาจเอ่ยปากให้เธอ หรือใครล่วงรู้ได้...
เสียงประตูห้องเปิดทำให้หญิงสาวซึ่งนั่งดูสารคดีช่วงดึกหันมองโดยอัตโนมัติ ร่างใหญ่ของเหมราชซึ่งไม่รู้จะใช้คำใดเรียกเพื่อบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ จะเรียกแฟนก็ไม่ใช่ คนรัก สามี ก็ดูจะห่างไกลความเป็นจริงเหลือเกิน
ชู้...คงเหมาะสมเป็นที่สุด แต่มันคงเป็นคำที่ใครๆ มักซ่อนไว้ปกปิดปมด้อยของความรู้สึกตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้รู้สึกว่ายังมีความสำคัญ ไม่ได้ต่ำค่าอย่างสรรพนามปรามาสนั้น
เธอเองก็เช่นกัน...
รู้ทั้งรู้ฐานะที่เหยียบยืนคือจุดไหน แต่หลายครั้งก็พยายามปลอบใจตัวเองด้วยความอาทรน้อยนิดที่เขาหยิบยื่น จนหลายครั้งหลายหนหลงลืมไปเลยว่า ไม่ใช่...ตัวจริง
"คุณพอส...ดื่มมาเหรอคะเนี่ย..." เจียระไนโผเข้าไปประคองร่างใหญ่ด้วยความเป็นห่วงเมื่อเขาก้าวผ่านประตูเข้ามาด้วยสภาพโซเซ ต้องอาศัยพิงตัวไปตามผนังเพื่อพยุงการเคลื่อนไหว
"อืม...นิดหน่อย ดื่มกับลูกค้า ทำไมยังไม่นอน"
"เอ่อ..."
"ถ้ากลัวเปิดไฟนอนก็ได้นี่ ดึกขนาดนี้ เดี๋ยวตื่นเช้าไม่ไหวนะ" เหมราชติ เมื่อเด็กสาวในปกครองขัดคำสั่งซึ่งฝากไว้กับการ์ดตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน เขาเมา...ระดับหนึ่ง ไม่มาก แต่สติก็ไม่สมบูรณ์สักเท่าไหร่จนต้องยอมให้คนตัวเล็กกว่าพยุงพาเข้าไปในห้องนอน ดูทุลักทุเลนิดหน่อยด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมาก และเขาก็ทิ้งน้ำหนักให้เธอแบกรับเพราะสูญเสียการทรงตัวไปมากโขให้กับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป
"นอนก่อนนะคะ เจ้าขาจะเช็ดตัวให้" ประเด็นเรื่องนอนดึกถูกเบี่ยงเบนเป็นอื่น คนเมาอือออในลำคอทิ้งตัวลงนอนทันที ชายหนุ่มหายใจสม่ำเสมอกลิ่นหอมจางๆ จากกายสาวยังกรุ่นติดจมูกแม้เจ้าของร่างจะผละห่างจากไปแล้ว สักพักเธอก็เข้ามาใกล้อีก เขาใช้ความรู้สึกสัมผัสได้ด้วยความเคยชิน แต่ตานั้นปิดสนิทเพราะรู้สึกมึนศีรษะเหลือเกิน
ที่นอนสะเทือนเล็กน้อยตรงปลายเตียง บอกให้รู้ว่าเจ้าหล่อนนั่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะค่อยๆ ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้เขาอย่างนุ่มมือ เข็มขัดถูกปลดออกเป็นลำดับต่อมา เสื้อเชิ้ตแขนยาวที่กว่าจะหลุดออกจากร่างใหญ่โตของเขาก็สร้างความทุลักทุเลให้เธอไม่น้อย คงเหลือไว้เพียงเสื้อกล้ามสีขาว จากนั้นใบหน้าร้อนฉ่าด้วยพิษเหล้า ก็ถูกผ้าเย็นหอมๆ ซับเบามือก่อนจะบรรจงเช็ดทั่วทุกตารางนิ้วบนใบหน้าเพื่อให้เขาผ่อนคลาย
ลำคอ หน้าอก แขน และลำตัวเป็นเป้าหมายลำดับต่อมา จากนั้นเขาก็ถูกจับพลิก ใช้ผ้าอีกผืนเช็ดแผ่นหลังก่อนจะเปลี่ยนอีกเพื่อเช็ดปลายทำความสะอาดเท้าให้ เสียงครางฮือยังได้ยินเป็นระยะ เหมราชหายใจแรงๆ เมื่อถูกปล่อยให้นอนแน่นิ่ง ภารกิจของหญิงสาวเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขนกายเขาลุกชันเพราะในห้องเปิดแอร์ฉ่ำ พอถูกเช็ดตัวก็ยิ่งทำให้อุณหภูมิร่างกายต่ำลงไปอีกแบบกะทันหัน
"อืม..."
"ห่มผ้านอนนะคะ เจ้าขาก็จะนอนแล้วเหมือนกัน" เจียระไนกระซิบบอก เมื่อเขาพลิกตัวกลับและคว้าร่างเธอที่กำลังดึงผ้าห่มให้ไปกอดรัด
"ขอโทษนะ...เจ้าขา..." สองมือเล็กหยุดชะงัก ลำคอจุก และกลั้นหายใจชั่วขณะหนึ่งเมื่อได้ยินคำนั้นจากคนเมา
"เจ้าขาไม่ได้กลัวค่ะ แต่นอนไม่หลับเพราะวันนี้หนีงานมาเท่านั้นเอง" หญิงสาวแก้ต่าง ชักเอาเรื่องที่เธอกลับบ้านก่อนเวลามาอ้าง
ทั้งที่รู้...ว่าเขาหมายถึงสิ่งใด
"เรื่องนั้นด้วย...แล้วก็เรื่องเมื่อตอนกลางวันด้วย" น้ำเสียงเขาทุ้มนุ่มอบอุ่นเหมือนเคย
"ต่อไปเจ้าขาจะระวังตัวให้ดีกว่านี้ค่ะ จะไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น" เพื่อตัดปัญหาพบปะกับใครๆ ที่เธอไม่รู้จัก แต่คนเหล่านั้นอาจจะ...รู้จักเธอ
"เจ้าขา..." คนตัวใหญ่ครวญเรียกเสียงพร่า เหลือบแลคนตัวเล็กที่ฝืนยิ้มให้เขา แต่ดวงตาเธอแดงก่ำเหมือนมีเลือดไปหล่อเลี้ยงส่อแววเจ็บปวดฉายชัด
"จะไม่มีใครมาวุ่นวายกับเธออีก...ฉันสัญญา"
"ค่ะ..." เธอน้อมรับ ทั้งที่อยากเอ่ยปากถามอะไรให้ถ่องแท้กว่านั้น ผู้หญิงคนที่เจอเป็นใคร คุณจะจัดการเธอยังไง แล้วเด็กล่ะ? แต่ทุกอย่างก็ถูกเก็บเอาไว้ด้วยสำเหนียกในตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่
เหมราชหลุดหัวเราะเบาๆ กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและซบใบหน้ากับซอกอกของเธอ หายใจสูดเอากลิ่นสาวคุ้นเคยเหมือนทุกครั้งที่แนบชิด น่าแปลก...ที่เขารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
"ยังจำวันแรกที่ฉันพามาที่นี่ได้ไหมเจ้าขา..." จู่ๆ เขาก็ตั้งคำถาม หญิงสาวกะพริบตามองด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมตกกระไดพลอยโจนเช่นเคย คนเมา พูดพร่ำได้เรื่อยไป...ไหนบอกอยากให้นอนจ๊ะ!
"จำได้ค่ะ" เรื่องบางเรื่อง มันลืมไม่ลง โดยเฉพาะทุกเรื่องที่ชักนำให้เธอและเขาต้องเกี่ยวพันกันตั้งแต่วินาทีแรก
"ฉันชอบเธอที่เป็นแบบนั้น..."
"คะ..." คนเมาจะทำให้เธอมึนตามเขาหรือไร ฤาชอบให้เธอมีความทุกข์ตรอมตรมเช่นวันเก่าก่อน
"ฮึๆ...ก็ตอนนั้นเธอเหมือนคนคนหนึ่งน่ะ" เขาผ่อนลมหายใจและทิ้งศีรษะแสนหนักลงบนตัก เสียงอู้อี้ในลำคอแต่สติยังไม่ได้สูญสิ้น ยังลำดับเหตุการณ์ได้อยู่และมีความบ้าที่จะพูดความในใจมากขึ้นด้วย
"เธอแสดงออกชัดเจนทุกอย่าง ทั้งกลัว เกลียด แล้วก็ทุกข์ ไม่เหมือนตอนนี้...เธอเหมือนคนไม่มีความรู้สึก เวลาอยู่กับฉัน..."
"..." คนฟังงงงวย เจ็บแปลบปวดปลาบกะทันหัน จะให้เธอรู้สึกเช่นไรล่ะ? ก็หัวใจ สามัญสำนึกมันชืดชาไปหมดแล้ว
"เจ้าขา...การที่เธอตกลงเป็นผู้หญิงของฉัน ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องหมดความเป็นคนไปด้วยหรอกนะ ฉันอยากให้เธอมีชีวิตจิตใจเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลัง...ใช้ชีวิตวัยสาวอยู่กับคนรัก..."
"คุณ..."
"ฉันอยากให้เธอเป็นเธอ ไม่ใช่หุ่นยนต์หน้าสวยมีหน้าที่แค่ให้กอดบนเตียง ไม่ต้องฝืนเก็บความเจ็บปวดเพื่อเอาใจฉัน อย่ากลัวฉัน...ต่อให้ไม่พอใจมากแค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันทิ้งให้เธอเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายนั้นคนเดียวแน่ๆ" เสมือนคำมั่น เหมือนสัญญาจากน้ำเสียงอ้อยอิ่งทุ้มลึกแต่มันจะมีประโยชน์อันใดเล่า...
ชายหนุ่มแหงนหน้ามองสาวสวยที่กำลังกัดริมฝีปากเพื่อเก็บกลั้นอารมณ์ของเธอเอง เขาบรรจงทาบริมฝีปากที่พวงแก้มซับสีชาด ดวงตาของเธอสั่นระริกล้อกับแสงไฟนีออนยามค่ำคืน ภายในที่เย็นฉ่ำหัวใจกลับร้อนรุ่มแปลบปลาบ วาบหวิวเหมือนจะปลิวหลุด
คนรักหรือ...ไม่ใช่
เธอเป็นชู้ต่างหาก
"เจ้าขา...ยินดีทำทุกอย่างเองค่ะ คุณไม่ได้บังคับ เจ้าขารู้ คุณดีกับเจ้าขามาก"
"ฉันเป็นคนเลวสาวน้อย...เลวมากที่ยื่นข้อตกลงแสนเห็นแก่ตัวแบบนั้นกับเธอ ฉันอาจย้อนกลับไปแก้ไขความคึกคะนองของตัวเองไม่ได้ แต่ฉันสัญญาจะดูแลเธอให้ดีที่สุด"
"แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ถ้าคดีสิ้นสุด เจ้าขาคงไม่รบกวนคุณอีก...ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหนก็ตาม"
"อืมม...เจ้าขา มันไม่คุ้มกันเลยกับสิ่งที่เธอเสียให้ฉัน เธอไม่เหมือนคนอื่น...เธอสูงค่าเกินไป" คนเมายังพร่ำบ่นไม่ขาดปาก ซบใบหน้าหยาบกร้านลงบนหัวไหล่เล็กมน การนิ่งเงียบชั่วขณะของทั้งคู่เหมือนเป็นการยอมรับโดยศิโรราบในชะตากรรมของพวกเขา
ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาที่ผันผ่านทีละน้อยๆ บางสิ่งสะสม บางอย่างกัดกร่อนให้ชีวิตหวนกลับไปเป็นอย่างเก่าได้อีกต่อไป...ไม่มีทางเลย
"คุณพอส...คุณพอสคะ...คุณ..." หลับไปแล้ว
ฟังจากเสียงหายใจที่สม่ำเสมอขึ้นปนเสียงกรนเบาๆ กับการทิ้งน้ำหนักตัวพิงพักมายังเธอทั้งหมด สรุปได้สั้นๆ ว่าเหมราชหลับกลางอากาศคาความรู้สึกเธอไปเสียแล้ว
หญิงสาวค่อยๆ ดันตัวเหมราชออกทีละนิดแล้วประคองให้เขานอนอย่างเบามือ อยากจะจับถอดผ้าใส่ชุดนอนให้เรียบร้อย แต่ด้วยตัวเขาใหญ่มาก แถมยังเมาสลบไสลไม่ได้สติคงเป็นการลำบากไม่น้อยที่จะทำอย่างนั้น จึงตัดใจปล่อยให้เขานอนเลยตามเลย อย่างน้อยก็ได้เช็ดตัวทำความสะอาดให้บ้างแล้ว
มือเล็กดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มให้เขา ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย มือยังควานหาร่างเธอแล้วพลิกตัวกลับมาซบกอด เจียระไนกลืนน้ำลายลงคอ จิตใจฝ่ายดีเริ่มพ่ายแพ้ต่อหลายสิ่งหลายอย่างโดยไม่อาจหักห้าม...
เหมราชกำลังผลักไสให้เธอ 'เลว' โดยสมบูรณ์แบบ ทั้งการกระทำและจิตสำนึก ความรู้สึกอยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของตัวเขาค่อยๆ ครอบงำจิตใจทีละน้อย เมื่อความอบอุ่นอ่อนโยนจากน้ำมือเขาซึมซาบล้ำลึกจนไม่อาจยับยั้งชั่งใจ คนตัวเล็กหลับตาลง กลั้นหายใจเหมือนกำลังสะกดความเลวร้ายในตัวให้ดำดิ่งสุดกู่ ไม่ให้เผยอชะเง้อหาความผิดบาปอันแสนหวานไปมากกว่านี้
ตอกย้ำตัวเองเข้าไว้ให้มากๆ เจ้าขา...ไม่มีทาง ไม่มีวันที่เขาจะเป็นของเธอ อ้อมกอดนั้นคือบาป คือไฟโลกันตร์ วงแขนที่โอบรัดนั้นคือความไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี ไม่ใช่เสน่หาที่ควรพิศวาสได้ปลื้มเลยสักนิด