ม่านสวาท ตอนที่ 1

3648 คำ
"ไปดูน้ำตกกันไหมเจ้าขา..." "...เอ่อ...ค่ะ" เจียระไนขานรับงงๆ เพราะมัวแต่คิดถึงอะไรมากมายทำให้เผลอลืมไปว่ากำลังทำอะไรอยู่ ณ เวลาปัจจุบัน "หยุดเหม่อซะทีได้ไหม" ชายหนุ่มครวญเหมือนรำคาญปรายๆ มองเธอด้วยหางตาแล้วสูบบุหรี่ต่อพร้อมเมินหน้าไปทางอื่น กิริยานั้นสะท้านถึงใจอันบอบบาง ใครเล่าหนอ...อยากจะอยู่ใกล้ๆ คนจิตใจเลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นเธอ มีแต่ปัญหา มีแต่ภาระให้นับวันก็ยิ่งสร้างความน่าเบื่อหน่ายไม่รู้จบสิ้น "เจ้าขาขอโทษค่ะ เห็นคุณมัวแต่ดูสวนปาล์ม คุยกับคนงานเลยไม่อยากกวน" "..." เขาไม่ตอบและเธอก็ไม่กล้าสบตาคมปลาบนั้นนานนัก รู้ตัวอีกทีก็ถูกดึงให้เดินตามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แน่นอน...ไม่อาจขัดใจ และไม่อาจปฏิเสธเขาเหมือนทุกครั้ง เส้นทางนี้ไม่คุ้นเคย เหมราชไม่ค่อยจะพาไปไหนมาไหนนักนอกจากออกดูงานที่สวนและโรงงานแปรรูป แล้วก็บ้านพัก ก็กว่าเขาจะเคลียร์ทุกอย่างเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยตกเย็นย่ำทุกวันไป จะเหลือเผื่อแผ่ยามว่างที่ไหนพาเธอไปเอ้อระเหยคงไม่มี และตัวหญิงสาวเองก็เตรียมใจไว้แล้วด้วยในเรื่องดังกล่าว อันที่จริง เธอเองก็ไม่ได้มีอารมณ์สุนทรีย์ขนาดจะกินลมชมวิวที่ไหนหรอก มันเหนื่อย...ล้า และวังเวงในหัวใจเต็มประดาแล้ว เสียงน้ำตกดังแว่วได้ยินมาแต่ไกล ทำเอาผู้ติดตามตาโตด้วยความใคร่รู้ เพราะห่างไกลความเป็นธรรมชาติสมบูรณ์แบบมานานแล้วตั้งแต่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ น้ำตก ลำธาร ดอกไม้ใบหญ้าเป็นอะไรที่สร้างความอิ่มเอมให้กับเธอเสมอ ทุกครั้งที่ได้สัมผัส ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดรู้สึกผูกพันและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เหมือนธรรมชาติ...คือหนึ่งเดียวที่เป็นมิตรแท้ ไม่เคยคิดทำร้ายหรือหวังผลประโยชน์ได้เป็นการตอบแทน "วันนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก เวลาเหลือเยอะ อยากไปที่ไหนก็บอกนะ" หญิงสาวยิ้มพยักหน้าแทนคำตอบ เดินตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้งรับรู้ถึงความเกร็งเครียดที่ลดน้อยถอยลงจากมือที่บีบกำข้อแขนของตัวเอง เขาคงหายเคืองเธอแล้วกระมัง เหมราชเป็นคนขี้โมโห แต่เขาก็มักมีเหตุผลและเดี๋ยวเดียวก็สงบสติดังเดิมได้ นอกเสียจากจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ นั่นแหละ ถึงจะลุกเป็นภูเขาไฟระเบิด ยากนักที่ใครหน้าไหนจะดับอารมณ์เดือดดาลนั้นได้ "ดอกไม้สวยจังเลยค่ะ..." ทุ่งกว้างละลานตาเบื้องหน้าทำเอาคนหัวใจหดหู่ลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ กลิ่นอ่อนๆ ของสรรพสิ่งรอบกายชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลจนอยากสถิตอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ไปอีกแสนนาน บรรดาพืชพรรณสีสันหลากหลายแข่งกันชูช่ออวดความสะพรั่งรับแสงตะวันอ่อนๆ ในยามเย็น แมกไม้คอยบังให้ร่มเงาให้ความรู้สึกเย็นชื่นฉ่ำ บรรยากาศที่ไม่อาจใช้เงินซื้อหา นอกเสียจากจะซื้อผืนดินทั้งแปลงซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับสมัยนี้ที่ใครๆ ก็ต่างแก่งแย่งชิงที่ทางกันอย่างเอาเป็นเอาตาย รอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปากชายหนุ่มโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้สังเกตเพราะมัวแต่ชื่นชมความงามรอบตัว นานมากแล้ว นานนักหนาตั้งแต่เห็นหน้ากันมาที่ไม่เคยได้เห็นความสดใสตามวัยเช่นนี้ของเจียระไน เสมือนเธอแบกโลกทั้งใบเอาไว้บนบ่าและหาบหามมันไปด้วยทุกแห่งหน ทำให้รัศมีรอบข้างอับเฉาไปโดยปริยาย ไม่เหมือนตอนนี้ ที่โลกอันทุกข์โศกใบนั้นดูจะหลุดหล่นออกไปบางส่วน และความน่ารักอิ่มเอมก็แผ่ซ่านเข้ามาแทนที่จนเห็นได้ชัด แม้...เพียงเสี้ยววินาทีก็ทำเอาหัวใจอันแข็งแกร่งดวงนี้หวั่นไหวไม่ใช่น้อย "เธอชอบดอกไม้เหรอ" เขาถามเสียงนุ่มเจือปนไปด้วยความสุขเช่นเดียวกับที่เธอกำลังเป็นด้วยความเผลอไผล มารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองถามในสิ่งที่โง่เง่านัก ผู้หญิงกับดอกไม้มันเป็นของคู่กัน หฤทชนันท์เองก็ชอบ เมอรีอาก็ยังชอบ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกน่าถามถึง "เจ้าขาคิดถึงบ้านค่ะ..." สีหน้ายิ้มปริ่มเหมือนกุหลาบกำลังพลิกลีบเบ่งบานพลันผลุบหายในบัดดล เหมราชหน้าชา รู้สึกผิดซ้ำซ้อนจนต้องเดินเข้าไปหาสาวเข้า เก็บดอกไม้งามช่อหนึ่งทัดใบหูขาวสะอาดให้กับเธอ "อืม...กลับรอบนี้ค่อยแวะไป" "ค่ะ..." คำตอบเขาไม่ได้สร้างความชื่นมื่นอะไรเท่าไหร่ เพราะหลายครั้งหลายหน คำพูดนี้เคยหลุดออกจากปากแล้วมันก็ไม่เคยเป็นจริง เขาหลอกให้เธอตายใจตลอดแต่กลับไม่เคยปล่อยให้ห่างตัวเลยข้ามวันสักที ผัดไปเรื่อย หาเหตุผลต่างๆ นานาจนเบื่อเสียแล้วที่จะรับฟัง "ดอกไม้พวกนี้สวยจัง เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วก็เป็นสัดส่วนดีนะคะ" เจียระไนเปลี่ยนเรื่องกะทันหันส่งยิ้มให้ชายหนุ่มแหยๆ ความรู้สึกสวยงามเมื่อกี้เกือบเลือนหายสิ้น แต่ด้วยบรรยากาศอันสงบสุขมันก็พอบรรเทาความดึงเครียดในใจลงได้บ้าง "อือฮึ...มีคนดูแลมันน่ะ" จริงๆ แล้วที่นี่เป็นอาณาเขตของหฤทชนันท์ หญิงสาวผู้หลงใหลในพืชพรรณไม้ป่านานาชนิด เหล่าดอกไม้ที่ชูช่อดาษดื่นเหล่านี้ยามอยู่ข้างทางก็ไร้ค่า อยู่ในป่าก็ไร้ความหมาย หากแต่เมื่ออยู่กับภรรยาสาวของเขาแล้วมันจะถูกดูแลเทียบเท่าเหล่ากุหลาบงามที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีแห่งแมกไม้เลยทีเดียว แม้กระทั่งไม่ค่อยได้แวะเวียนมาสอดส่องหญิงสาวก็ยังจ้างคนสวนคอยบำรุงบำเรอตกแต่งมันอยู่ตลอด อาจมองเหมือนไม่จงใจเพราะทุกอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ แต่จริงๆ แล้วทุกตารางนิ้วของอาณาเขตที่เขาครอบครองมีคนงานดูแลทั้งหมด แม้กระทั่งป่าเขาลำเนาไพรที่ยังเป็นผืนป่า ไม่ได้มีการถากถางทำลายความเป็นธรรมชาติเหล่านั้นก็ตาม "เก็บไปใส่แจกันได้ไหมคะ" หญิงสาวถามทั้งไม่มองหน้าอีกฝ่าย "ได้สิ...มากแค่ไหนก็ได้" เหมราชตอบอย่างไม่ยี่หระก่อนจะผละห่างออกจากร่างบางไปนั่งตรงโขดหิน มองเธอเลือกชมเหล่ามาลีหลากหลายสีสัน ดูเจียระไนจะปลดปล่อยพอสมควร อา...เขารู้จุดอ่อนของเธอแล้ว ยามอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่จรรโลงสายตาและจิตใจเช่นนี้ทำให้เธอผ่อนคลาย สีหน้าเบิกบานขึ้นเป็นกอง รู้อย่างนี้น่าจะพามาเดินเล่นเสียตั้งนานแล้ว ในตอนแรกที่พาไปทำงานไหนต่อไหนด้วยเพราะไม่อยากให้หญิงสาวจับเจ่าอยู่แต่ในที่พักเพียงลำพัง แต่ดูเหมือนการทำให้เวลาว่างหดหายด้วยการแบกเธอไปไหนต่อไหนเพราะหน้าที่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนัก "จะเล่นน้ำก็ได้นะ ลำธารด้านหน้ามีดอกไม้ป่าเยอะอยู่เหมือนกัน" ชายหนุ่มกล่าวลอยๆ เด็ดกิ่งไม้ตีเล่นแก้เซ็ง ไม่ใช่วิสัยเขาหรอก การชมนกชมไม้เช่นนี้น่ะ การชมนางต่างหากถึงจะถือว่าเป็นสุนทรีย์ที่แท้จริง...ของเขา เจียระไนยิ้มรับทราบข้อเสนอแล้วเดินไปตามทางแคบๆ ซึ่งสองฝั่งยังแนบขนาบไปด้วยดอกหญ้าสีสวยน่าชม ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีสระน้ำใสแจ๋วก็ปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้า ดวงตากลมโตสุกใสลุกวาวเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นชิ้นโปรด "โห...สวยจังเลยค่ะ นี่สระน้ำหรือลำธารคะเนี่ย" ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่าคำอุทานนั้นแม้แต่น้อย สายน้ำสะอาดตาไหลเอื่อยไปตามแรงดึงดูดของโลก งดงามดุจมรกตสีอ่อนที่ทอดเทียบเป็นแอ่งรูปวงกลมมีความกว้างโดยรอบประมาณยี่สิบเมตร ใสแจ๋วจนมองเห็นเม็ดทรายก้อนกรวดที่เรียงรายอยู่ใต้นั้น ด้านบนและด้านล่างมีเส้นสายสำหรับให้น้ำไหลผ่านตามวิถีวงโคจร หินนานาชนิดเล็กบ้างใหญ่บ้างเรียงรายเสริมส่งให้ธรรมชาติสมบูรณ์แบบ อีกทั้งดอกไม้ ใบไม้หลากสีที่กำลังทำหน้าที่อวดโฉมตัวเองอย่างแข็งขัน ต้นไม้ที่งอกเงยบริเวณนี้อุดมยิ่ง ต่างแผ่กิ่งก้านสาขาผลิออกออกใบบังเงาและให้ความร่มรื่นอย่างเต็มอกเต็มใจ เสมือนรอบกายเธอมีชีวิต! ดอกไม้ใบหน้ากำลังยิ้มร้องเล่นเต้นระบำอย่างมีความสุข สายลมโชยพลิ้วหวีดอ่อนๆ แสงแดดรำไร เสียงนกเสียงไพรร่ำร้องขับกล่อมพฤกษาให้ผู้มาเยือนเลื่อนลอยคล้อยตามเปิดใจซึมซับเอาความปรีดานั้นไว้ด้วยความเบิกบานเปี่ยมสุขเหลือคณานับ ทุกสถานที่ ทุกแห่งทุกหนมีมนต์สะกดต่อผู้พบเห็นต่างกัน และมันจะเป็นหนึ่งไม่อาจเอามาเปรียบเทียบกันได้เสมอ... "อยากอาบก็ได้นะ แต่อย่าลงไปแช่นาน น้ำมันเย็น" เหมราชกล่าวเหมือนจะส่องเห็นถึงปรารถนาของหญิงสาวที่เหม่อมองด้วยความตื่นตา "แต่...เจ้าขาไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยนี่คะ ถ้าเปียก กว่าจะกลับถึงบ้านคงเป็นปอดบวมแน่ๆ" "นี่ก็เห็นบวมอยู่นะ..." "เอ๋...อะไรนะคะ" "อ้อ เปล่า...คือจะบอกว่าที่นี่ไม่มีใครหรอก ใส่แต่ชั้นในเล่นไปก็ได้ ฉันดูให้เอง" ก็...ตั้งใจอยากจะดูอยู่แล้วละ "ไม่เอาค่ะ อาย...ไว้พรุ่งนี้มาใหม่ได้ไหมคะ เจ้าขาจะเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย" ก็อยากจะดูวันนี้! เดี๋ยวนี้ด้วย "อืม...คืองี้นะ เราคงไม่แวะมาแถบนี้อีกแล้วละ เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปฉันต้องไปดูโรงงานที่อื่น แล้วก็จะกลับกรุงเทพฯ ในอีกสามสี่วันเพราะทางไอ้ทนายมันโทร.มาบอกว่าได้หลักฐานบางอย่างแล้ว เราต้องกลับไป 'เคลียร์' อะไรบางอย่างกับคนบางคนด้วย..." พูดแล้วก็ยิ้มเป็นความในให้ฉงน แต่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายซึ่งกำลังเอ่ยปากถาม เขาก็จัดการหันหลังถอดรองเท้าวางไว้บนพื้นหญ้านั้นเดินดุ่มลงแอ่งน้ำตรงขอบซึ่งลึกประมาณเข่าทอดย่างไปอีกฝั่งด้านที่ติดกับหน้าผาหินสูงชัน ตรงนั้นมีดอกกล้วยไม้ป่า และดอกไม้ป่างอกงามหมดจดกำลังผลิช่อล่อตาอยู่ และไม่นาน กิ่งก้านเล็กๆ ของมันก็ถูกเด็ดดึงออกจากต้น คนที่ได้ครอบครองมันอยู่ในมือยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันกลับมาชูโบกไกวไปมาให้หญิงสาวซึ่งยืนสังเกตการณ์ดู เธอนึกขันเขา แล้วก็ต้องหลบรอยยิ้มชื่นด้วยความขวยเขินเมื่ออีกฝ่ายกำลังเดินกลับมาหา "เอ...อุตส่าห์ไปเด็ดมาให้ กลายเป็นว่าพออยู่ใกล้ๆ เจ้าขาแล้วมันดูเฉาเลยนะ" ชายหนุ่มกล่าวเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเจียระไน "เพิ่งเด็ดมาจะเฉาได้ไงคะ ก็เห็นๆ ว่ามันยังสดอยู่" "ก็เจ้าขาสวยกว่านี่ ดอกไม้พวกนี้มันก็เลยดูธรรมดาไปเลยทั้งที่ตอนแรกมันอยู่บนต้นยังงามสะพรั่งอยู่เลย" มุกเสี่ยวๆ บางครั้งก็ทำให้คนฟังหน้าแดงซ่านเพราะความขัดเขินได้เหมือนกัน เหมราชมองดูสาวเจ้าที่กำลังวางตัวไม่ถูก แก้มสองข้างสุกปลั่งเป็นลูกตำลึง มองดูน่าใคร่เป็นที่สุด "เอ่อ...ไหนๆ ก็เก็บมาแล้วนะ อ่ะ...ให้ละกัน เขาว่ากันว่านางฟ้าต้องคู่กับดอกไม้ ไม่รู้จริงหรือเปล่าสิ" อยากรู้นัก เขา...คนนั้นคือใคร... "ขอบคุณค่ะ...อืม...บรรยากาศที่นี่ดีจังเลยนะคะ ร่มรื่น เย็นสบายดี" หญิงสาวรับมาไว้กับตัวแล้วแกล้งเก้อเปลี่ยนเรื่องคุย กำช่อดอกไม้แทบจะแหลกคามือด้วยไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดีแล้ว "ไม่อยากอาบน้ำแล้วเหรอ เดี๋ยวฉันให้พวกคนงานสาวๆ เอาผ้ามาผลัดให้ก็ได้" เหมราชเสนอ ส่วนหนึ่งเพราะเห็นเธอชอบ และอีกส่วนเพราะ...อยากเห็นนางเงือกน้ำจืดชัดๆ สักที "ทำแบบนั้นได้เหรอคะ...ดีจัง คุณน่าจะบอกกันตั้งแต่แรก เจ้าขากลัวใครผ่านไปผ่านมาแล้วเห็น อายเขาค่ะ" "ไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่หรอกถ้าฉันอยู่ อืม...งั้นรอที่นี่ก่อนนะเดี๋ยวจัดการให้" พูดจบเขาก็เดินกลับไปยังทางเดิม ปล่อยให้เจียระไนอยู่ตรงนั้นไปพลางๆ หญิงสาวทอดกายนั่งบนโขดหินมหึมาที่กำลังยืนเหยียบ ถอดรองเท้าแล้วทอดปลายเท้าลงไปในสายน้ำใส มันเย็นน้อยกว่าที่คิด อุณหภูมิเรียกได้ว่าพอดิบพอดี อาจเป็นเพราะที่นี่เป็นภาคใต้เป็นเขตร้อน อากาศโดยรอบจึงไม่ต่ำจนเกินไป หากเป็นแถบภูมิภาคอื่นน้ำในนี้คงหนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจเลยทีเดียว ปลายเท้าขาวนวลกวัดแกว่งเล่นกับกระแสธารที่รินไหลเอื่อยๆ พัดพาเอากิ่งไม้ใบไม้ลอยมาบ้างประปราย ดอกไม้ที่ได้รับถูกนำมาตั้งไว้บนตักและมองดูด้วยความอิ่มเอม ความสุข...ที่ยื้อแย่งเอามาจากคนอื่น มันมิใช่สุขแท้ ต่อให้เขาแสนดีสักแค่ไหน หรือเธอมอบความมอบหัวใจให้เขา ขอบเขต...ก็กีดกันไว้เพียงคนชั่วคราวของกันและกันเท่านั้น น่าเศร้าใจเหลือเกิน... "ว้าย!!" ตูม! เพราะมัวแต่ใจลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยทำให้ไม่ทันระวังว่าพื้นหินที่ตัวเองนั่งมันลาดเอียงมากแค่ไหน อีกทั้งยังลื่น พอเผลอทิ้งน้ำหนักตัวไม่ขืนไว้อย่างตอนแรก ร่างทั้งร่างจึงไถลดิ่งลงผืนน้ำเต็มกำลัง "ฮือ...เปียกหมดเลยทำไงดี อุ๊ย! ดอกไม้ของคุณพอส..." เมื่อเห็นดอกไม้ป่าซึ่งได้รับจากมือชายหนุ่มลอยเคว้งไปคนละทิศละทาง เจียระไนซึ่งกำลังสำรวจสภาพของตัวเองก็รีบใช้มือแหวกว่ายนทีธารไปรวมรวมเก็บไว้ดังเดิม ตรงที่เธอตกลงมากไม่ได้ลึกมากนัก ระดับน้ำแค่สะเอวและกระแสสินธุ์ก็ไม่ได้รุนแรง ยิ่งพอได้ลงมาสัมผัส ได้เดินย่างว่ายกวักไกวเล่นอย่างนี้ยิ่งรู้สึกสนุกกว่าจะเก็บดอกไม้แต่ละก้านมารวมไว้ดังเดิมได้ก็ทำเอาเหนื่อยไปเหมือนกัน เธอไม่ได้นำมันไปวางไว้บนโขดหิน แต่พาว่ายวนไปรอบๆ แอ่งน้ำใส บางครั้งกางแขนเหมือนนกแล้วหมุนตัวตรงที่ระดับน้ำลึกหน่อย บางครั้งก็นำดอกไม้มาวางบนศีรษะแล้วเดินทรงตัวระวังไม่ให้หล่น ในใจนั้นคิดว่าไหนๆ ก็เปียกแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย เดี๋ยวค่อยผลัดเอาผ้าที่เหมราชนำมาให้ยืมใส่กลับบ้านพักก่อนก็ได้ ความเพลิดเพลินหลงลืมเหมือนได้ปลดปล่อยพันธนาการที่ผูกมัดตัวเองได้โบยบิน ราวผีเสื้อตัวน้อยที่ฝักออกจากดักแด้รังนอน กระพือปีกแย้มรับโลกใบใหม่ที่งดงามเจิดจรัส กิริยาเหล่านั้น...ไม่ได้เล็ดลอดจากสายตาของใครบางคนที่ยืนมองด้วยหัวใจพองโตไม่น้อยกว่ากัน ดีใจที่เห็นเธอมีความสุข ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มซึ่งเฝ้ารออยู่เงียบๆ มาแสนนาน เขาอาจจะฉกฉวยเอาความสุขในชีวิตเธอมาด้วยความเห็นแก่ตัว และพร่าพรากบางอย่างด้วยความโหดร้ายทารุณ ทำลายจิตใจบอบบางย่อยยับโดยการยัดเยียดตำแหน่งที่ผู้หญิงคนไหนก็ไม่อยากได้ แต่เขา...ก็จะชดเชยทุกอย่างให้อย่างเสมอภาค มันอาจทดแทนกันไม่ได้ แต่มันก็ช่วยให้เธอได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างคนธรรมดาสามัญโดยไม่ต้องหวาดสะดุ้งทุกครั้งที่หลับตานอน เขาจะเป็นคนลบล้างฝันร้ายเหล่านั้นให้กับเธอเอง เจียระไนจะได้มีรอยยิ้มที่สดใสเช่นนี้ตลอดไป...เสียที... "อ้าว คุณพอส...คือเจ้าขาลื่นตกลงมา เลยเล่นชุดนี้เสียเลยเพราะมันเปียกแล้ว" มือเรียวเล็กลูบไล่น้ำที่เกาะพราวออกจากใบหน้า ดอกไม้ยังคงถูกจองจำกำไว้ไม่ปล่อยทิ้งแม้แต่กิ่งก้านเดียว หญิงสาวมองเขางงๆ ที่ทักไปแล้วกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากเขา นึกเดาเองไม่ถูกว่ากำลังทำอะไรให้เขาผิดใจหรือเปล่า ชายหนุ่มไม่โต้ตอบ เดินปรี่มาที่โขดหินซึ่งเธอนั่งเมื่อครู่ วางผ้าที่นำติดมือไว้ข้างๆ รองเท้าคู่งาม ก่อนและรองเท้าตัวเองบ้าง เขาใส่ชุดลำลองเป็นกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืด มันจึงไม่เป็นอุปสรรคอะไรมากนัก ตูม! เขาตั้งใจกระโดดให้น้ำกระเซ็นสาดโดนตัวเจียระไน พอเห็นเธอหลบพลางวิ่งหนีก็หัวเราะร่าชอบใจ ทำทีวิ่งไล่กวักน้ำให้กระเด็นใส่เธอ รุกหนักไม่ให้เธอได้ตั้งตัวอย่างผู้ควบคุมเกม หญิงสาวกรีดร้องสลับหายใจหอบเหนื่อยเมื่อถูกแกล้งไม่ลดละ สภาวะในน้ำทำให้การเคลื่อนไหวไม่ราบรื่นนัก อีกทั้งต้องคอยระวังของในมือมิให้ตกหล่น ในที่สุดก็หนีเขาไม่รอด ถูกดึงรวบมากอดด้วยแรงมหาศาล ความอบอุ่นจากผิวเนื้อบุรุษเพศแผ่ซ่านเผื่อแผ่จนรู้สึกได้ หัวใจเหมราชเต้นแรง รัว...เหมือนๆ กับเธอ "ตัวแค่นี้จะหนีไปไหน หืม..." "ก็คุณเล่นสาดน้ำใส่นะคะ เต็มหน้าไปหมด เจ้าขาหายใจไม่ออก" "สนุกดี..." พูดพลางใช้มือปัดป่ายเส้นผมที่ระใบหน้า เผยผิวผ่องซึ่งมีหยาดน้ำเกาะพราวให้ประจักษ์แก่สายตา สะกดคนมองจนไม่อาจละผ่านเลย หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ หลบหน้าเขาเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมอดไหม้ทั้งๆ ที่ถูกห้อมล้อมด้วยนทีธารฉ่ำเย็น "อยากลงมาเล่นด้วยก็ไม่บอก ปล่อยสิคะ เจ้าขาอยากเล่นต่ออีกสักพัก เดี๋ยวเราก็กลับกันได้แล้วค่ะ พออยู่ในนี้นานๆ ก็เริ่มหนาวนะคะ ตอนแรกยังไม่รู้สึกเท่าไหร่เลย" "เอาสิ...แล้วเราจะเล่นอะไรกันดี" "...คุณทะลึ่ง!" หญิงสาวว่าเขาจิกตาและปั้นปากแก้เขิน "ทะลึ่งอะไร ชวนเล่นน้ำ ไม่ใช่ชวนเล่นกันในน้ำ" เอ...พูดไปก็งงเอง "ไม่เอาแล้วค่ะ เจ้าขาว่ายไปเก็บดอกไม้มาเพิ่มอีกดีกว่า จะเอาไปใส่แจกันที่ห้อง" "รู้ได้ไงว่าจะเอา..." "คุณพอส!! อย่าทะลึ่งนะคะ นี่ในน้ำ" แก้มที่ว่าแดงอยู่แล้วยิ่งระเรื่อขึ้นหนักกว่าเก่ากับการสัพยอกหยอกเอินที่ส่อเค้าไปในทางแนบชิด เจียระไนดีดตัวและผลักเขาออกห่างได้เป็นผลสำเร็จแล้วก็รีบแหวกว่ายสายน้ำไปยังฝั่งหน้าผาสูงซึ่งอุดมไปด้วยบุปผามาลี ใช่ว่าหนุ่มใหญ่จะยอมอะไรง่ายๆ เขาหลอกล่อแม่เงือกน้อยให้ตายใจก็เท่านั้น รอเวลาเหยื่อชะล่าใจค่อยกัดกลืนก็ไม่สาย นึกกระหยิ่มย่องอยากเล่นพิเรนทร์ขึ้นมาครามครัน แต่จะทำลายความอิ่มเอมใจของอีกฝ่ายที่เพิ่งได้เห็นรอยยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนด้วยการหักหาญน้ำใจมันก็ไม่ถูกไม่ควร งานนี้ต้องใจเย็นกันหน่อย ไก่ตื่นไม่กลัว กลัวไก่จะเสียขวัญนี่สิ จากที่รู้สึกผิดอยู่แล้วคงยิ่งตอกย้ำความรู้สึกนั้นอยู่ไม่น้อย "เก็บให้ดีกว่าไหม ตัวเตี้ยขนาดนี้ เขย่งกัน ไขมันที่แขนก็ไหลลงมาเกาะที่คอหมดกันพอดี" ว่าแล้วก็ว่ายน้ำตามไปเกาะแกะเสนอตัวให้ความช่วยเหลือทันที "คุณพอสบ้า!" เขาไม่รู้หรือไรว่าเรื่องที่พูดออกมามันหยาบคายที่สุดสำหรับผู้หญิง ทำเอาเธอจิตตกแอบมองต้นแขนตัวเองว่าเป็นอย่างที่ชายหนุ่มว่าหรือเปล่า ก็ไม่นี่...ยังเรียวเล็กเหมือนเดิม ช่วงหลายเดือนมานี้น้ำหนักเธอลดวูบอย่างน่าใจหาย คิดถึงจุดนั้นแล้วความจริงก็กลับมากระแทกใจอีกครั้ง "อ้ะ...ดอกไม้จ้ะแม่ตะเภาทอง เอ...หรือตะเภาแก้วดี" ชายหนุ่มยื่นของในมือให้พร้อมหยอกเอินเหมือนเคย ส่งสายตาแพรวพราวสมทบให้อีกฝ่ายต้องร้อนๆ หนาวๆ "ชาละวันเนี่ย...หลายใจจังนะคะ เห็นใครก็จะเอาไปหมด" จิกกัดตอบโต้ไปนิดหน่อยก่อนจะรีบคว้าเอาช่อดอกกล้วยไม้ป่ามาไว้กับตัวแล้วหันหลังลุยน้ำเดินหนีไป เหมราชแสยะยิ้มหัวเราะเบาๆ แหม...ไม่น่าเอามุกนี้มาเล่นเลย เข้าตัวจนได้ "แล้วเจ้าขารู้ไหม...เวลาชาละวันเจอสาวๆ เนี่ยจะทำยังไง" "จะไปรู้เหรอคะ ไม่ใช่ชาละวันนี่..." "แต่ฉันรู้ ทำแบบนี้ไง!..." "ว้าย!!!" ร่างเล็กหงายหลังเพราะถูกจับไหล่และดึงสุดแรง หากไม่มีแผงอกล่ำสันรองรับเธอคงนอนแอ้งแม้งลงในน้ำอีกเป็นแน่ ช่อดอกไม้ในมือหลุดร่วงทันที ด้วยความที่ใจพะวงอยู่กับมันหญิงสาวจึงรีบผละผลักเอาตัวออกแล้วโผจะเก็บเหล่าบุปผามิให้ลอยไปกับสายน้ำ แต่ก็ถูกรั้งไว้ "เดี๋ยวจะเก็บให้ใหม่ เอาที่สวยกว่านี้อีก..." "คุณต้องคิดอะไรบ้าๆ อยู่แน่เลย ปล่อยเจ้าขาค่ะ เจ้าขาไม่เล่นด้วยหรอกนะ" จากจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดุนดันผ่านผิวหนังมาสัมผัสตัวเธอ จากสายตาแพรวพราวที่ส่อความหิวกระหายชัดเจน รวมถึงปฏิกิริยาที่แสดงออกแล้วไม่ต้องพูดให้มากความก็รู้ว่าเหมราชคิดสิ่งใดอยู่ในใจ และมัน...อันตรายยิ่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม