"กรี๊ด!" ร่างใหญ่ก้าวคุกคามไม่ลดละ หฤทชนันท์ไม่อาจทนต่อความกลัวที่ก่อเกิดในหัวอกซึ่งกำลังเต้นระทึกแทบจะหลุดออกมาวิ่งนำหน้าเธอได้อีก
หญิงสาวกรีดร้องและหันหลังวิ่งเหมือนคนที่กำลังถูกสัตว์ร้ายไล่ต้อน รู้ว่าไม่มีทางไหน รู้ว่าไร้ซึ่งทางออก แต่ขืนอยู่รอให้เขาขย้ำกับที่ ผลก็มีแต่จะย่อยยับเท่านั้น สัญชาตญาณในตัวมันออกคำสั่งให้เธอขวนขวายดิ้นรนแม้รู้อยู่เต็มอกถึงจุดจบของตัวเอง อารมณ์นี้...เข้าใจผู้ถูกล่าอย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว
เธอวิ่งสุดแรงเพื่อหนีให้พ้นมัจจุราชร้าย แต่เขาแต่ก้าวเท้าเร็วๆ ก็แทบจะตามทันอย่างง่ายดาย...
"หนีเลย! วิ่งไปซองพลู ถ้าคุณหนีไม่พ้น คุณเจอดีแน่!"
"ไอ้บ้า! ไอ้คนบ้า! วิปริต ฮือ..." แม้ความหวาดหวั่นจะกัดกินจนหัวใจพรุนยับไม่มีชิ้นดีแต่หญิงสาวก็ยังไม่วายตะโกนสาดคำด่าปาวๆ ไปตลอดทาง
ความอดทนสิ้นสุดลงแล้วสำหรับผู้ล่า เขากระโดดก้าวเท้ายาวๆ แค่ก้าวเดียวก็จับแขนเธอให้หยุดกะทันหันและแทบจะล้มหัวคะมำหากไม่มีเขาดึงตัวเองไว้
หฤทชนันท์หันกลับมามองด้วยแววตาตื่นตระหนกปนเจ็บแค้นที่ไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ได้ ปวดใจที่ต้องตกเป็นรองทนรับความอัปยศจากน้ำมือเขาเสมอ ไม่มีแม้สิทธิ์จะสามารถเรียกร้องอะไรก็ตามที่ตัวเองต้องการ สักครั้ง...สักอย่าง...ก็ไม่เคยได้
"เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้คุณชอบเถื่อนๆ ไอ้พอสมันคงสอนมาเยอะสิท่า ฮึ...ไอ้นั่นมันเสือผู้หญิงคงสนองคุณได้ถึงใจไม่น้อยช่วงที่ผมไม่อยู่ ใช่ไหม...ซองพลู?"
"ใช่!! พี่พอสเขาเก่งจนฉันลืมคุณไปเลยละ ลืมชนิดกลับมารื้อฟื้นยังไงก็เฉยๆ ชิลๆ เทียบกันไม่ได้สักครึ่ง!" ปากร้ายๆ ซีดและสั่นยังไม่ยอมลดละคำปรามาสโต้ตอบไปอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ซึ่งใจจริงโดยเนื้อแท้ ณ ขณะนี้แล้วเธอไม่เด็ดเดี่ยวอย่างที่พูดไปหรอก แต่ความคับแค้นแน่นจุกต่างหากที่ช่างกล้าดีบ้าบิ่นกระตุ้นให้ยังมีแรงสาดวาจาใส่ชนิดไม่ยอมรามือ และเธอก็รู้...ว่าคิดผิด
"งั้นเราต้องรื้อฟื้นกันหลายๆ รอบแล้วละซองพลู...จนกว่าคุณจะทำได้ จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าอยากจำ...แล้วไม่มีวันลืม..."
"ไอ้! อื้อ!!" เสียงแหลมหวีดกรีดร้องได้เพียงเท่านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยการครางประท้วงในลำคอ ริมฝีปากบางเฉียบของเธอถูกจองจำทาบทับหมดสิ้น กลืนกินความบ้าบิ่นถือดีลงคอของอีกฝ่าย เธอรู้สึกเหมือนกลีบปากบางๆ จะแตกยับ แสบปวดและร้าวระบมยิ่งนัก แต่ไม่ทันไร บางสิ่งบางอย่างก็แทรกซ้อนเข้ามาแทนที่
เรียวลิ้นสากใหญ่ดุนดันบังคับให้เธอเปิดปากรับการสำรวจโดยศิโรราบ ครั้นทำท่าจะขบฟันลงทัณฑ์เอาคืนกลับถูกเขาจับปลายคางบีบกดเอาไว้อย่างรู้ทัน
ดวงตาแดงก่ำที่เก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลซ้ำซ้อนเพื่อประจานตัวเอง เหมือนจะหลุดกองออกมานอกเบ้าเพราะความเกลียดชังผู้ชายซึ่งกำลังลงแรงกับร่างกายเธอ ความรู้สึกที่ติดลบนับอยู่แล้วนับวันจะยิ่งหดหายมลายสูญเข้าไปทุกทีๆ จากคนรัก...มาเป็นคนอื่น...จากคนอื่น...มาเป็นเดนมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่อยากใช้ลมหายใจอยู่บนโลกใบเดียวกัน
ร่างเล็กยังดิ้นขัดขืน ในขณะที่เขารุกล้ำฉีกขย้ำทุกกฎของศีลธรรม แทรกซอนสุดโคนลิ้นเพื่อกวาดเก็บเอาความหวานปนขมจากภายในมากลืนกินดับกระหาย ไม่เคยนึกรังเกียจแม้หญิงสาวจะผ่านมือใครมา หากแต่ประสงค์อยากให้เขาที่เป็นคนแรกได้เป็นคนสุดท้ายในชีวิตเธอด้วย
ร่างใหญ่เดินหน้าผลักดันให้คนตัวเล็กกว่าถอยหลังทีละน้อยด้วยความจำยอม ก่อนจะกอดเธอไว้และทิ้งน้ำหนักให้ล้มลงในขณะที่ตัวเองพลิกมานอนรับน้ำหนักเพื่อไม่ให้หฤทชนันท์กระแทกพื้น ก่อนตลบพลิกแผลงอีกครั้งให้ตัวเองอยู่ด้านบนในที่สุด เป็นการจำกัดขอบเขตการแผลงฤทธิ์ของกระต่ายสาวเนื้อหวาน
เล็บแหลมคมจิกข่วนตามเนื้อตัวเขาไม่ยั้ง หญิงสาวทำทุกอย่างเท่าที่เธอจะสามารถเอาคืนได้ ในขณะที่เขายังมูมมามตะกละตะกลามอยู่กับการฉกชิมลิ้มรสกลีบปากบวมเจ่อแสนเย้ายวน
ชายกระโปรงถูกร่นขึ้น มือเล็กก็รีบผละจากการทำร้ายเขามารั้งดึงเอาไว้ โปษัณใช้ความเร็วถอนห่างจากตรงนั้นมาถลกชายเสื้อแทนซึ่งเธอตามขัดขืนได้ทันควัน เขาจับเธอจิก เขาดึงเธอข่วน ถีบและดิ้นสารพัดจนกระทั่งรู้สึกตัวเองเหนื่อยเหมือนจะสิ้นลมเสียให้ได้ ร่างกายที่ต่อต้านเต็มที่ในช่วงแรกๆ ค่อยๆ คลายกำลังลงอย่างจำยอม เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กายจากการกดทับเต็มแรงเพราะต้องการเอาชนะเธอ ในที่สุด กระโปรงตัวสวยก็ถูกถกเปิดขึ้นมาจนถึงเหนือสะเอว
หฤทชนันท์แรงเยอะไม่ใช่ย่อย แต่มีหรือจะทัดทานบุรุษเพศเช่นเขาได้ จิตสำนึกส่วนหนึ่งกรีดร้องให้หยุดเพื่อรักษาน้ำใจที่มีเหลือต่อกันเพียงน้อยนิด แต่อีกใจซึ่งมืดทมิฬ มันชักนำเอาความคับแค้นคืนที่ถูกหักหลัง การสูญเสีย มาบงการครอบงำให้เดินหน้าต่อด้วยความกักขฬะหยาบช้า สายไฟที่กระชากมาจากกระติกน้ำร้อนซึ่งถูกทิ้งไว้ข้างตัวมีประโยชน์ให้ใช้สอยในทันที จับมือข้อมือเล็กทั้งสองข้างรวบและมัดพันแน่นหนาก่อนจะดันแนบกับศีรษะไปทางด้านบน หมดแรงจะออกฤทธิ์ต่อต้าน ในส่วนลึกก็ต่อต้านตัวเอง หากแต่ความสะใจนั้นเด่นชัดกว่า
มันจะได้สาสมกับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ...
ชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ร่นครูดลงมาตามปลายขาจากการถูกเกี่ยวดึง ร่างใหญ่เบียดกายเสียดสีกับเนินเนื้อแท้อยู่เพียงชั่วครู่ก็จัดการปลดปล่อยอิสรภาพความกระหายของตัวเองได้สัมผัสความนุ่มอุ่นซ่านที่เสาะหาเพื่อยุติความเดือดดาลในตัว
หฤทชนันท์แอ่นหยัดสะโพกหวังปลีกตัวหนีด้วยแรงเพียงน้อยนิด กลับกลายเป็นว่ากำลังเกื้อหนุนส่งเสริมให้เขารุกรานได้ง่ายดายยิ่งกว่าเก่า ชายหนุ่มกดแทรกความแข็งขึงสู่ความอวบอูมที่เผยอรับด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทันที กดแนบสนิทดันสุดตัวในครั้งเดียวเสร็จสิ้นการเดินทาง...
ร่างเล็กแบบบางสะดุ้งตอบ ร้องฮือปนครางสะอื้นกับสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้รับโดยความไม่สมัครใจ ความคับแน่นและแสบลึกจู่โจมพร้อมๆ กับความจุกปวดหนึบในช่องท้อง คนเหนือร่างกดน้ำหนักลงมาจนหายใจติดขัด พื้นหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันงามตาบัดนี้ย่อยยับป่นปี้ไม่ได้ต่างจากเธอแม้แต่น้อย
สิ่งที่ถูกทำลาย...คงความรู้สึกคงเจ็บช้ำร้าวระทมไม่ต่างกัน ต่อให้นานแค่ไหนมันคงไม่มีวันกลับคืนฟื้นฟูให้ดีได้ดั่งเดิมอีกแล้ว
"เป็นยังไงล่ะ พอจะสูสีกับไอ้พอสมันได้บ้างไหม" เขาแสยะยิ้มสะใจถามขณะกำลังโถมกระหน่ำกับร่างของเธอ หญิงสาวไม่ตอบ เธอปล่อยปล่อยตัวไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกดั่งคนสิ้นแล้วทุกอย่างไม่ยินดียินร้ายสนองต่อความรู้สึกใดๆ ลมหายใจรวยรินไปตามจังหวะโยกคลอนที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ
โปษัณต้องการกระตุ้นให้เธอสำนึกว่าเธอยังมีเขาอยู่ในชีวิต ตอกย้ำซ้ำลึกไม่ให้ลืมเลือนแม้เสี้ยววินาที ซึ่งหารู้ไม่ว่า เธอ...จมจ่อมอยู่กับความต้องการเหล่านั้นของเขามานานแสนนานเหลือเกินแล้ว
"อื้อ!!" เสียงสะอื้นจากลำคอดังขึ้นอีกครั้งจนหญิงสาวต้องกัดปากตัวเองสะกดกลั้นไม่ให้มันเล็ดลอดออกมามากกว่านั้น เขารุกเร้าสอดแทรกไม่ยั้งมือและไม่ผ่อนปรนให้มีจังหวะได้ตั้งตัว ช่องท้องน้อยหดเกร็งหดรับการกระแทกกระทั้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนเจ็บจุกไปหมด กระนั้นก็ยังไม่สาแก่ใจมารร้ายเช่นโปษัณ
เสื้อแขนตุ๊กตาตัวน้อยพร้อมบราเซียร์ถูกฉีกทึ้งหลุดลอยหายออกไปจากร่างบอบบางในช่วงเวลาเพียงไม่ถึงสิบวินาที ปทุมถันที่สะพรั่งดีดตัวถูกงับอุ้มกัดกลืนโดยสัตว์ร้ายผู้กระหายหิว ยอดถันเกร็งเครียดถูกลิ้นร้ายตวัดเลียกระตุ้นความรู้สึกด้วยความหยาบโลน มือใหญ่กางกอบเต้าอวบอีกข้างบีบขยำเล่นเพิ่มความหรรษา ปลุกเรียกกำหนัดในตัวให้ลุกโชนเต็มพิกัด
โปษัณพยายามสลัดเสื้อผ้าที่ยังหมิ่นเหม่ออกจากตัว เขาละจากร่างบางชั่วขณะปล่อยเธอหายใจหอบถี่ กอบโกยออกซิเจนเข้าปอดอย่างอิสระเป็นครั้งแรก ก่อนจะโถมร่างเกือบเปลือยทับซ้อนอีกครั้ง ดันสอดประสานรวมเป็นหนึ่งในเสี้ยววินาทีโดยไม่ยอมให้หญิงสาวตั้งตัว
หฤทชนันท์สั่นคลอนไปตามแรงขยับที่ดุดันในคราแรก จ้องมองเธอซึ่งเป็นของหวานอันโอชะด้วยความซ่านสยิว เพิ่มกำหนัดเสน่หาในตัวให้ยิ่งฉีดพล่านไปทั้งร่าง รอยแผลจากการถูกน้ำร้อนลวกไม่เจ็บร้าวเท่ากับร่างกายและจิตวิญญาณที่กำลังดิ้นรนหาทางปลดปล่อยในขณะนี้
ทรมานและเปี่ยมสุข...ตื้นตันและบีบคั้นในหัวใจควบคู่สูสีอย่างไม่มีความรู้สึกไหนจะล้ำหน้าไปกว่ากัน
คงดีไม่น้อยหากเธอยินยอมด้วยความเสน่หาอย่างในอดีตที่ผันผ่าน บทลงโทษที่ไม่ได้อยากลงมือกระทำนี้เขาบังคับตัวเองให้หยุดไม่ได้เสียแล้ว เหมือนมารร้ายในตัวได้ถูกปลุกตื่นเต็มที่และจะสงบลงได้อีกครั้งก็ต่อเมื่ออวตารนั้นได้อิ่มเอมในราคะเสียก่อน
แต่เขาก็รู้ว่า...ไม่ควรเอาเปรียบ ไม่ควรเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้กับเธอ...
"อืม..." คนใต้ร่างยังหายใจหอบระริน เสียงครางแผ่วในลำคอดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดปากด้วยไม่อาจกลั้นเก็บไว้ โปษัณผ่อนจังหวะลงเป็นการขยับเบาๆ เน้นเสียดสีให้เกิดความรู้สึกลึกล้ำดำดิ่ง อุ้งปากร้อนระอุประทับจูบทรวงอกอวบหยุ่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ตะกละตะกลามอย่างเก่า ทว่าค่อยๆ เล็มเลียละเมียดละไมทุกตารางนิ้วโดยเฉพาะยอดถันสีหวานที่ชูชันอวดโฉมไร้ที่ติ
มืออีกข้างเคล้นคลึงเร้าเร่งความรู้สึกให้เตลิดเปิดเปิงหลุดลอยไร้จุดหมาย ร่างเล็กเริ่มแอ่นหยัดรับการรุกรานอันนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างน่าอาย ลืมสิ้นความหยาบช้าในคราแรกที่เขาลงมือกระทำ
โปษัณปรีดาในกิริยาที่สนองตอบ เขายิ้มกริ่มพอใจเดินเกมหฤหรรษ์เนิบช้าไม่เร่งรีบเพื่อปรนเปรอคนเบื้องล่าง เรียกร้องความรู้สึกของเธอให้ลุกโชนเต็มที่เพื่อสานต่อไปยังจุดมุ่งหมายเดียวกัน
มือเล็กกำเข้าหากันเพื่อสิ่งยึดเหนี่ยวระบายความรู้สึกซ่านกระสัน ทุกจังหวะที่เขารุกล้ำนำเอาความเคลิบเคลิ้มมาฝากฝังไว้ในเรือนร่าง เธอเกร็งตัวและกัดฟันกลั้นเสียงสุดท้ายที่อาจดังเกินความจำเป็นเพราะความลืมตัว คนเบื้องบนรับรู้...และยินยอมปล่อยมือ ส่งเธอล่วงหน้าเหยียบวิมานบนดินในทันทีด้วยการดันตัวสุดแรงหลายๆ ครั้งติดกัน
ร่างเล็กตวัดขาเกาะเกี่ยวตัวเขาแน่น...พร้อมงับกัดที่หัวไหล่เต็มแรงจนรู้สึกเจ็บแต่ไม่ได้ถือสา ยังคงเพียรเร่งทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคร่งครัดจนเธอผ่อนคลายลง สิ้นสุดการส่งมอบความสุขที่แสนหฤหรรษ์ แต่ตัวชายหนุ่มยังไม่หยุดกระโจนจ้วงล่วงล้ำ จุดพึงหวงแหนถูกกระแทกกระทั้นหนักขึ้นพร้อมกับเสียงครางระงมทุ้มลึกเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกทารุณ
หฤทชนันท์ปล่อยมือและนอนหายใจแผ่วเบารอรับการรุกรานอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ขนาดตัวที่เล็กกว่าเมื่อถูกซัดกระหน่ำเต็มแรงจากคนด้านบนทำให้เธอโยกคลอนเหมือนร่างกายจะขาดสะบั้น หายใจไม่ออก อึดอัด...เมื่อถูกเขากอดรัดราวกับงูเหลือมที่รัดเหยื่อให้แดดิ้นก่อนจะกินลงท้อง ช่องท้องปวดหน่วงขึ้นทุกขณะ เธอพยายามรวบรวมแรงเพื่อต่อต้านเขาอีกครั้ง แต่ไร้ผล...
แรงมหาศาลยิ่งถาโถมราวกับพายุเกรี้ยวกราด เขาก้มบดจูบริมฝีปากบวมเจ่อไม่ปรานี กัดกลีบปากบางเฉียบในจังหวะที่ความเสียวซ่านถึงจุดแตกดับ แล้วทุกอย่างก็สิ้นสุดลง
เหลือไว้เพียงสองร่างที่ทับซ้อนนอนหายใจหอบถี่เหงื่อกาฬไหลท่วม เมื่อทุกอย่างแดดิ้น...ร่างใหญ่ก็ฟุบหมดเรี่ยวแรง ร่มเงาจากพุ่มไม้ที่ถูกตกแต่งเป็นอย่างดีช่วยบดบังแสงรำไรจากดวงอาทิตย์ให้ความร้อนที่อาจแผดเผาเจือจางลง ช่องลมรอบๆ กำแพงช่วยนำพาความเย็นฉ่ำมาโอบล้อมผ่อนคลายเพลิงใคร่ที่เพิ่งสิ้นเชื้อเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า โปษัณจึงฟื้นกำลังได้รวดเร็ว เขารีบผละจากร่างเปลือยขาวโพลน แล้วจัดการกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเอง
"ปล่อย..." หฤทชนันท์ประท้วงแข็งข้อทันทีเมื่อชายหนุ่มจะอุ้มเธอไว้แนบอก สายตาเหลือบซัดไปเห็นบาดแผลแดงเป็นรอยน่ากลัวบนแขนของเขาก็ต้องกลืนน้ำลายเฮือก! กลัวจับจิตกับชะตากรรมต่อจากนี้ ว่ามันจะเลวร้ายกว่าที่สิ่งที่เผชิญเมื่อครู่หรือไม่
โปษัณในตอนนี้ต่างจากโปษัณในอดีตราวฟ้ากับเหว เธอไม่รู้หรอกว่าอย่างไหนคือตัวตนที่แท้จริงของเขา เมื่อเรื่องราวในกาลก่อนก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าทุกอย่างที่เป็นเขาคือความจริง...หรือการเสแสร้งแสดงทำให้ตายใจ
แต่ที่ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ก็คือ...ความหลอกลวง ความเจ็บปวดที่เขามอบให้ ความเคว้งคว้างอาดูรเมื่อห้าปีก่อนนั้นยังหลอกหลอนอยู่ทุกครั้งที่เธอหายใจเข้าออก
"จะนอนแผ่อยู่ตรงนี้ทั้งวันรึไง...หรืออยากต่อ..." ชายหนุ่มถามเย้ยหยัน
"ไม่...ปล่อย..."
"ก็ต้องไม่ปล่อยอยู่แล้ว"
"อือ..." ร่างแบบบางถูกยกขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย เธอไม่มีแรงทัดทานเขาหรอก ได้แต่หายใจหอบถี่อย่างคนหมดเรี่ยวแรงคาแผงอกล่ำสันอยู่อย่างนั้น
ชายหนุ่มกระชับร่างเล็กไว้มั่น อดไม่ได้ที่จะมองทรวงอกขาวเปลือยปราศจากสิ่งปกปิดที่กระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจเข้าออก จนเธอรู้ตัวและใช้แรงน้อยนิดยกแขนมาทาบปิดไว้หมิ่นเหม่
เขาส่งยิ้มกวนๆ อย่างผู้มีชัยนำพาคนในอ้อมกอดเดินเข้าบ้านด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แผลจากการถูกราดด้วยน้ำร้อนได้รับความกระทบกระเทือน และด้วยยังไม่ได้ปฐมพยาบาลมันก็ส่งผลให้เจ็บแสบไม่น้อย
เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้จิตใจหวั่นไหว...อนาคตอันมืดมนต่างหากที่อยู่ในความวิตกของเขา ไม่รู้ว่าสองแขนนี้จะรั้งฉุดหัวใจของตัวเองไว้ได้อีกนานแค่ไหน เขาจะยังโอบอุ้มเธอและหน่วงเหนี่ยวไว้กับตัวไปได้อีกกี่วัน กี่คืน...