บทที่ 10
แฟนเก่าหรือแฟนใหม่
สองวันต่อมา..
เวลา 21.30น.
ครืดดด!!..โทรศัพท์ที่ฉันวางไว้ตรงหัวเตียงดังขึ้น ทำให้ฉันที่นอนอ่านหนังสือการ์ตูนวายอยู่นั้นต้องวางหนังสือลงแล้วหันไปมอง
สายเรียกเข้า : ที่รัก ❤️
‘บ้า’ ฉันจำได้ว่าไม่เคยบันทึกเบอร์ใครเอาไว้อย่างนี้นี่นา
“สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับแล้วกรอกเสียงไปยังปลายสายอย่างงงๆ
“ทำอะไรอยู่” แล้วเสียงทุ้มที่ตอบกลับมานั่นก็ทำให้ฉันดีดตัวลุกนั่ง
“พี่เอ็ม ทำไมบันทึกเบอร์ไว้อย่างนี้คะ” ฉันอดแหวใส่เขาไม่ได้จริงๆ
“ฮ่า ๆ นอนหรือยัง” พี่เอ็มหัวเราะผสมกับถามฉัน
“ยังค่ะ” ฉันบอกพี่เอ็ม ตอนนี้ฉันยังไม่ง่วงแล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดด้วยนอนดึกได้ไม่เป็นไร
“กินยาหรือยัง” เสียงเข้มถามต่อ
“ยังค่ะ ก่อนนอนค่อยกิน พี่เอ็มทำอะไรอยู่คะ” ฉันตอบและถามเขา
“พี่จะไปดื่มกับพวกไอ้พาส”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับให้กับโทรศัพท์
“ไปได้หรือเปล่า” พี่เอ็มถามมาเสียงอ่อน
“คะ?” คืออะไรจะชวนฉันไปด้วยเหรอ หรือว่าเขามาขอฉันไปเที่ยวกับเพื่อนๆของเขา
“พี่ไปได้หรือเปล่า”
“ทำไมจะไม่ได้คะ” ฉันย่นหน้าใส่มือถือ
“ก็พี่มาขอเราเที่ยวนะ ไม่หวงพี่หน่อยเหรอ” เสียงเข้มถาม
“ที่จริงพี่เอ็มไม่ต้องขอหนูด้วยซ้ำ มันเป็นสิทธิ์ของพี่ค่ะ” ฉันส่ายหน้าและระบายยิ้มออกมาผ่านมือถือ พลางนึกภาพของพี่เอ็มที่ทำตัวเหมือนเด็กกำลังขอแม่เที่ยว
“ไม่เอา พี่จีบเราอยู่ต้องขอเราสิ” นี่ถ้าฉันอยู่ต่อหน้าพี่เอ็ม ฉันคงเขินหน้าแดงแน่ ขนาดเสียงพูดแบบนี้ยังทำให้หน้าของฉันร้อนวูบวาวเลย
“แล้วถ้าหนูบอกไม่ให้ไปล่ะ” ฉันลองถามเพื่อเป็นการหยั่งเชิง ว่าถ้าฉันห้ามเขาจะทำตามไหม
“พี่ก็ไม่ไป”
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือหนักแน่นมาก จนใจฉันมันพองโตอยู่ในหน้าอกข้างซ้ายเหมือนผีเสื้อทั้งหลายกำลังบินวนในห้องนอนของฉันอย่างไรอย่างนั้น
“ไปเถอะค่ะ หนูไม่ห้าม” ฉันบอกพี่เอ็ม
“จริงนะ”
“ค่ะ” ฉันอมยิ้มเขินอยู่คนเดียว
“งั้นพี่ไม่กวนแล้ว ฝันดีครับ”
“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ ถ้าเมามากก็เรียกแท็กซี่” ฉันไม่ลืมกำชับเรื่องความปลอดภัยของพี่เอ็มด้วย
“ครับ”
ติ๊ด!..ฉันกดวางสายแล้วระบายยิ้มออกมายามล้มตัวลงนอนหงาย ดวงตากลมโตมองเพดานอย่างเลื่อนลอย นี่ฉันเริ่มรักพี่เอ็มตั้งแต่ตอนไหนกันนะ ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าตอนนี้ฉันเขินพี่เอ็มมาก…
เช้าวันต่อมา เวลาแปดโมงเช้าสี่สิบสองนาที..
ติ๊งหน่องๆๆ..
เสียงออดหน้าห้องดังขึ้นรัวติดกัน ทำให้ฉันต้องตกใจตื่น ซึ่งฉันเดินอุ้มเจ้าถั่วพูไปยังประตู พอส่องตาแมวดูก็เห็นเป็นเพื่อนทั้งสองคน
“มาได้ไง” ฉันถามทั้งที่เปิดประตูห้อง
“เซอร์ไพรส์” นาเดียร์พูดพร้อมกับยกถุงอาหารโชว์ให้ฉันดู
“เซอร์ไพรส์อะไรกันแก” ฉันปล่อยเจ้าถั่วพูลงแล้วหลีกทางให้เพื่อนเดินเข้าไปในห้อง ส่วนฉันก็ปิดประตูและเดินตามเพื่อนๆเข้าไป
“พวกฉันมาเยี่ยมแกนะ เป็นไงบ้าง” เอวาถามพลางนั่งลงข้างเจ้าถั่วพู
“ค่อยยังชั่วแล้ว แก้มก็ยุบลงมากแล้วด้วย” ฉันบอกพร้อมกับแตะที่หน้าเบาๆ เมื่อหันไปส่องกระจกตรงผนังห้อง
“อื้อ จริงด้วย” นาเดียร์ก็พยักหน้ารับรู้
“นี่พวกเธอนั่งคุยกันไปก่อนนะ ฉันขออาบน้ำแปบนึง” ฉันยกมือขึ้นห้ามเพื่อนๆ เมื่อพวกเธอกำลังจะพูด
“งั้นพวกฉันจะจัดโต๊ะอาหารไว้รอนะ” เอวาบอก
“โอเคๆ” ฉันขานรับทั้งที่เดินเข้าไปในห้อง โดยที่ไม่ได้ปิดประตูห้องนอนเพราะในนี้มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น...
สามสิบนาทีต่อมา..
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินออกไป เห็นว่าเพื่อนทั้งสองนั่งอยู่โซฟาโดยที่อาหารยังถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะรับแขกเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมไม่กินก่อน” ฉันถาม พร้อมเดินไปลากเก้าอี้เม็ดโฟมมานั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อนทั้งสอง
“ตั้งใจมาเยี่ยมแกน่ะ เป็นไงบ้าง” เอวาพูดขึ้นขณะตักข้าวใส่จานให้ทุกคน
“ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจพวกแกมากนะ” ฉันยิ้มเมื่อเพื่อนรู้ใจซื้ออาหารรสจืดซึ่งเป็นของโปรดฉันทั้งนั้นมาฝาก เอาจริงๆ เพื่อนสองคนนี้มันกินอาหารรสจัดกันมากชนิดที่ว่าขาดพริกไม่ได้เลยแหละ
“ไม่ช่วยเพื่อน จะไปช่วยใคร” นาเดียร์ยื่นไข่เจียวหมูสับให้ฉัน
“ขอบใจพวกแกนะ” ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีเพื่อนที่ดีอย่างนี้ แล้วฉันก็ลุกขึ้นเดินเข้าครัวทำน้ำพริกละลายน้ำปลามะนาวมาให้เพื่อนๆ
“นี่แกกินเผ็ดได้แล้วเหรอ” เอวาถามเมื่อเห็นถ้วยน้ำปลาพริกตรงหน้า
“กินได้ที่ไหนล่ะ” ฉันส่ายหน้า
“แล้ว...” นาเดียร์หรี่ตามองฉันอย่างสงสัย
“นี่ ! ฉันมีไว้เพื่อพวกแกนั่นแหละ” ฉันทำเป็นไม่เข้าใจสายตาของนาเดียร์
“นึกว่าเพื่อพี่คนนั้นเสียอีก” เอวาพูดยิ้มๆ แล้วหันไปสะกิดนาเดียร์ ซึ่งเธอทั้งสองสืบรู้มาว่าพี่คนนั้นก็กินเผ็ดเหมือนกัน
“บ้า ! ฉันมีไว้ให้พวกแกย่ะ” ฉันตอบเสียงสะบัด
“แล้วทำไมหน้าแดงล่ะ” นาเดียร์ถาม
“นี่ หยุดล้อฉันได้แล้ว” ใช่ ! ฉันเขินจนหน้าฉันร้อนวูบวาบขนาดนี้จะไม่ให้แดงได้ยังไง
“โอเคไม่ล้อก็ได้” นาเดียร์พูดแล้วหันไปพยักหน้าให้เอวาเป็นเชิงรู้กัน
“คิกก” ซึ่งเธอทั้งสองมองมาที่ฉันแล้วพากันหัวเราะชอบใจ
“จะกินไหมน้ำปลาพริกน่ะ ถ้าไม่กินฉันเอาไปเททิ้งนะ” ฉันยอมรับว่าเขินมากที่เพื่อนทั้งสองรู้ใจ แม้กระทั่งหัวใของฉันเพื่อนมันก็รู้ว่าฉันมีใจให้พี่เขาคนที่เพื่อนเอ่ยถึง
“กินๆ” เพื่อนทั้งสองรีบตอบเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมทั้งพากันรบแย่งถ้วยน้ำปลาพริกจากมือฉัน…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา..
หลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้ว พวกฉันก็มานั่งรวมกันที่โซฟา พวกเราชอบดูละครซีรีสย์เกาหลีมาก ซึ่งเราทั้งสามดูละครที่มินโฮกับซูจีเล่นจบตอนแล้ว นาเดียร์ที่เป็นคนครอบครองรีโมท์ก็ปิดทีวีแล้วหันมาพูดกับฉันและเอวา
“ไปเดินห้างกันปะ วันนี้มีกระเป๋าเข้าใหม่นะ”
“ก็ดีนะ ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” เอวาพูด แล้วหันมามองฉัน
“ฉันคงขอตัวนะ” ฉันส่ายหน้า
“ไปด้วยกันนะแก” เอวาชวน
“แต่งหน้าดีๆ กลบแผลที่มุมปากเล็กน้อยก็ไม่มีใครเห็นแล้ว” นาเดียร์ก็ยุฉันใหญ่เลย
“ก็ได้ งั้นพวกแกรอฉันแปบนะ” ใจจริงฉันก็อยากออกไปเดินเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน พอเพื่อนยุฉันจึงรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วจัดการแต่งหน้าเพื่อกลบรอยตามเพื่อนบอก…
เวลาบ่ายโมงที่ห้างสรรพสินค้า S..
พวกฉันมาที่ห้างดังที่อยู่กึ่งกลางระหว่างมหาลัย M ซึ่งเป็นมหาลัยที่พวกฉันเรียนและมหาลัย S พอเข้ามาแล้วทั้งสองสาวก็รีบพาฉันขึ้นไปที่ชั้น L เพื่อไปดูกระเป๋าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่
ส่วนฉันเดินดูรอบๆ แล้วรู้สึกเบื่อ ไม่ใช่ไม่มีเงินซื้อนะแต่กระเป๋าที่มีอยู่ก็ใช้แทบไม่หมดอยู่แล้ว
“พวกแก ฉันไปรอที่ร้านเสื้อตรงนั้นนะ” ฉันเดินไปบอกเพื่อนที่กำลังดูกระเป๋าอยู่
“ไม่ดูกระเป๋าเหรอ” เอวาหันมาถาม
“ไม่ล่ะ” ฉันส่ายหน้าให้เพื่อน
“ปล่อยนางไปเถอะ พวกฉันจะรีบดูแล้วเดี๋ยวตามไปนะ” นาเดียร์บอกเอวาแล้วหันมาบอกฉัน
“โอเค” ฉันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ร้านเสื้อผ้าของฝั่งตรงข้าม
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า” พอเดินเข้ามาข้างในร้านพนักงานต้อนรับก็เดินมาทักทาย
“สวัสดีค่ะ” ฉันทักทายแล้วยิ้มให้
“ต้องการให้ช่วยอะไรไหมคะ หรือมีเสื้อผ้าแบบไหนในใจแจ้งได้นะคะ” เธอบอกฉัน
“ขอดูก่อนนะคะ” ฉันบอกแล้วเดินนำไปโซนชุดเดรส ไม่ถึงสิบนาทีก็เจอชุดหนึ่งที่น่ารักดี
“ชุดนี้มีหลายสีนะคะ” พนักงานขายเดินตามและแนะนำ
“มีสีชมพูไหมคะ” ฉันหันไปถามพนักงาน
“เดี๋ยวเช็คให้ค่ะ รอสักครู่ค่ะ” พนักงานหยิบชุดไปชุดหนึ่งแล้วเดินไปทีเคาน์เตอร์
“อ้าว นึกว่าใคร น้องไวน์นี่เอง” ระหว่างที่ดูอะไรเพลินๆ รอพนักงานอยู่นั้น เสียงเหยียดๆก็เอ่ยทักขึ้นทำให้ฉันหันไปมอง
“สวัสดีค่ะพี่อัน” ฉันยิ้มและยกมือไหว้
“หวัดดีจ้า นี่มาคนเดียวเหรอ” พี่อันรับไหว้เพียงแค่ปาก แต่ไม่ได้ยกมือไหว้ตอบ
“เปล่าค่ะ หนูมากับเพื่อน พี่อันล่ะคะ มากับใคร” ฉันถาม
“เหมือนกันจ้ะ แล้วเอ็มล่ะไม่ได้มาด้วยกันเหรอ”
“พี่เอ็มไม่ได้มาด้วยค่ะ” ฉันนึกแล้วว่าพี่อันต้องถามถึงอีกคนที่ป่านนี้จะตื่นหรือยังก็ไม่รู้ เมื่อเช้าฉันเปิดโทรศัพท์ดูก็เห็นเขาส่งข้อความมาตอนตีสี่กว่าบอกว่าถึงห้องแล้ว
“แปลกจัง ปกติเวลาเอ็มจีบใครตัวติดกันจะตายนะ ทำไมปล่อยให้น้องไวน์มากับเพื่อนได้เนี่ย” พี่อันยิ้มเยาะ
“แต่บางทีการอยู่ด้วยกันมากเกินไปก็ทำให้อึดอัดได้นะคะ” ฉันพูดในสิ่งที่ตัวฉันสัมผัสได้
“เหรอจ๊ะ แต่สำหรับพี่ พี่กลับคิดว่าเอ็มอาจจะเล่นๆ กับน้องนะ”
“เรื่องนี้พี่อันก็ไปถามพี่เอ็มดีกว่าค่ะ จริงจังมั้ยหนูไม่รู้กับเขาหรอก” ฉันพยายามควบคุมตัวเองให้อยู่เงียบๆ พูดดีๆกับรุ่นพี่ ทั้งที่ในใจฉันตอนนี้มันแป๋วไปเยอะแล้ว
“แล้วเอ็มได้เล่าให้ฟังหรือเปล่าว่าพี่เป็นใคร ไม่ใช่เพื่อนอย่างที่เขาแนะนำ”
ฉันคิดไว้แล้วว่าพี่อันต้องมาแสดงตัวแน่นอนว่าเขาคือแฟนพี่เอ็ม “ค่ะ พี่เอ็มเล่าให้ฟังแล้ว”
“ยากหน่อยนะถ้าจะคบกัน เพราะเอ็มยังมีพี่อยู่” พี่อันพูดพร้อมหัวเราะเยาะ
“เรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกค่ะ” ฉันพยายามพูดเสียงเรียบ ไม่ให้สั่นเหมือนหัวใจที่เต้นตุบตับเพราะตอนนี้ฉันเคว้งและเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าพี่เอ็มจะจริงจังกับฉันไหม
“ถ้ารู้ว่าพี่เป็นใคร ก็น่าจะรู้นะว่าพี่รู้จักพ่อแม่เอ็ม”
“แต่พี่เอ็มบอกพวกท่านแล้วนะคะว่าไม่หมั้น” ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่ฉันมั่นใจว่าเรื่องนี้พี่อันต้องรู้แต่พี่อันกำลังหลอกตัวเองอยู่เหมือนที่หลอกพ่อแม่ของเธอว่ายังคบกับพี่เอ็มอยู่นั่นแหละ
“แล้วยังไง ลองคิดตามสิระหว่างลูกของเพื่อนที่สนิทและสำคัญมากกับเด็กคนหนึ่ง พวกท่านจะเลือกใคร” พี่อันในตอนนี้เหมือนนางร้ายมาก เธอส่งสายตาวาวโรจน์มองมาที่ฉัน
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่เอ็มค่ะ” ถึงฉันจะไม่มั่นใจแต่ฉันก็บอกพี่อันไปแบบนั้น และไม่ได้หวาดกลัวสายตาแดงโรจน์ของพี่อันเลย ตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น
“อย่าคิดว่าเอ็มจะจริงจังกับเธอ” พี่อันคงโมโหที่ปั่นหัวฉันไม่ได้ และอีกอย่างฉันไม่ได้หลบสายตาของพี่อันเลยแม้แต่น้อย
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่เอ็ม พี่อันควรจะเลิกหลอกตัวเองได้แล้วนะคะ” ฉันบอกเสียงเรียบ
“แก” พี่อันเดินเข้ามาหาฉัน แล้วยกมือจะตบหน้าฉัน
“พี่อันจะทำอะไร จะตบหนูเหรอ” ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกแล้ว จึงยกมือจับมือพี่อันไว้แล้วผลักให้พี่อันเซถอยหลัง
“อีไวน์” พี่อันโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ตรงมาหาฉันอีกครั้งและคงจะตบฉันอีกนั้นแหละ แต่ก็ต้องชะงักมือเอาไว้เมื่อมีเสียงของเพื่อนๆของฉันเรียกฉันไว้ซะก่อน
“ไวน์”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” พี่อันชี้หน้าฉัน แล้วรีบเดินออกไป
“มีอะไรหรือเปล่า” เอวาถาม พร้อมทั้งมองตามหลังพี่อัน
“เปล่า” ฉันส่ายหน้าเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง
“ใครเหรอ” นาเดียร์ถามแต่สายตาก็มองพี่อันที่หันมาชี้หน้าฉัน
“แฟนเก่าพี่เอ็มน่ะ” ฉันบอกเพราะวันใดวันหนึ่งเพื่อนฉันก็จะต้องรู้อยู่แล้ว พี่อันไม่มีทางหยุดอยู่แค่นี้แน่
“แฟนเก่า แล้วเค้าได้ทำอะไรแกหรือเปล่า” นาเดียร์และเอวาถามฉันเป็นเสียงเดียวกัน
“เปล่าๆ” ฉันปฏิเสธและเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าฉันพูดให้พี่อันเจ็บปวดหัวใจได้เหมือนกัน
“เมื่อวานก็คนที่แอบชอบ วันนี้ก็แฟนเก่าแกจะรับมือไหวมั้ยวะไวน์” นาเดียร์คงจะเหนื่อยใจแทนฉันแหละ
“ก็เล่นมีแฟนเป็นดาวมหาลัยนี่ ต้องรับให้ได้สิ” เอวาตอบนาเดียร์แทนฉัน
“ฉันไม่รู้ แต่ถ้ามาระรานฉันอีกฉันก็สู้สุดใจแหละ ต่อไปนี้ไม่ยอมถูกตบฟรีๆอีกแล้ว” ฉันบอกเพื่อน
“มันต้องอย่างนี้สิเพื่อน ตบมาตบกลับ” เอวาและนาเดียร์พูดเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมทั้งแบบมือให้ฉันจับและสัญญาว่าจะสู้ไปด้วยกัน…