“พี่นัยดูไม่ตื่นเต้นเลยนะคะ ที่เจอน้องเจน”
คนที่อุตส่าห์ลากกระเป๋ามาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำหน้างอนใส่คู่หมั้นที่ตกใจมากกว่าตื่นเต้น เมื่อพบหล่อนมาเซอร์ไพร์สถึงห้องทำงาน
“ตื่นเต้นสิครับ ก็เราไม่ได้เจอกันตั้งเกือบปี” เขาปั้นหน้ายิ้ม
“แต่หน้าตาไม่ดีใจเลยนะคะ” เจนจิราตอบเสียงงอน
“วันรับปริญญาบัตร พี่นัยก็ไม่ไปร่วมแสดงความยินดี”
จากบ้านเกิดเมืองนอนไปเรียนต่อปริญญาโทในประเทศอังกฤษหลายปี กว่าจะจบการศึกษาตามตั้งใจ คู่หมั้นหนุ่มไม่เคยบินไปเยี่ยม จะได้เจอกันก็ตอนที่เจนจิราปิดเทอมกลับมาเยี่ยมบ้าน
เข้าใจว่างานเขายุ่งมาก นับจากลุงภควัตผู้เป็นคุณพ่อเสียไปโดยอุบัติเหตุ ภารนัยไม่พร้อมเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้บริหาร แต่ก็ต้องทำ เพื่อสานต่อบริษัทขนาดใหญ่ธุรกิจหลักของครอบครัว เพราะท่องจำคำว่าเข้าใจขึ้นหัว เจนจิราจึงไม่ค่อยงอนหากคู่หมั้นหนุ่มไม่มีเวลาให้
“งานพี่เยอะมากเลยครับน้องเจน พี่พามาเลี้ยงอาหารต้อนรับแล้วไงครับ น้องเจนไม่ดีใจเหรอ” ภารนัยมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อย เขาผายมืออวดอาหารหลายรายการบนโต๊ะเอาใจคู่หมั้นสาว ที่ผู้ใหญ่จับให้หมั้น ตั้งแต่ก่อนที่เจนจิราจะวางแผนไปเรียนต่อต่างประเทศ
เขาดำรงตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ ครอบครัวเจนจิรามีบริษัทใหญ่โตเช่นเดียวกัน ฐานะทางบ้านหญิงสาวเทียบเท่าฐานะทางบ้านภารนัย มิหนำซ้ำยังเป็นลูกคนเดียวเหมือนกันอีกด้วย พวกเขาจึงกลายเป็นความหวังของที่บ้าน
ตระกูลเขากับหล่อนจะเรืองอำนาจ ถ้าเป็นทองแผ่นเดียวกัน เจนจิราเหมาะสมกับเขาทุกอย่าง ไม่ว่าใครต่างก็ชมว่าพวกเขาเหมาะสมกัน ภารนัยทำได้เพียงน้อมรับคำชม ทั้งที่จริงเขาไม่ได้รักหญิงสาวในรูปแบบชายหญิง เพียงแต่ชาติตระกูลเหมาะสมกันมากจนไม่กล้าปฏิเสธ ภารนัยหนักใจ คิดว่าเขาอาจจะหนีการแต่งงานไม่พ้น
ด้วยอายุสามสิบกว่าเลี่ยงได้มากสุดอย่างน้อยก็ปีนี้ ปีหน้ากลัวจะเลี่ยงไม่ไหว หากแม่เขากับพ่อหล่อนรบเร้ากดดันให้แต่งงาน ยกเรื่องอายุมาอ้าง ว่าอายุเท่าเขา ผู้ชายคนอื่นแต่งงานกันหมดแล้ว
“พูดเหมือนจำใจที่ต้องพาน้องเจนมาเลี้ยงอาหาร”
เจนจิราแสนงอน สอดมือเรียวกอดหน้าอกขนาดพอดีตัว เชิดหน้าแสนรั้นใส่คู่หมั้นหนุ่ม ไม่เชิงว่าโกรธจริง แค่หาเรื่องงอน เพื่ออยากให้เขาง้อ จะได้มีโมเมนต์หวานๆ ชดเชยช่วงเวลาเกือบสี่ปีที่เขากับหล่อนห่างเหินกัน
“ไม่ใช่อย่างนั้น อย่างอนสิครับ ชดเชยที่พี่ไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดี เอาเป็นว่าพี่จะซื้อของขวัญให้ น้องเจนอยากได้อะไรครับ”
“พี่นัยใช้เงินแก้ปัญหาตลอดเลยนะคะ จะวันไหนน้องเจนก็ได้ของขวัญจากพี่นัย แต่ได้ผ่านขนส่งนะคะ ไม่ใช่ได้จากมือของพี่นัย”
“รอบนี้พี่จะส่งให้ถึงมือ ตกลงไหมครับ”
เจนจิรามีรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปาก “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงค่ะ”
“เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า คอลเล็กชั่นไหนที่น้องเจนอยากได้”
“เชยจังเลย ไม่เอาหรอกค่ะ ของพวกนั้นเจนซื้อเองได้”
“แต่ถ้าไม่ใช่ของพวกนี้ พี่ก็นึกไม่ออก ว่าจะให้อะไรน้องเจน”
“งานแต่งงานของเราเป็นไงคะ ล้อเล่นค่ะ พูดแค่นี้ก็ต้องตกใจด้วย” เจนจิราค้อน “แกล้งหยอก หรือไม่อยากแต่งกับน้องเจน”
“ขอโทษครับ คือ... งานพี่ยุ่งมาก จน... หาเวลาว่างไม่ได้เลย”
“ยุ่งถึงขั้นไม่มีเวลาว่างสักวันมาแต่งงานเลยเหรอคะ อย่างนี้คบกันไป น้องเจนจะได้เจอหน้าพี่นัยบ้างหรือเปล่า หรือจะมีแต่ทำงานๆๆ แล้วก็ทำงานๆๆ ไม่มีน้องเจนอยู่ในตารางชีวิตพี่นัย”
“น้องเจนอยากถอนหมั้นกับพี่ไหมครับ” เขาโยนหินถามทาง
“ไม่ใช่ค่ะ น้องเจนพูดเล่น ไม่ได้งอนจริงๆ สักหน่อย” เจนจิราปฏิเสธเสียงดัง “พี่นัยอย่าโกรธน้องเจนนะ อย่าเก็บคำพูดพล่อยๆ ของน้องเจนไปคิดมากด้วย น้องเจนเข้าใจค่ะ ว่าพี่นัยงานยุ่ง ขอแค่ได้แต่งก่อนสามสิบก็พอแล้ว มีเวลาอีกตั้งสองสามปี แต่ถ้าแต่งแล้วน้องเจนอยากมีลูกเลย กลัวจะไม่มีแรงวิ่งไล่จับตัวเล็ก พี่นัยคิดเห็นยังไงคะ”
“หมายถึง... เรื่องแต่งงานหรือเรื่องมีลูก” ภารนัยเมาหมัด น็อกกลางอากาศไปเรียบร้อย เขาหัวเราะแห้งไม่ต่างจากถูกบังคับให้หัวเราะในเรื่องที่ไม่ตลก สมองเบลอ ไม่เหลือชุดความคิดดีๆ ในหัว
“เรื่องแต่งงานแล้วมีลูกเลยค่ะ”
ผู้หญิงอย่างไรก็เป็นผู้หญิงวันยันค่ำ พวกหล่อนมักจะฝันหวานถึงชีวิตคู่ร่วมกับผู้ชายที่รักมากที่สุด เจนจิราสนใจบรรยากาศในร้านอาหารน้อยกว่าใบหน้าชายคนรัก แอร์เย็น แต่บนหน้าผากเขากลับมีเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาจำนวนมากจนสังเกตได้ แววตาเขาครุ่นคิดถึงคำตอบ
จะตอบว่าไม่อยากมีลูก ก็ไม่ใช่ อึกอักพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจนคู่หมั้นสาวงอนอีกครั้ง ขอบปากเรียวเล็กยื่นออกมาเพราะรอฟังคำตอบจนเหนื่อย
“พี่ว่าเราอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลยนะ น้องเจนเดินทางมาเหนื่อยๆ คงจะหิวแย่แล้ว กินข้าวกันเถอะครับ พี่สั่งของโปรดน้องเจนมาหลายอย่างเลยนะ”
“ของโปรดพี่นัยมากกว่ามั้งคะ ลืมได้ยังไงว่าน้องเจนไม่กินเผ็ด”
แต่ละเมนูพริกสิบเม็ดแดงฉานทั้งจาน
“แล้วน้องเจนก็ไม่ชอบอาหารไทย ไม่อยากกินข้าวขาว ถ้าเลือกได้ น้องเจนอยากกินข้าวกล้องมากกว่า”
“พี่เรียกพนักงานมาให้ น้องเจนอยากกินอะไรสั่งใหม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องเจนไม่กินข้าว กินแค่กับข้าวเล่นๆ ก็ได้”
“ครับ” เอาที่น้องเจนสบายใจ
ภารนัยเพิ่งกลับจากชลบุรี ฝ่ารถติดยามคนเลิกงานกลับมาถึงบริษัท ตั้งใจจะอยู่เคลียร์งานถึงหนึ่งทุ่มก่อนเอากลับไปทำต่อที่บ้าน มาถึงห้องทำงานยังไม่เริ่มทำอะไรเจอคู่หมั้นสาวมาเซอร์ไพร์ส เห็นผียังไม่ตกใจเท่านั้น หัวใจเขาแทบหลุดจากร่าง
เขาต่อสู้กับอากาศร้อนเกือบสี่สิบองศาออกพื้นที่ไปสำรวจที่ดินแปลงใหญ่ เตรียมนำเข้าที่ประชุมมาจัดสรรพื้นที่ก่อสร้างสิ่งต่างๆ ตามฉบับนักพัฒนาที่ดิน เหนื่อยกว่าเจนจิรานั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจกลับไทยหลายเท่า อยากให้รีบกินรีบกลับบ้าน หมายถึงหล่อนนะ ที่อยากให้รีบกิน ส่วนเขาไม่รู้สึกหิว ท้องอืด แน่นไปทั้งตัวตั้งแต่เจอหล่อน
“ส่วนเรื่องของขวัญเรียนจบ...” เว้นช่วงไปนานนึกว่าลืมไปแล้ว ภารนัยไม่พูดขัด รอฟังคู่หมั้นสาวพูดให้จบ
“น้องเจนขอเวลาว่างพี่นัยสักสองสามวันนะคะ แล้วเราไปภูเก็ตด้วยกัน น้องเจนเที่ยวยุโรปจนเบื่อ อยากเที่ยวในไทยบ้าง”
ไปเที่ยวด้วยกัน สองต่อสองน่ะเหรอ? ภารนัยอึดอัดไปกันใหญ่
“ไม่เหมาะมั้งครับ เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ”