“เจ้าโกรธเรารึ”
ปราณัฐหันมาเลยปะทะกับอกแกร่ง เขาเดินมาซ้อนหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“มาก! ฉันโกรธมาก ตั้งแต่ทำงานมาฉันไม่เคยเปลืองตัวขนาดนี้มาก่อน” บอกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ หน้ายุ่ง และไร้รอยยิ้ม
อลัญเอามือมาประคองศีรษะทุย เลื่อนนิ้วคลำหารอยแผล
“คุณจะทำอะไรเอามือออกไปนะ”
“ก็เจ้าทำหน้าบูดบึ้ง เรานึกว่าสมองเจ้ากระเทือน เจ้าเลิกทำหน้าแบบนี้สิ เราจะได้เลิกวุ่นวายกับหัวของเจ้า”
“โอ๊ย! จะบ้าตาย” ปราณัฐบ่นแล้วถอนหายใจ นับหนึ่งถึงสิบแล้วปั้นยิ้มให้เขาเห็น
“นั่นแหละดีมากคนสวย เจ้าน่าเอ็นดูนักยามมีรอยยิ้ม” ว่าแล้วเลื่อนมือต่ำลงมาที่ลำคอสาว ลูบไล้เบาๆ แต่ทำเอาปราณัฐขนลุกซู่
“เอามือออกค่ะ”
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ขยับกายเข้าไปใกล้อีกนิด แทบเบียดกับพุ่มทรวงที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดฟอร์มของโรงแรม
“ขอเรา...จุมพิตสาวพรหมจรรย์ได้หรือไม่ ริมฝีปากเจ้าช่างน่าจูบเหลือเกิน”
ปราณัฐส่ายหน้า “ไม่...”
“เขาว่าสตรีปากกับใจไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นเราจะถือว่าเจ้าตกลง”
“ฮะ!? มะ...ไม่ อื้อออ...”
ปราณัฐสิ้นเรี่ยวแรงในอ้อมแขนแสนอุ่นของชีคอลัญ เขาช่างมีความช่ำชองในการจุมพิต มิได้บังคับให้เธอต้องออกแรงขัดขืน แต่โน้มน้าวด้วยเรียวลิ้นร้อนให้เธอสมยอมแต่โดยดี ลิ้นเขาหวานเกินจะกล่าว จ้วงเข้ามาทีไร หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นระรัว
อลัญดันร่างคนในอ้อมแขน ให้ลดกายนอนหงายบนเตียงนุ่ม มือร้อนของชีคหนุ่มเลื่อนเข้าไปใต้กระโปรงตัวสวยเพื่อลูบไล้ขาเรียว
ปราณัฐเริ่มดิ้นแรง ทั้งผลักใบหน้าเขาออกห่าง
“ทำอะไรลงไป รู้ตัวไหม” เธอถามแล้วหายใจหอบแรง น้ำตาปริ่มจะไหล ความตื่นเต้นหายไป สองครั้งติดๆ ที่โดนจูบ โดนจูบฟรีด้วย ก็จริงที่อยากได้ชีคเป็นผัว แต่ถ้าต้องเสียตัวฟรีๆ มันไม่ดีแน่ ถ้าเขาอยากขึ้นเตียงกับเธอจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราต้องลองคุยๆ กันก่อนเหรอ แบบว่าศึกษาดูใจอะไรแบบนั้น
อลัญกะพริบตาปริบๆ จ้องมองคนที่อยู่ใต้ร่าง เหมือนจะเห็นละอองน้ำใสในดวงตาคู่สวย
“เรารู้ตัวเสมอปราณัฐ แต่เราห้ามไม่ได้ ตัวเจ้าเหมือนแรงดึงดูดที่คอยแต่จะดูดให้เราเข้าหา รูปโฉมของเจ้า ริมฝีปากเจ้า ได้สัมผัสมันทีไร หัวใจเราไม่เคยเป็นสุขเลย มันคอยแต่จะเต้นแรง และอิ่มเอมไปกับการสัมผัส เจ้าโกรธเราหรือไม่ ขอเราถามสักนิดเถิด”
ปราณัญไม่กล้ามั่นใจ เธอจ้องหน้าเขา ไตร่ตรองในสิ่งที่เขาพูดมา
“ไม่รู้ค่ะ ฉันเหมือน...จะน้อยใจมากกว่าในสิ่งที่คุณทำ ฉันไม่ใช่เอ็มม่านะ ไม่ใช่แม้แต่ผู้หญิงที่คุณจ้างมารับใช้บนเตียงนี้ แต่ดูสิ่งที่คุณทำสิ”
อลัญลุกขึ้น ดึงปราณัฐให้ลุกตาม ช่วยดึงเส้นผมที่ร่วงหลุดจากมวยไปทัดที่หลังหูให้
“มีสิ่งใดที่สามารถลดทอนความน้อยอกน้อยใจของเจ้าได้บ้างไหม หากเราให้ได้ เราจะให้”
ปราณัฐยังจ้องหน้าชีคอลัญ ไม่ได้นึกว่าใบหน้านี้จะเข้ามาอยู่ในใจ ไม่เคยคิดว่าคำว่ารักแรกพบจะเกิดขึ้นกับตัวเอง พอมันเข้ามา มันก็ร้อนรุ่มสุมทรวง อยากเจอ อยากเห็นหน้า ยิ่งเขาพาผู้หญิงมานอนด้วย แล้วมาทำแบบนี้กับเธอ เธอก็ยิ่งเสียใจ
“คุณมีหัวใจไหมอลัญ”
“เราคิดว่ามี” เขาตอบ ประคองวงหน้าน้อยด้วยมือข้างหนึ่ง นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบาๆ บนริมฝีปากล่างของหญิงสาว
“ให้ฉันสิคะ ฉันขอ”
ความเงียบงันคือคำตอบของชายหนุ่ม เขาจ้องปราณัฐ สายตาเขาราวกับจะถามว่า จริงหรือกับคำขอที่เอ่ยออกมา มือเขาถอยห่างแก้มบาง แทนคำตอบที่ปราณัฐได้รับโดยที่เขาไม่ต้องพูดเลย
หญิงสาวลูบหน้าลูบตา พ่นลมหายใจแรงๆ แล้วเผยยิ้มฝืนๆ ให้เขา
“เราไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสาย ฉันจะพาไปเอง” บอกแล้วลุกจากเตียง เดินออกไปรอเขาข้างนอก บังคับหัวใจในอกให้ยอมรับความจริง เขาคือเจ้าชาย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา มันไม่มีทางที่เขาจะมารักเธอได้เลย ที่สำคัญ เธอกับเขาเจอกันแทบนับชั่วโมงได้ เขาคงไม่บ้ารักเธอเหมือนที่เธอรักเขากระมัง
ปราณัฐเอาแต่เงียบขรึมตั้งแต่ออกจากโรงแรมมาจนถึงโรงพยาบาล หญิงสาวไม่ค่อยพูดค่อยจา ชีคถามคำก็ตอบคำ จนการตรวจเสร็จสิ้น ชีคอลัญยิ่งไม่สบายใจ
“เจ้าพยุงเราได้ไหม”
“ถ้าคุณเจ็บมาก ฉันจะไปเอารถเข็น”
“งั้นเราขอเดิน อย่างน้อยก็ได้เดินใกล้เจ้า” เขาว่า น้ำเสียงติดกึ่งงอน
ปราณัฐใจอ่อนยอมเอื้อมมือไปพยุง พาเขาเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ตรงลานจอดหน้าโรงพยาบาล
“คุณต้องกินยาให้ครบนะคะ มันจะได้หายไวๆ และแม้หายเจ็บแล้วก็ยังต้องกินยาให้หมดตามที่หมอบอก”
“เราเข้าใจแล้ว แล้วถ้าเราลืมล่ะ”
“ก็ห้ามลืมสิ”
“เราคงไม่ลืม หากเจ้ามาช่วยเตือน”
“ถ้าฉันว่างฉันจะช่วยนะคะ แต่ถ้าฉันไม่ว่างคุณก็คงต้องคอยเตือนตัวเอง” เธอว่า พาเขาเดินลงบันไดที่มีราวสิบขั้น มันเป็นบันไดไม่สูงมากนัก รถของชีคจอดอยู่ตรงลานจอดซึ่งมีถนนเส้นเล็กคั่นอยู่ ต้องรอให้รถทิ้งช่วงถึงจะข้ามไปได้ มีคนรอข้ามถนนกลุ่มใหญ่ ปราณัฐกระชับมือที่จับมือเขาไว้แน่น