“มารอนานแล้วเหรอคะ?”
หญิงสาวรีบผูกมิตรกับคนที่มาก่อน เธอส่งยิ้มให้พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งด้านข้าง แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่อยากผูกไมตรีด้วย หญิงสาวนางนั้นสะบัดหน้าใส่เธอเสียอีก
“หล่อนเป็นเด็กเส้นน่ะ เลยไม่อยากเสวนากับพวกเรา ยังไงหล่อนก็ได้ทำงานที่นี่แน่ๆ แต่คนอื่นๆ ในที่นี้ต้องรอฟังผล” ชายหนุ่มผู้หนึ่งเอียงตัวมากระซิบกระซาบกับมิรินทร์ เขาแอบเบ้ปากให้หญิงสาวนางนั้น ปลายตามมองหมิ่นๆ ทั้งหมั้นไส้และรำคาญ
“อ๋อ เหรอ!!” มิรินทร์พยักใบหน้ารับรู้ เธอหมดความสนใจหญิงสาวผู้นั้น หันไปคุยกับคนอื่นๆ ที่ดูจะเป็นมิตรมากกว่าแทน “มานานยังคะ มีใครได้เข้าไปแล้วมั้ง รินพึ่งมาครั้งแรก นึกว่าแห้วแล้วด้วยซ้ำ สมัครมาตั้งแต่ปีมะโว้ พึ่งจะเรียกตัวมาสัมภาษณ์วันนี้เอง”
“ยังเลยครับ เห็นว่าคนเรียกพวกเรามาคุยยังไม่มา เขารับแค่5 ตำแหน่ง เสี่ยงมาอย่างนั้นเอง ถ้าได้ก็ถือว่าโชคดีไป”
หญิงสาวก้มมองจดหมายเรียกตัวในมือ เขาระบุเวลาช่วงเช้า และเธอลางานมาแค่นั้นไม่ได้เพื่อเวลาหากมันคลาดเคลื่อน “โห แย่จัง รินลางานมาแค่ช่วงเช้า ถ้าเลยกำหนดรินก็คงต้องถอนตัว แหม... อดเสียดายไม่ได้นะคะ ที่นี่เงินดีด้วย...อยากได้แต่จะทำไงได้ เราเลือกไม่ได้นี่เนอะ” เธอพูดพร้อมกับยิ้ม ไม่ได้กดดันตัวเอง เพราะมีงานประจำทำอยู่แล้ว ได้ก็โชคดี ไม่ได้ก็ถือเป็นประสบการณ์
“แม่นั่นตัวเต็ง1 ที่เหลือก็อีก4 ตำแหน่ง ใครจะได้น้อ?”
มีเสียงรำพึงพร้อมกับปลายตามองหญิงสาวที่มิรินทร์ทักครั้งแรก หญิงสาวเลิกปลายคิ้ว “รู้ได้ไงคะว่าเธอเป็นเด็กเส้น?” มันอดไม่ได้จริงๆ มิรินทร์จึงขยับปากพะงาบๆ ถามออกไป
“ก็เมื่อสักครู่ก่อนที่เธอจะมา มีพนักงานในนี้เดินมาคุยด้วยนะสิ เห็นบอกว่าแม่นั่นรู้จักกับผู้จัดการใหญ่ สนิทกันมากด้วย และอยู่ในแวดวงเดียวกัน”
มิรินทร์เบ้ปาก ไมว่าจะหน่วยงานไหน ล้วนแต่มีระบบเส้นสายเกือบทั้งนั้น...เธอเห็นมาจนชิน และคิดในใจเซ็งๆ หน่วยงานไหนก็แล้วแต่หากมีพวกพ้องอยู่ในนั้น ดึงๆ กันมา...มันจะมีปัญหาคอยให้ตามแก้ไขตลอด เพราะพวกเขาอ้างการมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ทำตัวข่มเพื่อนร่วมงาน คนที่ไม่มีทางไปก็ทนอยู่ คนไหนมีที่ใหม่ที่ดีกว่าก็ชิ่งหนี...โชคดีที่ทำงานเก่าของเธอไม่ค่อยมีกลุ่มคนพวกนี้ เพียงแต่เป็นบริษัทเล็กๆ ผลตอบแทนไม่เท่าบริษัทใหญ่ๆ อย่างบริษัทสหกิจรุ่งเรือง
กลุ่มคนมาใหม่ มีผู้ชายรูปร่างหน้าตาสะดุดตาเดินนำ มีสาวสวยเอวบางร่างน้อยเดินจ้ำๆ ตามหลัง โดยที่คนเดินนำหน้าไม่ได้คิดจะรอ เธอผละมาจากชายหนุ่มผู้นั้น เดินมาทักทายหญิงสาวที่นั่งเชิดหน้าคอแข็งอยู่ตรงหน้าเธอ
“เป็นไงบ้างคะคุณปริม มานานหรือยัง? คุณภูมิติดประชุมอยู่น่ะเลยมาช้า...เดี๋ยวพี่บอกท่านให้ ใจเย็นๆ นะ”
“ค่ะพี่พราว...ขอบคุณค่ะ ปริมไม่เจอภูมินานมาก ไม่รู้ว่าจะยังจำปริมได้หรือเปล่า” มิรินทร์แอบเบ้ปาก เธอกับพวกที่นั่งอยู่ทำเหมือนดอกพิกุลจะร่วงหากปริปากพูด แต่คนมาใหม่หญิงสาวที่ชื่อ... ปริม...กลับพูดจาปราศรัยด้วยทีท่าอ่อนหวาน
“ใครจะจำไม่ได้เล่า ปริมา หัสกิจ สาวสังคมชื่อดัง แต่นึกยังไงคะ อยากทำงานที่เครือสหกิจรุ่งเรือง? คุณพ่อน้องปริมไม่ว่าเอาหรือไง เอะๆ หรือว่าอยากรื้อฟื้นความหลัง!!”
“พี่พราวก็” ดวงตาพราวระยับ จริตจะกร้านน่าหมั้นไส้ คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันเบือนหน้าหนี รู้เลาๆ ว่าเจ้าหล่อนเคยมีนอกมีในกับคนที่เรียกทุกคนในที่นี้มาสัมภาษณ์
“พี่ไปก่อนนะคะคุณปริม เดี๋ยวคุณภูมิดุเอา ขานั้นนะระเบียบเปะ!!”
ภูมิ...ชื่อเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน มิรินทร์ขมวดคิ้วจนหน้าย่น แต่ก็ไม่สามารถนึกออกว่าเคยได้ยินชื่อนั้นมาจากที่ไหน...ช่างเถอะ หากคิวของเธออยู่ช่วงบ่ายก็คงไม่ได้เจอหน้ากันหรอก เขาอาจจะเคยเป็นคนที่เคยผ่านตาเธอมาบ้าง แต่...คนรวยแบบนั้นมิรินทร์มั่นใจว่าตัวเองไม่น่าจะรู้จักมักจี่
“เดี๋ยวทุกคนตามพี่กานมาทางนี้นะคะ พี่จะเรียกตามรายชื่อเพื่อเข้าพบผู้จัดการทีละคน”
สาวใหญ่รูปร่างท้วมเธอเดินมาเรียก พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ
“พี่กานคะ คิวมันจะยาวถึงช่วงบ่ายไหมคะ? รินเห็นมีเกือบ10 ท่าน รินอยู่ลำดับที่เท่าไรเอ่ย... ถ้าอยู่ช่วงบ่ายรินจะได้สละสิทธิ์ รินลางานมาได้แค่ช่วงเช้าเองค่ะ หากเกินนั้นคงไม่ไหว” ก่อนทีทุกคนจะเดินตามสาวใหญ่ไป มิรินทร์เอ่ยถามเสียก่อน สาวใหญ่ขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเปิดแฟ้มที่ถือมาเพื่อดูลำดับของคนที่มารอสัมภาษณ์
“ชื่ออะไรล่ะเราน่ะ”
“มิรินทร์ สุขเกษมค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับยิ้มแป้น
“อืม...ลำดับต้นๆ น่ะ ตามมา...”
สาวใหญ่ปิดแฟ้มฉับ ก่อนจะหมุนตัวเดินนำหน้า เธอไม่ได้เทคแคร์เด็กเส้นสักนิด เมื่อไม่ได้เขามาทักทายหรือพูดคุย กลุ่มคนขนาดย่อมมากกว่าสิบชีวิตเดินตามการนำของสาวใหญ่ เข้าไปในบริเวณด้านใน ส่วนของผู้บริหาร บรรยากาศเย็นเยียบเพราะแอร์คอนนิชั่น กับความอึมครึมของบรรยากาศทั่วไป เมื่อทุกคนต่างก้มหน้าทำงานในหน้าที่ตัวเอง ไม่ได้สนใจคนรอบข้าง มีความเป็นระเบียบอย่างมาก จนมิรินทร์ชื่นชอบ
แต่ละคนตื่นเต้นรอคอยด้วยความหวัง รวมทั้งมิรินทร์ด้วย ระหว่างนั้นมีผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่ง เดินฉับๆ ผ่านหน้าไป เธอเปิดประตูห้องทำงานที่ขึ้นป้ายว่าผู้จัดการ โดยไม่มีพนักงานคนไหนทักท้วง อะไรไม่เท่า!! มิรินทร์ตัวชา เธอจำณัชชาได้เป็นอย่างดี แม้เวลาจะผ่านมานานนับ10ปีแล้วก็ตาม ผู้หญิงที่เป็นภรรยาแต่งของทศ อดีตพ่อเลี้ยงของเธอ
หมายความว่าอย่างไรกัน? หมายความว่าคนในนั้นคือ...
มิรินทร์เตรียมจะลุกหนี เธอไม่อยากพบเจอผู้คนเล่านั้น แม้มินตราจะเลิกร้างจากทศนานมากแล้ว แต่มันก็ยังเป็นตราบาปในใจของเธอ เมื่อมารดาเป็นตัวแปรที่ทำให้ครอบครัวอบอุ่นครอบครัวหนึ่งแตกแยก...เธออายและกลัว กลัวว่าพวกเขาจะจำได้แล้วเหยียบซ้ำให้เธอเจ็บใจอีกครั้ง ความผิดของแม่เป็นความผิดส่วนเดียว แม่ทำเพราะไร้ที่พึ่งพิง พอตั้งตัวได้ก็พยายามแยกห่างจากทศ เพียงแต่แพ้ความดีของเขา บวกกับอยากตอบแทนที่ชายหนุ่มผู้นั้นเคยเกื้อกูล จึงเผลอตัวตกล่องปล่องชิ้นโดยง่ายดาย หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น แม่ตัดขาดทศทันทีแล้วดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นก็ยอมเลิกราง่ายๆ เพราะเขามีใครคนใหม่อีกคนนั่นเอง ผู้หญิงคนนั้นสิตัวจริง ผู้หญิงที่แยกทศออกจากครอบครัว หาใช่มารดาของเธอไม่ เพียงแต่สองแม่ลูกนั่นจะรู้หรือไม่แค่นั้นเอง
“มิรินทร์ สุขเกษมเชิญด้านในค่ะ” มิรินทร์กลอกตา อะไรจะซวยซ้ำ ซวยซ้อนแบบนี้นะ ศัตรูคู่อาฆาตพึ่งจะเดินหายลับเข้าไปในห้องนั้นเมื่อสักครู่ใหญ่ๆ แล้วก็ดันถึงตาเธอที่จะต้องเข้าไปในนั้น นั่นมันแดนประหารของเธอชัดๆ
“เร็วๆ สิยะหล่อน ชักช้าชะมัด” เสียงบ่นเหมือนรำคาญสุดขีดของสาวสวยนางนั้น มิรินทร์จึงจำใจเดินก้มหน้าเข้าไป ภายในห้อง หวังให้สองแม่ลูกนั่นจำเธอไม่ได้ เมื่อเวลามันผ่านมาเนินนานกาเล
แอร์เย็นเฉียบแต่มิรินทร์กลับเหงื่อซึม ไรผมของเธอเปียกชุ่มเหงื่อไหลซึมออกมาเพราะความร้อนจากภายใน เธอเสก้มหน้าลง พยายามไม่เหลือบสายตาไปทางณัชชา หญิงสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟารับรองแขก ในมือของเธอมีแม็กกาซีนหัวนอก นางกำลังเปิดอ่านโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
พราวนภาเดินมาผายมือให้มิรินทร์นั่งลง เธอส่งแฟ้มประวัติของมิรินทร์ให้กับภูมิ ก่อนจะถอยไปยืนอยู่เบื้องหลัง
ชายหนุ่มไม่ได้เงยหน้ามองมิรินทร์เลย หญิงสาวจึงผ่อนลมหายใจช้าๆ โล่งอก แต่ก็ยังไม่วายหวาดหวั่น...
“นางสาวมิรินทร์ สุขเกษม อายุยี่สิบห้าปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก...ด้วยเกรดเฉลี่ยค่อนข้างสูงนะ...มีประวัติการทำงานระหว่างเรียน อืม...น่าสน ไม่ทราบว่าที่สนใจมาร่วมงานกับสหกิจรุ่งเรืองเพราะสนใจค่าตอบแทนหรือว่าอะไรอย่างอื่นล่ะ”
หญิงสาวยังไม่ทันได้ทรุดนั่ง คำถามจากชายหนุ่มผู้ทรงภูมิก็มาเป็นชุด เธอเรียบเรียงคำถามในใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ข่มความประหม่าและหวาดหวั่นเก็บไว้ในใจทั้งหมด เมื่อมันเป็นอดีตที่นานแสนนาน