“คุณป้าสวัสดีค่ะ ขอโทษที่พั้นช์ลงมาช้านะคะ” เสียงหวานปนความสดใสทักทายขึ้น เรียกรอยยิ้มจากคุณศิรินาถเช่นเดียวกับเจ้าของดวงตาคมกริบที่เผลอหันมองอัตโนมัติ
“สวัสดีค่ะพี่น่าน” เจ้าของเสียงสดใสจงใจทักทายหนุ่มหล่อตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง ทั้งยิ้มให้ ทั้งอวดความสดใสที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าเห็นทีไรหัวใจเป็นต้องเหลวละลาย แต่เหมือนมันจะใช้ไม่ได้เลยกับคนอย่างน่านน้ำ นายแพทย์หนุ่มจากโรงพยาบาลชื่อดังที่หล่อมากและยิ้มยากเช่นกัน
“ครับ” เสียงตอบรับสั้นๆ เกือบจะทำให้คนตัวเล็กหุบยิ้ม ติดตรงที่คุณป้าใจดีด้วยอุตส่าห์ชวนคุยจนต้องลืมความผิดหวังไปชั่วขณะ
“ดีจังเลยที่วันนี้น้องพั้นช์ไม่ไปไหน ถ้ามาแล้วไม่เจอป้าต้องเสียดายมากแน่ๆ”
“พูดแบบนี้แปลว่าคิดถึงหรือเปล่าคะ”
“คิดถึงสิจ๊ะ หลานสาวคนสวยทั้งสวยทั้งน่ารัก คุยเก่งออกแบบนี้ คิดถึงทุกวันอยู่แล้วค่ะ” บอกออกมาก่อนจะหันหน้าไปทางเพื่อนรัก ระดับแม่ๆ ขยิบตาให้กัน เห็นแบบนั้นคนที่กำลังจะถูกคลุมถุงชนจึงได้ทำเพียงลอบถอนลมหายใจ
พยายามแล้ว พยายามที่จะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตใครด้วยเหตุผลของการคลุมถุงชน แต่ตอนนี้มันไม่น่าจะเป็นผลแล้วจริงๆ
@ย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว
“น่านลูก”
“ครับคุณแม่”
“ทำไมพักนี้ทำงานหนักจังเลยล่ะลูก ไปทำงานแต่เช้ากว่าจะกลับก็ปาไปมืดค่ำ แบบนั้นจะเอาเวลาที่ไหนมาพักผ่อน”
“ในเมื่อเลือกที่จะเดินสายอาชีพนี้แล้วก็คงต้องทำใจนะครับแม่ ช่วงนี้ที่โรงพยาบาลค่อนข้างยุ่ง อาจจะไม่ค่อยได้แวะกลับบ้านนะครับ แต่คุณแม่โทรหาผมได้ตลอดเวลา” คุณศิรินาถถอนหายใจยาว โทรได้ตลอดเวลาน่ะใช่ แต่ถามว่าคนเป็นแม่หายเหงาไหม ตอบเลยว่าไม่
อายุของลูกชายท่านก็มากขึ้นทุกวัน ฟงแฟนไม่เคยมีให้เห็น ทั้งกลัวว่าบุตรชายจะบ้างานจนไม่คิดจะมีครอบครัว ไม่ยอมมีหลานให้คนเป็นย่า หัวอกก็ร้อนรุ่ม ตอนนี้น่ะไม่เท่าไหร่ หากวันนึงคนเป็นแม่ไม่อยู่แล้วลูกชายหมอจะอยู่ยังไง
อยู่เพื่อทำงานไปวันๆ ไม่มีครอบครัว ขาดคนดูแลแบบนั้นน่ะเหรอ คนเป็นแม่ทนไม่ได้แน่
“เมื่อไหร่น่านจะมีแฟน”
“ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยครับ”
“แต่อายุปาไปสามสิบสี่แล้วนะ น่านจะรอจนถึงเมื่อไหร่”
“ทุกอย่างมันจำเป็นต้องใช้เวลาเวลานะครับแม่”
“ตอบแม่แบบนี้ตลอดเลย แล้วเวลาที่ว่าเนี่ยเมื่อไหร่มันจะมาถึง”
“เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่พร้อมนะครับแม่”
“ไม่พร้อม? ไม่พร้อมเรื่องอะไร น่านโตแล้วนะโตพอที่จะมีครอบครัวได้แล้ว มีหลานให้แม่อุ้มให้แล้ว”
“คุณแม่ก็เห็นนี่ครับว่าวันๆ ผมทำแต่งงานยังไม่มีเวลามองใครเลย”
“น่าน น่านรักแม่ไหม”
“รักสิครับ ผมรักคุณแม่มากที่สุดอยู่แล้ว”
“แล้วถ้าแม่ช่วยน่านล่ะ”
“ช่วย?”
“ในเมื่อลูกบอกว่าลูกไม่มีเวลา แฟนที่ลูกไม่มีสักที ขอแม่เป็นคนเลือกให้ได้ไหม”
“คุณแม่ครับ”
“น้องพั้นช์ ลูกสาวน้าแพรเพื่อนแม่ไง น้องสวยมากเลยนะ น่ารัก สดใส มองโลกในแง่ดี แม่ชอบคนนี้มากๆ”
“คุณแม่ครับ มันหมดยุคที่จะไปทำแบบนั้นแล้วนะครับ”
“เจอกันก่อนได้ไหมลูก ทำความรู้จักกันหน่อย บางทีน่านอาจจะเชื่อแม่และขอบคุณแม่ในสักวันก็ได้นะ”
“อย่าทำแบบนั้นดีกว่านะครับ ถ้าเกิดทุกอย่างไม่ได้เป็นไปแบบที่แม่คิดปัญหามันอาจจะตามมาภายหลังก็ได้”
“แล้วทำไมเราต้องโฟกัสอยู่ที่ปัญหา ทำไมเราไม่คิดว่าทุกอย่างมันอาจจะออกมาดีก็ได้ล่ะ”
“คุณแม่ครับ…”
“แม่เหงา ทุกวันนี้ลูกแทบไม่มีเวลาให้แม่เลย แม่แค่อยากอุ้มหลาน ในวันที่แม่ยังมีแรงก็แค่นั้นเองนะ” พอเจอน้ำเสียงออดอ้อน ทำให้คนฟังถึงกับถอนลมหายใจออกมาอย่างคิดหนัก
“ผมไม่พร้อมจริงๆ นะครับ ต่อให้รู้จักกันหรือต่อให้คุณแม่อยากให้เราสองคนรู้จักกันมากแค่ไหน สุดท้ายวันนึงน้องก็ต้องไม่โอเคที่ผมไม่มีเวลาให้อยู่ดี”
“เอาแบบนี้ได้ไหมล่ะ ถ้าลองคุยกันแล้วน้องไม่โอเค แม่จะไม่ขอร้องและจะไม่วุ่นวายอะไรอีกเลย”
“…”
“และแม่จะไม่ทำแบบนี้อีก โอเคไหมลูก”
“สัญญาแล้วนะครับ”
“…”
“ถ้าไม่มีทางเข้ากันได้ จนน้องเลือกที่จะถอดใจ คุณแม่ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก”
“โอเค แม่สัญญา”