ขิงไม่อยากทำเรื่องร้ายกาจแต่เขาอดที่จะหงุดหงิดและอิจฉาไม่ได้คนอย่างใบข้าวมีดีอะไรทำไมทัพถึงรักนักหนา ตนตอนนี้ดูดีกว่ามากดังนั้นก็ควรจะสนใจมากกว่า
ใช่…แค่ขาดโอกาสเท่านั้นถ้าอีกฝ่ายลองมาอยู่กับตนบ้างก็อาจจะหลงรักได้ไม่ยาก พอคิดแล้วก็เริ่มเข้าข้างตัวเอง
ตอนเย็นทัพกลับมาจากทำงานบริษัทเพราะสานต่อจากบิดาที่ล่วงลับเขาจึงต้องเป็นประธานในวัยไม่ถึงสามสิบปี และถึงแม้บ้านของเขาจะเป็นถึงคฤหาสน์แต่กลับเลือกที่จะเดินไปยังบ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ห่างจากบ้านหลักอยู่เล็กน้อยเพราะที่นั่นมีใบข้าวรออยู่และทัพขนของบางส่วนไปอยู่ด้วยนานแล้ว
“จะไปไหน” ทว่าเสียงของผู้เป็นแม่ได้รั้งเขาไว้จึงหยุดชะงัก
“มีอะไรครับ”
“มีอะไรงั้นเหรอ…ฉันเป็นแม่นะแทนที่ลูกจะอยู่บ้านนี้แต่กลับไปอยู่บ้านคนใช้”
“ข้าวไม่ใช่คนใช้นะครับ “
“แต่ฉันให้มันเป็น! ลูกก็เถอะแทนที่จะอยู่บ้านบ้างกลับเอาแต่ไปหามัน เมียก็รออยู่ทุกวันทำไมไม่มา” พูดพลางชี้ไปยังขิงที่ยืนอยู่อย่างสงบเสงี่ยมแต่ทัพไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“ผมแต่งงานให้แล้ว ทะเบียนสมรสก็จดให้จะเอาอะไรกับผมอีก”
“หน้าที่สามี! แกต้องทำ!”
“แต่ผมไม่ได้รักเขา”
คำ ๆ นี้ทำให้มือทั้งสองของขิงกำแน่น สักวันจะต้องทำให้อีกฝ่ายหลงรักตนให้ได้
ทิษยาไม่อยากทะเลาะกับลูกมากนัก เธอถอนหายใจแล้วเดินเข้าหามือจับแขนลูกท่าทีอ่อนลง
“เอาเถอะ ยังไงวันนี้มาทานข้าวกับแม่สักมื้อนะ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ทานด้วยกันตั้งแต่พ่อจากไปลูกก็ไม่ค่อยอยู่บ้านนี้นัก” น้ำเสียงแสร้งสั่นเครือท่าทางน่าสงสารจนทัพใจอ่อนได้ไม่ยาก
เขาพยักหน้าตกลงอย่างจำใจเพราะปกติใบข้าวจะรอกินด้วยกัน พอจะขอตัวไปบอกก่อนก็ถูกผู้เป็นแม่พาไปยังโต๊ะอาหารแล้ว
ขิงนั่งตรงข้ามทัพโดยที่ทิษยานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ เหล่าคนใช้ต่างวางจานข้าวและอาหารมากมาย
“ไหน ๆ วันนี้ก็มาทานข้าวแล้ว นอนกับน้องสักคืนนะ”
มือของทัพที่กำลังจะตักข้าวหยุดชะงัก เขามองขิงที่ยิ้มเขินอายอย่างเย็นชา
“ไม่ครับ”
ทิษยาก็เม้มปากพลางเหลือบตามองสะใภ้ไม่ได้ความที่เอาแต่นั่งทื่อไม่พูดอะไรสักคำ ช่างน่าหงุดหงิดจริง ๆ
“คุณแม่ผมนอนคนเดียวได้ครับ ไม่เป็นไร”
“นี่…” เธอเตรียมจิกตาใส่แต่พอมองแววตาของขิงที่บ่งบอกว่ามีแผนการเธอจึงเลือกที่จะเงียบปาก
ดังนั้นอาหารมื้อนี้จึงอึดอัดเล็กน้อยและทัพก็ทนกินจนหมด จากนั้นจึงรีบเดินไปยังบ้านคนใช้ที่ใบข้าวอาศัยอยู่คนเดียว เท้าก้าวยาว ๆ ฉับไวห่างตัวคฤหาสน์ไม่ถึงสองร้อยเมตรก็เห็นบ้านชั้นเดียวที่เงียบเหงาแต่ว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นคนรักกำลังนั่งพับผ้าอยู่
ไม่รอช้ารีบโยนกระเป๋าเอกสารแล้วเข้าไปสวมกอดทันที
“คิดถึง..”
พอได้ยินเช่นนี้ใบข้าวก็ยิ้ม ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนเขาก็ยังเขินอายเสมอ
“พับผ้าเหรอ พี่ช่วย”
“ไม่เป็นไรครับ พี่มาเหนื่อย ๆ เดี๋ยวผมยกข้าว…”
“คือพี่กินมาแล้วล่ะ”
ใบข้าวก็แปลกใจเพราะปกติจะกินด้วยกันทุกวัน
“พี่ขอโทษนะ แม่ให้พี่กินด้วยน่ะ”
พอได้ยินเช่นนี้สีหน้าคนฟังก็หม่นลงจนทัพต้องรีบอธิบาย
“เพราะแม่จริง ๆ ไม่ใช่เพราะใคร”
“ผมเข้าใจครับ..พี่ทัพ..ที่จริงผมก็แค่เมียน้อยพี่น่าจะไปหาคุณขิงบ้างนะครับ”
“อะไรนะ”
คิ้วของคนฟังขมวดมุ่นไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คนรักกำลังบอกให้ตนไปหาคนอื่นงั้นเหรอ
“พูดอะไรน่ะข้าว”
“จริง ๆ นะครับ คุณขิงเขาคือภรรยาที่ถูกต้องของพี่แต่ผมไม่ใช่”
“นายกำลังหลงกลแล้วนะ! อย่าลืมว่าที่พี่แต่งงานกับเขาก็เพื่อให้เราได้คบกัน!”
“แต่มันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ว่าผมไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของพี่”
ทัพเสยผมแล้วขยี้อย่างหงุดหงิด ทำไมถึงคิดแบบนี้ ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่เมียที่แท้จริงจะมีใครเป็นได้อีก สถานะถูกกฎหมายอะไรก็ช่างแต่จิตใจต่างหากคือของจริง
“พี่รักข้าวนะ…พี่ไม่ได้รักขิง”
“แต่คุณขิงคือภรรยาที่ถูกต้องของพี่”
“ข้าว! พี่จะเบื่อแล้วนะ อะไรนักหนา! อ้อ หรือที่นายหาเรื่องทะเลาะก็เพราะจะขอเลิกเพื่อกลับไปหาไอ้แก่นั่นใช่ไหม! นายบอกว่าเลือกฉันแล้วไง!”
คำตวาดเสียงดังก้องทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก ใบข้าวเบิกตากว้างไม่คิดว่าจะถูกตะคอกใส่และยังกล่าวถึงเขาคนนั้น…ชายที่ทิ้งตนไป…
ทัพก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองพูดแรงไปและยังรื้อฟื้นอดีตแต่ว่ามันน่าโมโหจริง ๆ
เขาลุกยืนแล้วเตรียมออกไป
“เมื่อข้าวต้องการแบบนี้พี่จะทำให้ คืนนี้พี่จะไปนอนกับเขา”
คนฟังน้ำตารื้น ปากอยากจะขยับแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกไปจนทำให้ทัพโมโหมากกว่าเดิม เขารีบเปิดประตูเดินออกไปรีบเร่งฝีเท้าไปยังคฤหาสน์เพื่อให้พ้นจากที่นี่ก่อนจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้
ทางด้านขิงกำลังถูกทิษยาตำหนิที่ไม่ทำอะไรแต่แล้วกลับได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งเดินมาเป็นบุตรชายของตน
“มีอะไรเหรอ”
ทัพไม่สนใจผู้เป็นแม่แล้วมองขิงก่อนจะจับแขนแล้วดึงให้ลุกไปด้วยกัน
”อะ..อะไรน่ะทัพ จะไปไหน”
“ผมจะอยู่กับเมียผมครับ”
พอทั้งสองได้ยินก็ตกใจแม้แต่ขิงเองที่คาดว่าข้าวน่าจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายมาหาตนบ้างแต่ไม่คิดว่าจะเร็วไวขนาดนี้ เขาถูกลากพาไปยังชั้นสองแล้วโดนผลักเข้าไปในห้องนอน
“พะ..พี่ทัพ…”
“ถอดเสื้อผ้า”
“ครับ?”
“บอกให้ถอดเสื้อผ้าไง ฉันจะได้ทำหน้าที่ผัวให้”
ขิงยังไม่หายตกใจ อะไรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ พอทัพเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่งจึงจัดการถอดเสื้อผ้าตนเองออกก่อนจากนั้นลากขิงเข้าไปยังห้องน้ำด้วยกัน ฉีกกระชากเสื้อผ้าจนขาดพลางเปิดฝักบัวให้เปียกชุ่ม
“พะ..พี่ทัพ ผมถอดเองได้ครับ..พี่ไม่ต้องรีบ…”
“หุบปาก! ฉันจะได้รีบทำหน้าที่แล้วจะได้ไปสักที”
ขิงเม้มปาก การเป็นสามีมีแค่เรื่องนี้หรือไง
ทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าร่างกายเปียกไปด้วยน้ำ ทัพที่ตอนแรกเป็นคนเร่งทั้งฉีกกระชากเสื้อผ้าแต่พอมาถึงตอนนี้กลับเอาแต่ยืนนิ่ง เขานึกถึงใบข้าวจนไม่สามารถที่จะทำอะไรได้แค่โมโหและประชดเท่านั้น
“พี่…ทัพ..” มือยกสัมผัสใบหน้าแต่ถูกปัดทิ้ง
“อย่ามาจับ!”
ขิงก็หน้าเสีย
“พอ..ฉันแค่คิดชั่ววูบเท่านั้น” เขาทำท่าจะเปิดประตูออกไปแต่ขิงโอบกอดจากด้านหลังไว้
“อย่าไปนะครับ…พี่ทัพเราคือสามีภรรยากันนะ”
“ฉันเป็นแค่ในนามเท่านั้น!” จับแขนที่กอดออกแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อย
“ถ้าพี่มอบลูกให้กับผม..ผมสัญญาว่าจะพูดกับคุณแม่ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวเรื่องของพี่ ผมก็จะไม่ยุ่งกับพี่ด้วย!”
ทัพหยุดชะงักไม่คิดว่าขิงจะกล้าพูดแบบนี้
“ขอร้องล่ะครับ ขอแค่ลูกเท่านั้นก็ยังดี…ฮึก..ก..พี่ทัพ…”
ขิงสะอื้นแต่แท้จริงเขารู้ดีว่าตนไม่มีสิทธิ์ตั้งท้อง ที่พูดก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น ทัพจะต้องทำหน้าที่สามีจนกว่าจะท้อง….ซึ่งไม่อาจมีวันนั้น….
“พี่ทัพ..ฮึก..ก..ผมรักพี่นะ…ผมสัญญาว่าถ้าผมท้องผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวความรักของพี่อีก ผมจะเป็นภรรยาแค่ในนามจริง ๆ”
ทัพกัดฟัน เขาไม่อาจทรยศใบข้าวได้ถ้าอีกฝ่ายรู้ต้องเสียใจมากแน่แต่ว่าใบข้าวเป็นคนผลักให้ตนทำหน้านี้คิดแล้วก็โมโหเรื่องเมื่อครู่จนเกิดการประชดประชันอีกครั้ง
“ได้…ฉันจะทำให้…” พูดพลางดึงมือของขิงออกพร้อมกับจับร่างกายให้หันเข้าผนัง สอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางด้านหลังฉับพลันจนขิงสะดุ้งตกใจ